- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- นักวิชาการ มก. ยันน้ำเหนือยังไม่หมด กระจายอยู่ในทุ่งแถวอยุธยา
นักวิชาการ มก. ยันน้ำเหนือยังไม่หมด กระจายอยู่ในทุ่งแถวอยุธยา
อดีต อ.วิศวกรรมทรัพยากรน้ำ มก. ชี้นักการเมือง ต้องเข้าใจธรรมชาติของน้ำ บริหารอย่างไรให้เสียหายน้อยที่สุด แนะเร่งทำความเข้าใจกับปชช. ให้อดทน เสียสละ หากไม่อยากเห็นเขตเศรษฐกิจของประเทศพังหมด น้ำท่วมลามถึงสุขุมวิท
รศ.ชูเกียรติ ทรัพย์ไพศาล อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวกับ “ศูนย์ข้อมูลข่าวสารประเทศไทย” ถึงข้อเท็จจริง กรณีที่มีการพูดกันมากว่า น้ำเหนือหมดแล้ว เหลือเพียงแต่จัดการน้ำในกรุงเทพฯเท่านั้น ไม่เป็นความจริง แม้น้ำเหนือบริเวณจังหวัดพิษณุโลก นครสรรค์ลดหมดแล้ว แต่ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนชัยนาทขณะนี้ยังอยู่ที่ 3,100 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงต้นเดือนตุลาคมน้ำไหลผ่านประมาณ 3,500 ลบ.ม.ต่อวินาที เท่ากับว่า น้ำพึ่งลดประมาณ 400 ลบ.ม.ต่อวินาทีเท่านั้น
รศ.ชูเกียรติ กล่าวถึงขีดความสามารถของแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดอ่างทองอยู่ที่ 2,200 ลบ.ม. อยุธยาอยู่ที่ 1,600 ลบ.ม. เพราะฉะนั้น น้ำจึงกระจายอยู่ในทุ่งแถวอยุธยา ซึ่งเท่าที่ดูระดับน้ำที่อยุธยาลดลงเล็กน้อย บางไทรก็ต้องนองกันไปเช่นนี้ก่อน ทั้งนี้ หากไม่มีน้ำเหนือมาเติมเขื่อนชัยนาท น้ำก็จะค่อยๆ ลดลง
“มวลน้ำ ไม่ได้มีทัพหลวง ทัพหน้าอะไรก็เป็นทัพน้ำเหมือนกันหมด เพียงแต่ค่อยๆ ทยอยออกมา แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิธีจัดการน้ำ ให้น้ำออกมาด้วยข้อจำกัด เพื่อรักษากรุงเทพฯ ต้องเอาอยู่ ขณะเดียวกันแม้พื้นที่ข้างบนที่จมอยู่แล้ว ก็ช่วยรับน้ำต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง ให้น้ำทะเลลงแล้วค่อยระบายจากหมู่บ้าน จากทุ่งลงไป”
สำหรับการบริหารจัดการน้ำ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ ฯ มก. กล่าวว่า นักการเมือง นักการเมืองท้องถิ่น ผู้แทนราษฎรต้องเข้าใจธรรมชาติของน้ำ จะบริหารอย่างไรให้เสียหายน้อยที่สุด บริหารแบบไม่บริหาร มีหลักการง่ายๆ คือน้ำมาเท่าไหร่ ภูมิประเทศเป็นอย่างไรก็ปล่อยให้เป็นตามนั้น คาดว่า ประมาณ 20 วันน้ำก็ไหลลงทะเลหมด เพียงแต่ต้องเข้าใจหลักการบริหาร กระจายน้ำไปตามทุ่งต่างๆ เพื่อลดความเสียหาย แต่ข้อเท็จจริงคือ เราทำไม่ได้ อย่างเช่นคลองสามวา คนก็ไปทุบคัน เพื่อให้น้ำเข้าไปในพื้นที่อื่น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูก แต่ถูกไม่หมด เพราะเราต้องยอมรับว่า มีทั้งส่วนที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์
รศ.ชูเกียรติ กล่าวว่า เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ถึงเวลาที่เราต้องร่วมกันเสียสละ และต้องยอมรับความจริง น้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ยอมรับการไหลของน้ำ และการหนุนของน้ำทะเล ที่เหลือก็เป็นเรื่องการจัดการ ซึ่งคงไม่มีใครได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือทำให้มนุษย์พอใจได้ทุกคน และเพื่อไม่เป็นการทำลายหัวใจของคนนอกคันมากเกินไป กรุงเทพฯ จำเป็นต้องปล่อยน้ำโรยเข้ามาบ้าง
“ประเด็นสำคัญคือ เราจะยอมให้น้ำข้ามรามอินทรามาถล่มลาดพร้าวจริงหรือ เพราะไม่เช่นนั้นน้ำก็มีโอกาสข้ามไปสุขุมวิทได้ ถามว่า เราไม่รักษาศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ อยากให้น้ำฝ่าไปลงทะเลเช่นนี้หรือ ทั้งๆที่มีทางเลือกอื่นที่เราทำได้” รศ.ชูเกียรติ กล่าว และว่า ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่า แต่เดิมเราคุมความเจริญไว้ที่รามอินทรา ใช้พื้นที่นี้เป็นที่ชะลอน้ำ เพื่อไม่ให้ไปถล่มลาดพร้าว แต่พอมีถนน มีทางด่วน บ้านจัดสรรชั้นดีก็เกิดขึ้นมา จนเกิดเป็นเขตสายไหม บรรดานักลงทุนจึงไปสร้างบ้านจัดสรรโดยไม่ได้ข้อมูลกับประชาชน ว่า พื้นที่อยู่นอกแนวคันกันน้ำพระราชดำริ ดังนั้น ประชาชนบริเวณใต้คลองหกวาสายล่าง ถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดี ไปจนถึงคลองรังสิต คงต้องอดทน เสียสละ หากจะเอาส่วนใหญ่ของประเทศไว้ ซึ่งเมื่อผ่านช่วงวิกฤตไปแล้วค่อยมาคิดกันใหม่ว่า จะมีคันน้ำกั้นเหนือบริเวณรังสิต หรือหยุดการเจริญเติบไว้แค่รังสิต เป็นต้น เพราะการบริหารจัดการพื้นที่ที่น้ำท่วมถึง จำเป็นต้องไปแก้ปัญหาในระดับประเทศ ระดับนโยบายว่า ในพื้นที่ที่น้ำท่วม เราจะยอมให้มีการพัฒนามากน้อยเพียงใด