- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- นักวิชาการ ตบเท้ายืนยัน อีเอ็มบอล บำบัดน้ำเสียได้จริง
นักวิชาการ ตบเท้ายืนยัน อีเอ็มบอล บำบัดน้ำเสียได้จริง
"รองอธิการบดี มศว." เผยเหตุญี่ปุ่นไม่ใช้อีเอ็มบอลบำบัดน้ำเสีย เพราะไม่ทันเตรียมตัว ชี้หากไทยใช้ปูนขาว คลอรีน ไม่เป็นผลดี-ทำลายธรรมชาติ ด้าน "ดร.เชิดชัย" แนะใช้เพียง 2-4 ลูกในพื้นที่ 10x10 ม. รอ 2-3 วันเห็นผล
วันที่ 7 พฤศจิกายน สำนักงานทูตความดีแห่งประเทศไทยจัด เสวนาทางวิชาการ เรื่อง “EM Ball แก้ปัญหาน้ำเสียได้จริงหรือ” ณ หอประชุมพุทธคยา ชั้น 22 อมรินทร์พลาซ่า นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานสำนักงานทูตความดีแห่งประเทศไทย กล่าวถึงความคืบหน้าหลังจากที่ทางสำนักงานทูตความดีแห่งประเทศไทย จัดงาน “ย่านราชประสงค์ รวมพลคน Do D ปั้นน้ำใจ ช่วยภัยน้ำท่วม” ระหว่างวันที่ 3-5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาว่า ได้มีการร่วมกันปั้นลูกอีเอ็มบอล โดยสามารถปั้นได้ทั้งหมด 265,000 ลูก และภายหลังจากที่มีการจัดงาน ได้เกิดการสับสนเกี่ยวกับข้อมูลของก้อนจุลินทรีย์ หรือ อีเอ็มบอล ในคุณสมบัติและประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียและส่งกลิ่นเหม็น แต่ทั้งนี้ยังเชื่อมั่นว่า ลูกอีเอ็มบอลไม่เพียงแต่จะบำบัดน้ำเสียเท่านั้น ยังช่วยบำบัดใจคนได้ด้วย
ด้านผศ. ดร. ฤทธิ์ วัฒนชัยยิ่งยง รองอธิการบดีมหาวิทยาลับศรีนครินทร์วิโรฒน์ประสานมิตร กล่าวถึงลูกอีเอ็มบอลสามารถใช้บำบัดน้ำเสียได้จริง เพราะมีส่วนประกอบ เชื้อจุลินทรีย์หลายร้อยชนิด โดยผ่านการคัดเลือกมาอย่างเหมาะสมสำหรับใช้ในการบำบัด ซึ่งเมื่อนำไปโยนลงในน้ำ จุลินทรีย์ที่อยู่ในลูกอีเอ็มบอลจะแตกและแพร่ออกไปย่อยสลายเศษอาหารที่อยู่ในน้ำให้กลายเป็นแร่ธาตุ
“ที่บอกว่า การที่ใส่กากน้ำตาล รำหยาบและรำละเอียด เพิ่มลงไปแล้วจะทำให้น้ำเน่าเสียนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากหลังจากที่ปั้นลูกอีเอ็มบอลแล้ว ต้องทิ้งไว้ประมาณ 7-15 เพื่อให้เชื้อจุลินทรีย์ได้ใช้ กากน้ำตาล และรำ เป็นสารอาหารตั้งต้นในการเจริญเติบโตให้มากพอสำหรับเริ่มทำงาน และยังมีข้อดีอีกคือ เพื่อให้แห้งและเกาะเป็นลูกเมื่อนำไปขว้างแล้วไม่แตก ทั้งนี้ยังเป็นการบ่มเชื้อไปในตัวด้วย” ผศ.ดร. ฤทธิ์ กล่าวและว่า สูตรของน้ำจุลินทรีย์นั้นอาจใช้ไม่เหมือนกัน โดยแต่ละหน่วยงานหรือองค์กรก็จะมีสูตรเฉพาะ และมีการทดสอบในพื้นที่จนใช้ได้ผล
เมื่อถามถึงการใส่จุลินทรีย์ลงไปจะช่วยทำให้น้ำดีขึ้นได้เพียงในช่วงแรกเท่านั้น รองอธิการบดี มศว. ประสานมิตร กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากการใส่จุลินทรีย์ในช่วงแรก จุลินทรีย์จะไปใช้เศษอาหารที่มีอยู่จนหมด ซึ่งหมายถึงจุลินทรีย์ก็ต้องหมดด้วย แต่ทั้งนี้ เศษอาหารยังมาใหม่และเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ โดยที่มีจุลินทรีย์ในการย่อยสลาย จึงทำให้ดูเหมือนว่า น้ำดีขึ้นเพียงช่วงแรก ฉะนั้น วิธีแก้ไขคือ ต้องเติมจุลินทรีย์เพิ่มลงไปในน้ำอีก
นอกจากนี้ ผศ.ดร.ฤทธิ์ กล่าวถึงการบำบัดน้ำเสียในเหตุการณ์สึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น ว่า ในภาวะของสึนามินั้น เป็นภาวะน้ำเค็ม จึงต้องเลือกจุลินทรีย์ที่อยู่สภาพในน้ำเค็มได้ ซึ่งหากใช้อีเอ็มบอลที่ใช้ในน้ำจืดอย่างที่ใช้ในบ้านเรา จุลินทรีย์เหล่านั้นจะไม่สามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่และประสิทธิภาพก็จะลดลงไป
“ถ้าบ้านเราใช้ปูนขาว หรือคลอรีนในการบำบัดน้ำเสีย จะทำให้สิ่งมีชีวิตในน้ำตายหมด ซึ่งเป็นการทำลายสมดุลธรรมชาติ แต่การบำบัดด้วยจุลินทรีย์หรือการใช้อีเอ็มบอลนั้นเป็นการเลียนแบบธรรมชาติ เพียงแต่เราใช้จุลินทรีย์เพิ่มลงไปมากๆเพื่อให้กระบวนการย่อยสลายของเสียที่มนุษย์สร้างขึ้น สลายได้เร็วขึ้น การที่ญี่ปุ่นไม่ใช่อีเอ็มบอลในการบำบัดน้ำเสียในเหตุการณ์สึนามิ เหตุผลหนึ่งอาจเกิดจากการที่ยังไม่ทันได้เตรียมตัวเหมือนกับประเทศไทย”
ด้าน รศ.ดร.สุมาลี เหลืองสกุล คณบดีคณะวัฒนธรรมสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒน์ประสานมิตร กล่าวว่า อย่าไปกลัวการใช้ลูกอีเอ็มบอล เพราะเป็นเพียงการใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มจำนวนลงไปในน้ำเท่านั้น ซึ่งจุลินทรีย์นั้นสามารถใช้ในการบำบัดน้ำเสียได้จริง โดยจุลินทรีย์มีหลายแบบ มีทั้งที่ต้องการออกซิเจนและไม่ใช้ออกซิเจน ซึ่งทั้งนี้ต้องผ่านการทดลองวิจัยแล้วว่า สามารถที่จะย่อยสลายสารอินทรีย์ที่ต้องการได้
“การที่จะย่อยสารอินทรีย์ให้หมดจะใช้จุลินทรีย์เพียงตัวเดียวไม่ได้ ต้องเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ ให้เกิดการทำงานแบบลูกโซ่ต่อๆกันไป และทำให้น้ำสะอาดได้ในที่สุด ซึ่งการที่ปั้นให้เป็นลูกบอลนั้น ทำให้มีผลดี คือ สะดวกในการเคลื่อนย้ายและสามารถเก็บรักษาจุลินทรีย์ไว้ใช้ในคราวต่อไปได้ โดยสามารถเก็บไว้ได้นาน” รศ.ดร.สุมาลี กล่าวและว่า ไม่แนะนำให้ต่อเชื้อจุลินทรีย์เอง เพราะอาจจะลำบาก จึงแนะนำให้ขอจากหน่วยงานที่มีการทดลองว่า ใช้ได้ผลจริงจะดีที่สุด
ขณะที่ ดร. เชิดชัย เชี่ยวธีรกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยา คณบดีคณะเทคโนโลยีชีวภาพ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวถึง กรณีที่นักวิชาการออกมาพูดว่า การใช้ลูกอีเอ็มบอลนั้นเป็นการใช้ของเสียบำบัดของเสีย แล้วจะทำให้น้ำดีได้อย่างไร ว่า ในความเป็นจริงแล้วของเสียนั้นเป็นสมบัติอันล้ำค่า ซึ่งจุลินทรีย์ก็เช่นกัน หากใช้ให้เป็นก็สามารถกำจัดกลิ่นและบำบัดน้ำเสียได้
“น้ำที่เน่าเสียนั้นจะไม่มีออกซิเจน ซึ่งแน่นอนว่า การบำบัดน้ำเสียที่ได้ผลดีที่สุด คือการเติมออกซิเจนลงไปในน้ำ แต่สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้คงไม่สามารถนำกังหันมาติดตั้งได้ทั้งหมด เรายังมีเชื้อจุลินทรีย์อีกจำนวนมากที่ไม่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจน และสามารถย่อยสลายสารอาหารในน้ำได้” ดร.เชิดชัย กล่าวและว่า จุลินทรีย์นั้นเมื่อตายไปแล้วจะไม่เน่า เพราะจะถูกโปรโตซัวที่อยู่ในน้ำกินจนหมด ฉะนั้นแล้วการเติมจุลินทรีย์ลงไปไม่ก่อให้เกิดน้ำเน่าเสียเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ดร.เชิดชัย กล่าวด้วยว่า เราจะไม่เห็นผลทันทีหลังจากที่โยนลูกอีเอ็มบอลลงไปในน้ำ ต้องรออีกประมาณ 2-3 วัน ถ้ายังไม่ดีขึ้นก็ให้โยนเพิ่มไปอีก 2-3 ลูก เนื่องจากจุลินทรีย์ต้องใช้เวลาในการแบ่งตัวและเจริญเติบโต และเมื่อเจริญเติบโตแล้วก็จะกินของเสียในน้ำจนหมดและทำให้น้ำดีขึ้น โดยหลักในการโยนลูกอีเอ็มบอลคือ ในพื้นที่ขนาด 10x10 เมตร ไม่ควรโยนเกิน 2-4 ลูก
ส่วน ดร. หฤษฏ์ นิ่มรักษา อาจารย์ประจำสาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตรและวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้อธิบายถึงวิธีการนำไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพว่า ต้องนำไปใช้กับน้ำที่เพิ่งเริ่มต้นเสีย หรือในระยะที่น้ำเริ่มส่งกลิ่นเหม็น และต้องเป็นน้ำนิ่งหรือน้ำขัง เนื่องจากในกรณีที่น้ำไหลแรงจะทำให้จุลินทรีย์ไหลไปกับน้ำ และทำให้ไม่มีประสิทธิภาพ โดยภายใน 7 วัน สี กลิ่น และตะกอนในน้ำจะเริ่มดีขึ้น
“ปัจจุบันสิ่งแวดล้อมในบ้านเราเสื่อมเสียไปมาก เนื่องจากมีการใช้สารเคมีทางการเกษตร การใช้สารเคมีทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้จุลินทรีย์ในดินนั้นหายไปด้วย ฉะนั้น ผลพลอยได้จากการใส่อีเอ็มบอล นอกจากที่จะทำให้น้ำดีขึ้นแล้ว ยังทำให้ได้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ที่หลงเหลืออยู่ในดิน และดิน และหลังจากนี้ไปอีก 3-5 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีคุณน้ำและดินที่ดีขึ้น เนื่องจากจุลินทรีย์จะไปช่วยฟื้นฟูให้กลับสู่ระบบนิเวศน์ของมันได้”