- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ผู้นำจัดการคนไม่ได้ เลขามูลนิธิสืบฯ หวั่นน้ำท่วมกรุงจริง โกลาหลแน่ !
ผู้นำจัดการคนไม่ได้ เลขามูลนิธิสืบฯ หวั่นน้ำท่วมกรุงจริง โกลาหลแน่ !
เลขาฯมูลนิธิสืบ กระตุ้นเตือนคนเมืองหลวง เฝ้าระวังเหตุการณ์ด้วยตนเองได้ ให้สามารถอยู่กับน้ำได้อย่างปลอดภัย ชี้โอกาสถึง 50 % น้ำจะท่วมกรุง หวั่นเกิดความโกลาหล เพราะขาดผู้บริหารที่สามารถดูแลคนได้
วันที่ 22 ตุลาคม หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร จัดเสวนา “ต้องรอด” ภายใต้นิทรรศการ “เมืองจมน้ำ Let’s Panic” ซึ่งร่วมกับเครือข่าย Design for Disasters ระหว่างวันที่ 20 ตุลาคม - 25 พฤศจิกายน 2554 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยมี นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ร่วมเสวนา
นายศศิน กล่าวถึงก่อนหน้านี้ที่มีการทำคลิปวิดีโอออกมานั้น เพื่อต้องการที่จะเตือนให้คนกรุงเทพฯได้รับรู้ถึงสถานการณ์น้ำที่กำลังจะมาถึง โดยได้มีการรวบรวมข้อมูล และมานำเสนอเพื่อให้คนได้รับรู้ ซึ่งสถานการณ์น้ำตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เป็นสถานการณ์น้ำท่วมที่ 20 ปี หรือ 50 ปีจะเกิดขึ้นสักครั้ง
นายศศิน กล่าวว่า มวลน้ำขนาดใหญ่ที่มาจากทางเหนือ มีปริมาณประมาณ 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร โดยจะเคลื่อนตัวโดยเฉลี่ย 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นการเคลื่อนตัวที่ช้า
“ทางออกของน้ำเหนือที่ไหลลงมาเรื่อยๆ ก็คือทะเล แต่นครปฐม นนทบุรี กรุงเทพฯ และฉะเชิงเทรา เป็นเทศบาลใหญ่ที่ไม่ยอมให้น้ำผ่าน น้ำจึงไม่สามารถไหลลงทะเลได้ และที่สามารถลงได้ นั่นคือ แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำเจ้าพระยา และครองระพีพัฒน์ คลองรังสิต ไหลลงไปยังแม่น้ำบางปะกง”
นายศศิน กล่าวต่อว่า จากการศึกษาเว็บไซต์ของกรมชลประทาน รวมกัน 3 แม่น้ำ แม่น้ำเจ้าพระยาจะสามารถรองรับน้ำได้จำนวนมาก คือประมาณ 60 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และเมื่อรวมกับอีก 2 แม่น้ำที่สามารถรองรับได้แม่น้ำละ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะคิดเป็นประมาณ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
“น้ำจากข้างบนมีเป็นหมื่นล้านลูกบาศก์เมตร และสามารถระบายน้ำได้วันละ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดง่ายๆ เราต้องใช้เวลาประมาณ 100 วัน หรือประมาณ 3 เดือนครึ่งในการระบายน้ำจนหมด ฉะนั้น กรุงเทพฯจึงเข้าขั้นอันตราย มีความเป็นไปได้ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ที่น้ำจะท่วมกรุงเทพฯ”
นายศศิน กล่าวถึงสถานการณ์ขณะนี้ อยากให้คนกรุงเทพฯ เตรียมตัว เรียนรู้ภูมิศาสตร์อยู่ส่วนไหนของกรุงเทพฯ เพื่อที่จะได้รับรู้สถานการณ์ล่วงหน้าและสามารถเตรียมตัวรับมือได้
“ปัญหาที่น่ากลัวกว่าน้ำท่วมตอนนี้คือการสื่อสาร ขณะเดียวกันการที่มีการอพยพ นับเป็นการเอาปัญหามาซ้อนเพิ่มขึ้น จึงไม่ควรที่จะเอาคนไปรวมกัน แต่ควรที่จะสอนให้ประชาชนอยู่ร่วมกับน้ำให้ได้มากกว่า ดังนั้นจึงต้องมีการประกาศล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดน้ำจะท่วม ว่า คนที่ไม่สามารถอยู่กับน้ำได้ก็ขอให้ย้ายไปอยู่ที่ต่างจังหวัด จะช่วยเป็นการจัดการที่ไม่ต้องจัดการ”
เลขาฯมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวอีกว่า เรามีผู้บริหารที่จัดการคนไม่ได้ หากน้ำท่วมกรุงเทพฯ จริงๆ สิ่งที่น่ากลัวกว่าน้ำ นั่นคือความโกลาหล แตกตื่นของคนกรุงเทพฯไม่เคยเผชิญ
“เรื่องน้ำ ผมเชื่อว่า วิศวกรในกรมชลประทานทำเต็มความสามารถแล้ว แต่น้ำมาเยอะมากและเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ถ้าเกิดเรามีผู้บริหารที่สามารถดูแลคนได้ น้ำท่วมก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่และไม่นานเราก็สามารถผ่านไปได้ แต่ปัญหาใหญ่ที่น่ากลัวไม่ใช่เรื่องน้ำท่วม แต่เป็นความโกลาหล”
นายศศิน กล่าวด้วยว่า ในพื้นที่ที่เกิดน้ำป่าบ่อยครั้ง ยังมีการจัดการให้รอดกันได้ แต่ในเมืองกรุงน้ำมาอย่างช้าๆ แต่ก็ยังปล่อยให้คนในเมืองเปียกได้ ทั้งที่อยู่ในโลกที่สามารถรับรู้ข่าวสารล่วงหน้า ฉะนั้น คนกรุงเทพฯเองก็สามารถที่จะเฝ้าระวังเหตุการณ์ด้วยตนเองได้ จากข้อมูล เช่น ในเว็บไซต์ของกรมชลประทาน ที่จะมีการรายงานความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด มีการเฝ้าระวังกันเอง ซึ่งถ้าพลเมืองรู้ว่าต้องทำอะไร ที่ไหน ก็จะสามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัย
“มนุษย์เรามีสามารถ ที่จะเข้มแข็งได้ แข็งแกร่งได้ ปรับตัวอยู่ได้ คนกรุงเทพฯก็เหมือนกัน ที่มีความแกร่งพอ และเมื่อผ่านน้ำท่วมครั้งนี้ได้ คนที่ความสามารถที่เก่งขึ้น จะรักกันมากขึ้น มีน้ำใจมากขึ้น ถ้าเราจัดการให้มันถูกต้อง และหลังจากผ่านเหตุการณ์เราต้องนำบทเรียนครั้งนี้มาช่วยทำให้สังคมเราเข้มแข็ง และเกิดการก้าวกระโดดให้ได้”