- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ระเบิดถนน เจาะช่องให้น้ำผ่าน 'ปรเมศวร์' เสนอนายกฯ ทำทันที เร่งผันน้ำลงทะเล
ระเบิดถนน เจาะช่องให้น้ำผ่าน 'ปรเมศวร์' เสนอนายกฯ ทำทันที เร่งผันน้ำลงทะเล
ผู้ก่อตั้ง ThaiFlood เปิดจุดบอด ศปภ. ไม่มีตัวแทนภาคปชช.เข้าไปนั่งหารือ แย่งกันทำงาน แนะสกัดคนไม่รู้เรื่องน้ำออกไป ขณะที่ "ปราโมทย์ ไม้กลัด" ชี้การจัดการน้ำ ลงมือทำสำคัญสุด ไม่ใช่การพูด มอง ศปภ. ทำงานช้า ไม่กระชับ ทุกอย่างเป็นเอกสาร เป็นคำสั่ง
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ชมรมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ หารือร่วมกับนายปรเมศวร์ มินศิริ ผู้ก่อตั้งศูนย์ข้อมูลช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม (ThaiFlood) ถึงสถานการณ์วิกฤตน้ำท่วมที่เกิดขึ้น โดยนายปรเมศวร์กล่าวว่า จากการวิเคราะห์สถานการณน้ำท่วม โดยภาพถ่ายดาวเทียม Terra sensor MODIS ณ เวลา 11.30 น.ของวันที่ 26 ตุลาคมพบว่า ภาพรวมน้ำยังมีปริมาณมาก น้ำภาคเหนือตอนล่างยังมีปริมาณมาก ซึ่งต้องไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ที่มีช่องทางแคบ ทำให้ปริมาณน้ำไหลลงทางใต้อาจไม่มากอย่างที่คิด แต่จะต่อเนื่องเป็นเดือน คาดว่ามีผลทำให้บริเวณนั้นมีน้ำท่วมขังอีกนาน
ส่วนทางทิศตะวันตกจังหวัดนนทบุรีและนครปฐมได้รับน้ำไปบางส่วนแล้ว แต่น้ำยังเดินทางไม่ถึงทางออกทะเล ขณะที่ปริมาณน้ำที่ผันไปทางทิศตะวันออกยังคงมีปริมาณน้อย น้ำยังคงเดินทางไม่ถึงจังหวัดสมุทรปราการ จึงทำให้เครื่องสูบน้ำทำงานได้ไม่เต็มที่
“น้ำจะผุดขึ้นมาตามท่อระบายน้ำก่อน จากนั้นจะขึ้นมาบนผิวถนน ซึ่งคาดว่ากระแสน้ำจะไหลเร็วมากและแรง เนื่องจากถนนเป็นพื้นคอนกรีต ไม่ใช่ดินที่สามารถดูดซึมและแพร่กระจายน้ำได้”นายปรเมศวร์ กล่าว และว่า ส่วนปริมาณน้ำที่คาดว่าจะท่วมในระดับ 1-1.5 เมตรนั้น ไม่ได้เป็นการวิเคราะห์ที่คำนึงถึงภูมิประเทศของกรุงเทพ ที่มีตรอกซอกซอยและมีตึกสูง ทำให้สูงและไหลแรง ทางแก้จึงต้องผันน้ำไปทางฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกให้ได้ตามแผน
ผู้ก่อตั้งศูนย์ข้อมูลช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม กล่าวอีกว่า ขณะนี้น้ำที่ผันไปทางฝั่งตะวันออกผ่านแม่น้ำบางปะกงลงสู่ทะเลเป็นไปได้น้อย เนื่องจากเกิดปัญหาติดขัดบ้างอย่าง แต่ตนยังไม่สามารถระบุชัดเจนได้ คงต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ขณะเดียวกันก็เกิดคำถามว่า ทำไมคลองเปรมประชากรตอบบนน้ำล้น แต่ตอนล่างกลับแห้ง ไม่มีการระบายน้ำลงมา ซึ่งก่อนหน้านี้ ThaiFlood ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 เรื่องการให้คลองเปรมประชากรช่วยระบายน้ำ โดยเปิดประตูน้ำตรงคลองรังสิต เพื่อให้น้ำเข้า 50% แต่ต้องควบคุมปริมาณน้ำไหลเข้าให้สัมพันธ์กับปั้มน้ำทั้ง 3 สถานี ได้แก่ ประตูระบายน้ำบางโพ ประตูระบายน้ำวัดแก้วฟ้า เกียกกาย และประตูระบายน้ำข้างวังศุโขทัย
นายปรเมศวร์ กล่าวถึงวิธีการพร่องน้ำของกทม. เพื่อรอรับน้ำมวลใหญ่ทีเดียวเป็นวิธีที่ผิด เพราะเมื่อน้ำทะลุคันกั้น น้ำก็จะทะลุถึงกรุงเทพฯชั้นใน แต่การพร่องน้ำจะต้องทำเรื่อยๆ เพื่อลดพละกำลังของมวลน้ำ ขณะเดียวกันรอผันน้ำลงฝั่งตะวันออกอย่างเดียวไม่พอ กรุงเทพฯคงตายก่อน
“ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมเปรียบเสมือนคนไข้ป่วยที่ถึงขั้นต้องผ่าตัด แต่เราฉีดยาเข็มเดียวหรือให้กินยาเม็ดเดียว ถามว่า จะหายหรือไม่ ดังนั้นผมคิดว่า รัฐบาลต้องเปิดเผยข้อมูลว่าห่วงอะไร ต้องการจะป้องกันอะไร สนามบิน หรือผันไม่ออกจริงๆ”
สำหรับข้อเสนอนั้น นายปรเมศวร์ กล่าวว่า จากภาพถ่ายดาวเทียมพบว่า เมื่อน้ำก้อนใหญ่จากทางภาคเหนือไหลเข้าสู่กรุงเทพฯ ก็ไม่สามารถไหลลงสู่ทะเลได้อยู่ดี เนื่องจากติดแนวกั้น นั่นคือถนนพระราม 2 และถนนบางนา-ตราด ดังนั้น เพื่อให้น้ำลงสู่ทะเลโดยเร็ว จึงเสนอให้ระเบิดถนน เจาะช่องให้น้ำผ่าน ซึ่งเรื่องดังกล่าวนายกรัฐมนตรี สามารถทำได้ทันทีตามมาตรา 29 พระราชบัญญัติบริหารจัดการภัยพิบัติ พ.ศ.2550
“ผู้ใหญ่กำลังแย่งกันทำงาน แต่ทุกคนล้วนไม่รู้เรื่องน้ำทางแก้จึงต้องเอาคนที่ไม่รู้ออกไป ขณะเดียวกันจุดบอดของ ศปภ. คือไม่มีตัวแทนภาคประชาชนที่เข้าไปนั่งหารือ ทำให้ไม่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ดังนั้น จึงเห็นว่า เครื่องกีดขวางทางน้ำที่สำคัญคือ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)”นายปรเมศวร์ กล่าว และว่า สถานการณ์น้ำท่วมคิดว่า ทุกพื้นที่ต้องโดนอยู่ดี แต่จะทำอย่างให้โดนอย่างเป็นระบบ มีทางรับมือสถานการณ์วิกฤตอาหารและน้ำ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงท้ายของการประชุมหารือ นายปราโมทย์ ไม้กลัด ที่ปรึกษาพิเศษผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตอธิบดีกรมชลประทาน ได้เดินทางมาร่วมแลกเปลี่ยนในช่วงเวลาสั้น พร้อมร่วมวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม โดยนายปราโมทย์ รับทราบถึงปัญหาที่น้ำในกรุงเทพไม่สามารถไหลลงทะเล เนื่องจากติดขัดบริเวณถนนพระราม 2 และบางนา-ตราดตามที่นายปรเมศวร์เสนอ ซึ่งได้รับเรื่องไว้และจะนำเสนอไปยัง กทม. ต่อไป
นอกจากนี้นายปราโมทย์ กล่าวด้วยว่า กทม.มีปัญหาในเรื่องการจัดการนอกเขตพื้นที่ ส่วนการทำงานของ ศปภ. ก็มีกระบวนการที่ไม่เข้มข้น ไม่กระชับ ทุกอย่างต้องเป็นเอกสาร เป็นคำสั่ง ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลก ทั้งนี้ การจัดการน้ำนั้น การทำเป็นเรื่องสำคัญที่สุดไม่ใช่การพูด