- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- นายกสมาคมสถาปนิกฯ ชี้ชะลอน้ำด้วย “บิ๊กแบ๊ก” ไม่คุ้มค่า
นายกสมาคมสถาปนิกฯ ชี้ชะลอน้ำด้วย “บิ๊กแบ๊ก” ไม่คุ้มค่า
“ทวีจิตร จันทรสาขา” เปรียบหน่วงเวลาน้ำ เหมือนคนไข้ที่ไม่หายป่วยสักที เชื่อปล่อยไหลตามธรรมชาติ ส่งผลดีแก่ทุกฝ่ายมากกว่าการรอไปเรื่อยๆ ขณะที่ รองผู้ว่าฯ กทม.วอนปชช. อย่ารื้อบิ๊กแบ็ก เพราะคือทางรอดหนึ่งของคนกรุง
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความคืบหน้าสถานการณ์น้ำบริเวณดอนเมือง ที่รัฐบาลวางกระสอบทรายยักษ์หรือบิ๊กแบ็ก ว่า แม้อาจมีน้ำเติมเข้ามาบางส่วน แต่น้ำก็จะเข้าน้อยลง ขณะนี้น้ำมาหยุดอยู่ที่ คลองบางซื่อ โดยเป้าหมายต่อไปที่น้ำจะบุกต่อไปคือ คลองสามเสน หรืออนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
“เราจะเห็นการเคลื่อนตัวของน้ำ ซึ่งหากสามารถระบายน้ำได้เรื่อยๆ โดยไม่มีน้ำมาเติมใหม่ ดอนเมืองจะแห้งก่อน น้ำที่ลาดพร้าวก็จะเริ่มลดลง ขณะเดียวกันเมื่อน้ำมาถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ กทม.จะมีระบบปั๊มสูบ น้ำก็จะระบายออกไปทั้งหมด ซึ่งหวังว่า น้ำจะไม่ไปถึงคลองแสนแสบ เพราะจะอันตรายมาก”
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ดูง่ายๆ ตอนนี้ดอนเมืองน้ำมีอยู่จำนวนมาก ลาดพร้าวน้ำกำลังมา ถ้าไม่มีบิ๊กแบ็ก น้ำก็ยังจะสูงอยู่ขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเพราะมีน้ำเติมเข้ามา แต่เมื่อน้ำมาเติมน้อยลง ระดับน้ำที่ดอนเมืองจะค่อยๆ ลดลง พอถึงจุดหนึ่งน้ำที่ลาดพร้าวก็จะค่อยๆ ลดลงด้วยเช่นกัน
สำหรับพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยฯ นั้น นายธีระชน กล่าวว่า ต้องอาศัยคลองแสนแสบเป็นตัวระบายน้ำออกไป ซึ่งหากระบายไม่ทัน น้ำจะบุกไปที่คลองแสนแสบ ดังนั้น จึงได้แต่หวังว่า คลองสามเสนจะทำหน้าที่ตรงอนุสาวรีย์ชัยฯ และปั๊มที่กทม.กับรัฐบาลกำลังช่วยกัน น่าจะทำหน้าที่ได้สมบูรณ์
พร้อมกันนี้ นายธีระชน กล่าวฝากพี่น้องประชาชน อย่าไปรื้อบิ๊กแบ็ก เพราะคือทางรอดหนึ่งของคนกรุงเทพฯ พร้อมขอความร่วมมือจากภาคเอกชน นำน้ำ อาหารไปช่วยคนที่อยู่นอกคันบิ๊กแบ็ก ซึ่งเป็นผู้รับภาระแทนคนในเมือง ด้วยกลุ่มคนเหล่านี้ถือว่าเป็นผู้เสียสละอย่างมาก ขณะนี้หน่วยราชการเข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชนยาก มีการกีดถุงบิ๊กแบ็ก หรือไม่ก็ยกออก โดยไม่ฟังภาครัฐ แต่หากเป็นภาคเอกชน สื่อมวลชน มูลนิธิ เข้าไปช่วยอีกแรง เชื่อว่าคนไทยด้วยกันพูดกันรู้เรื่อง เราอยู่ในวิกฤติต้องไม่มีพรรค ไม่มีพวก ทุกคนต้องช่วยกัน
วางบิ๊กแบ็ก มีปัจจัยการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
ด้านนายทวีจิตร จันทรสาขา นายกสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึงการชะลอน้ำด้วยบิ๊กแบ๊กนั้น อาจมาจากวิธีคิดที่ว่า อยากให้ความเสียหายเกิดขึ้นน้อย โดยใช้บิ๊กแบ๊กเป็นตัวชะลอน้ำ เพื่อหน่วงเวลาในการสูบออก แต่คำถามคือ จะสามารถสูบน้ำออกได้ทันหรือไม่ ซึ่งถ้าไม่ทันสุดท้ายก็ท่วมอยู่ดี ในขณะเดียวกันถ้าน้ำสะสมในระดับหนึ่งก็สามารถล้นข้ามบิ๊กแบ็กได้ ดังนั้น ตนจึงเห็นว่า ไม่คุ้มค่า สู้เก็บค่าใช้จ่ายไว้ใช้สำหรับซ่อมแซม เยียวยาดีกว่า เพราะเมื่อการป้องกันระดับหนึ่งแล้ว ก็ควรรับสภาพ
นายทวีจิตร กล่าวอีกว่า การบริหารจัดการน้ำ รวมถึงการป้องกันสามารถทำได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่เมื่อเกินจากจุดที่สามารถรับมือได้บางทีก็ต้องปล่อย ซึ่งหากน้ำไม่สูงมาก หรือแช่นาน ตนคิดว่าประชาชนทั่วไปสามารถยอมรับได้ เพราะที่ผ่านมาน้ำก็เคยท่วมกรุงเทพฯ ในทางกลับกันเมื่อในที่สุดแล้วน้ำต้องท่วมกรุงเทพอยู่ดี การปล่อยให้น้ำผ่านไปด้วยดี ในลักษณะมาเร็วไปเร็ว จะส่งผลดีแก่ทุกฝ่ายมากกว่าการรอไปเรื่อยๆ ซึ่งเปรียบได้กับคนไข้ที่ไม่หายป่วยสักที
“กรณีของบิ๊กแบ็กนั้นมีปัจจัยเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งหากรัฐไม่ทำอะไรเลยก็อาจถูกตำหนิ จึงต้องพยายามดิ้นรนทำอะไรหลายอย่าง”นายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ กล่าว และว่า การปล่อยน้ำให้เข้าท่วมตั้งแต่ในช่วงแรกนั้น อาจเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม แต่เมื่อขณะนี้ตึกทุกตึก บ้านทุกบ้านเตรียมตัวหมดแล้ว การปล่อยน้ำให้ผ่านไป เพื่อให้ความเสียหายมาเร็วไปเร็ว นับว่าคุ้มค่ามากกว่า เพราะเวลานี้สิ่งที่ประชาชนกลัวที่สุดไม่ใช่น้ำท่วม แต่กลัวน้ำไม่ลดและยืดเยื้อ ซึ่งจะสร้างความเสียหาย ทั้งในแง่เศรษฐกิจและจิตใจให้กับประชาชนอย่างมาก