- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- "โคฟี อันนัน" จับเข่าคุย "คอป." หวังวิกฤติน้ำท่วมไทยจุดเริ่ม "จับมือ-ปรองดอง"
"โคฟี อันนัน" จับเข่าคุย "คอป." หวังวิกฤติน้ำท่วมไทยจุดเริ่ม "จับมือ-ปรองดอง"
อดีตเลขาฯ ยูเอ็น หวังไทยใช้วิกฤตเป็นโอกาส ช่วงสถานการณ์น้ำท่วม หนุน คอป.ควรมีบทบาทในการส่งเสริมให้ทุกฝ่ายที่เป็นคู่ขัดแย้งได้ร่วมกันช่วย เหลือประเทศชาติให้ผ่านพ้นจากวิกฤต
เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ที่มูลนิธิโคฟี อันนัน ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดร.คณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) และ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะกรรมการ คอป. และประธานอนุกรรมการด้านยุทธศาสตร์การปรองดองของ คอป. ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ผู้มีบทบาทเด่นในเรื่องการสร้างสันติภาพของโลก และเป็นเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพร่วมกับองค์การสหประชาชาติ ประจำปี 2544
ทั้งนี้ ดร.คณิต และ ดร.กิตติพงษ์ ได้พูดคุยหารือกับ นายโคฟี อันนัน เรื่องการดำเนินงานของ คอป. และขอคำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการสร้างความปรองดองในประเทศไทย รวมทั้งเชิญนายอันนันเยือนประเทศไทยเพื่อแสดงทัศนะในเรื่องการปรองดองสมานฉันท์ด้วย
มีรายงานว่า บรรยากาศการหารือเป็นไปอย่างเข้มข้นแต่เป็นมิตร โดยในเบื้องต้นนายอันนันได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก และขอเป็นกำลังใจให้ประเทศไทยสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้โดยเร็วที่สุด
จากนั้นเมื่อได้หารือถึงเนื้องานของ คอป. ปรากฏว่า นายอันนันแสดงความสนใจอย่างมากต่อกระบวนการและความคืบหน้าการทำงานของ คอป. ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคในการสร้างความปรองดองในประเทศไทย พร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์หลายประการ ได้แก่
1.ผู้ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่ขัดแย้งทางการเมือง ควรให้ความร่วมมือต่อกระบวนการสร้างความปรองดองในประเทศอย่างจริงจังและจริงใจ มิใช่ให้การสนับสนุนแต่เพียงคำพูดว่าจะให้ความร่วมมือกับ คอป.เท่านั้น
2.การเข้าถึงและการมีส่วนร่วมของสาธารณะ (public outreach) ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากต่อความสำเร็จของ คอป. โดย คอป.ควรดำเนินการให้ประชาชนทราบและเข้าใจถึงบทบาทและอำนาจหน้าที่ (mandate) ของ คอป. ทั้งยังควรเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการต่างๆ ของ คอป.มากขึ้น เช่น การเยียวยาในระดับชาติ (national healing) หรือการสร้างความปรองดอง เป็นต้น เพราะการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการต่างๆ จะเป็นการสร้างความเชื่อถือต่องานของ คอป.เอง
3.คอป.ต้องดำเนินงานอย่างมีอิสระ ไม่อยู่ภายใต้ความกดดันและอิทธิพลทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศ ที่สำคัญการติดต่อผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเพื่อให้คำแนะนำและความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคหรือวิชาการจะต้องวางแผนอย่างรอบคอบ และคำนึงถึงบทบาทตลอดจนช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่องานของ คอป.อย่างแท้จริงด้วย
โอกาสนี้ นายอันนันยังคาดหวังว่า ในช่วงเวลาที่ประเทศชาติมีวิกฤติเกิดขึ้น ดังเช่นสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน คอป.ควรมีบทบาทในการส่งเสริมให้ทุกฝ่ายที่เป็นคู่ขัดแย้งได้ร่วมกันช่วยเหลือประเทศชาติให้ผ่านพ้นจากวิกฤต ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันเพื่อมีส่วนร่วมในการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในประเทศ นอกจากนี้ คอป. จะต้องระมัดระวังไม่ให้วิกฤตดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดความข้ดแย้งขึ้นใหม่ หรือทำให้ความขัดแย้งบานปลายมากขึ้นกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2554 ดร.คณิต และ ดร. กิตติพงษ์ ได้เยี่ยมคารวะนายมาร์ตติ อาห์ติซารี (Martti Ahtisaari) อดีตประธานาธิบดีประเทศฟินแลนด์ ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2551 ผู้เชี่ยวชาญด้านการไกล่เกลี่ยเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศและการจัดการสถานการณ์ภายหลังความขัดแย้ง ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เพื่อหารือเรื่องการดำเนินงานของคอป.และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับแนวทางในการสร้างความปรองดองในประเทศต่างๆ พร้อมทั้งเรียนเชิญมาเยือนประเทศไทยเพื่อแสดงทัศนะในเรื่องดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ นายอาห์ติซารีเห็นว่าการทำงานของ คอป. เพื่อสร้างความปรองดองอย่างยั่งยืนในสังคมไทย ควรเน้นที่การป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งเกิดขึ้นอีก (preventive role) มากกว่าการมุ่งหาผู้รับผิดชอบจากเหตุการณ์ในอดีต โดยคอป.ต้องเป็นผู้สร้างกลไกและมาตรการที่เหมาะสมในการป้องกันมิให้ความขัดแย้งเกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ คอป.ได้พยายามดำเนินการอยู่แล้ว แต่ต้องพยายามทำให้ชัดเจนขึ้น
นอกจากนี้ คอป. ต้องวางแผนด้านการสื่อสารต่อสาธารณะอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาความเป็นกลางและเป็นอิสระของ คอป. ทั้งนี้ คอป. ควรสื่อสารให้ประชาชนได้รับรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งและเหตุการณ์ความรุนแรงที่ผ่านมา รวมทั้ง สร้างความเข้าใจว่า การปรองดองมิอาจเกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเวลาและความอดทนจากทุกฝ่าย
ที่สำคัญนายอาห์ติซารีได้แสดงทัศนะที่น่าสนใจยิ่งว่าการสร้างความปรองดองในชาติจะมิอาจเกิดขึ้นได้ หากแต่ละฝ่ายต่างมุ่งเน้นที่จะเอาชนะกันมากกว่าที่จะคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ คอป.ต้องทำให้ทุกฝ่ายตระหนักว่า ชัยชนะที่แท้จริงควรเป็นของคนทั้งชาติที่สามารถก้าวข้ามความขัดแย้งไปสู่การปรองดองได้ในที่สุด (Actually the winner is the whole nation. No group should win; every citizen must win.)
แม้จะมีประสบการณ์ในการจัดการความขัดแย้งในหลายภูมิภาคทั่วโลก นายอาห์ติซารีได้เห็นว่าปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศเป็นเรื่องเฉพาะที่ไม่สามารถนำเอาประสบการณ์ของประเทศอื่นๆมาใช้ได้โดยทันที อย่างไรก็ตามคอป.ควรศึกษาแนวทางและประสบการณ์ในการจัดการความขัดแย้งและความรุนแรงของประเทศอื่นๆ เพื่อนำแนวทางต่างๆมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในประเทศไทย เพราะปัญหาของสังคมไทยเป็นเรื่องที่ประชาชนในสังคมไทยต้องแก้ไขด้วยตนเอง เนื่องจากไม่มีสูตรหรือรูปแบบสำเร็จในการจัดการความขัดแย้งที่จะนำไปใช้ได้กับทุกๆสังคม
ท้ายที่สุด นายอาร์ติซารีได้ตอบรับคำเชิญของคอป.ในการมาเยือนประเทศไทยเพื่อแสดงทัศนะที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างความปรองดองในประเทศไทยในอนาคต โดยคาดว่าจะมาเยือนในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้
ที่มา ภาพข่าว จาก:http://www.facebook.com/pages/Kittipong-Kittayarak/133672886723529