- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- “นักวิชาการ” ประเมินส้มโอนครปฐมยืนต้นตายเสียหาย 100 ล. คาดใช้เวลาฟื้น 20 ปี
“นักวิชาการ” ประเมินส้มโอนครปฐมยืนต้นตายเสียหาย 100 ล. คาดใช้เวลาฟื้น 20 ปี
“อาจารย์ มก.” จับมือเกษตรกรเร่งกู้สวนส้มโอ ย้ำเหลือเวลาแค่ 10 วันก่อนตายยกสวน เร่ง รัฐช่วยกระดูกสันหลัง ลั่นกำลังจะแย่ ต้นไม้-ไม่ใช่เครื่องจักร มีเงินก็ซื้อไม่ได้
วันที่ 21 พฤศจิกายน ดร.มนตรี ค้ำชู อดีตอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หนึ่งในคณะทำงานวิชาการ และทีมฝ่าวิกฤตอุทกภัย กล่าวถึงการลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวสวนส้มโอที่เกาะทรงคนอง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐมว่า หลังจากน้ำท่วมขังมานาน ขณะนี้พบว่า ต้นส้มโอขนาดเล็ก ซึ่งมีอายุประมาณ 5-7 ปีกำลังยืนต้นตาย ส่วนส้มโอที่มีอายุ 15-20 ปียังพออยู่ได้ หากช่วยได้ทัน ก็ยังพอมีโอกาสรอด
อาจารย์ มก. กล่าวถึงความพยายามในการกู้สวนส้มโอครั้งนี้ว่า ขณะนี้เกษตรกรได้รวมตัวกันกู้สถานการณ์ โดยเร่งทำในหลายเรื่องด้วยกัน อาทิ 1.ช่วยเก็บสิ่งที่เน่าเสียในน้ำ ต้นไม้ที่ตายออกจากให้หมด 2.นำปั้มน้ำมาปั่นให้น้ำเดิน เพราะหากน้ำตายหรือหยุดนิ่ง ต้นไม้จะตายเร็วขึ้น 3.ตัดลูกและใบอ่อนของส้มโอทิ้ง เพื่อยืดอายุให้นานขึ้น ขณะเดียวกันจะใช้วิธีเจาะรูที่ลำต้น เพื่อให้อากาศเข้าสู่ลำต้นโดยตรง เหมือนกับการเจาะคอคนไข้ เพื่อช่วยหายใจ
“นอกจากนี้กำลังระดมกระสอบทรายจากพื้นที่ที่น้ำลดแล้วมาใช้สร้างคันกั้นน้ำ เพื่อสูบน้ำออกจากพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งนำเครื่องเติมอากาศ อัดอากาศเข้าไปที่ราก เพื่อไล่น้ำออกจากลำต้นและเพิ่มอากาศในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ เนื่องจากเวลาจำกัด ทำให้ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะสำเร็จมากน้อยเพียงใด แต่คงต้องช่วยกันไป”
ส่วนความเสียหายที่จะเกิดขึ้น หากไม่สามารถกู้สวนส้มโอได้นั้น ดร.มนตรี กล่าวว่า เกษตรกรอาจต้องใช้เวลากว่า 20 ปีถึงจะฟื้นตัว เนื่องจากขณะนี้ส้มโอกำลังอยู่ในช่วงทำเงิน ซึ่งเกษตรกรก็หวังไว้ว่า ปีนี้จะได้กำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วย จนสามารถถอนทุนได้ แต่น้ำก็มาท่วมเสียก่อน ขณะเดียวกันหากส้มโอยืนต้นตายก็นับว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย เนื่องจากสามพรานเป็นพื้นที่ปลูกส้มโอพันธุ์ดีและหายาก ในแต่ละปีสามารถส่งออกไปขายยังต่างประเทศ สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อไร่ และเฉพาะบริเวณเกาะทรงคนองแห่งเดียวก็มีพื้นที่ 1,000 กว่าไร่แล้ว
“ขณะนี้เหลือเวลาอีก 10 วัน ก่อนที่ส้มโอจะตาย เกษตรกรต้องฮึดสู้ ต้องช่วยตนเองให้มากที่สุด เพราะถ้าช่วยทัน คาดว่าจะมีโอกาสรอดสูงถึง 60% แต่ชาวบ้านยืนยันว่าเหลือแค่ 10% ก็ดีใจแล้ว เพราะยังมีเก็บไว้ขยายพันธุ์”
เมื่อถามถึงความจำเป็นในการเร่งกู้พื้นที่การเกษตร เมื่อเปรียบเทียบกับการกู้นิคมอุตสาหกรรม ดร.มนตรี กล่าวว่า พื้นที่ทั้ง 2 แห่งมีความสำคัญเท่าๆ กัน เพียงแต่ว่า ขณะนี้ทางภาคอุตสาหกรรมมีคนช่วยจำนวนมาก ส่วนภาคเกษตรกรรมยังไม่มีคนเข้ามามากนัก อีกทั้งภาคอุตสาหกรรม มีเงินก็สามารถซื้อเครื่องจักร เครื่องมือได้ ขณะที่ภาคเกษตรมีเงินก็ซื้อไม่ได้ เพราะต้นไม้ต้องใช้เวลา 10-20 ปีถึงจะให้ผลผลิต
“ประเทศไทยเป็นประเทศผลิตอาหาร อีกทั้งเรายังพูดเสมอๆ ว่า เกษตรกรเป็นกระดูกสันหลัง เป็นความหวังของประเทศ แต่ขณะนี้กระดูกสันหลังกำลังแย่ ถ้าไม่ช่วยเหลือ เกษตรกรต้องเสียหายเป็นร้อยล้านแน่นอน”
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับผู้ที่มีกระสอบทรายที่ไม่ใช้งานแล้ว และสนใจจะบริจาคเพื่อช่วยกู้สวนส้มโอที่นครชัยศรีกว่า 5,000 ไร่ ที่กำลังจมน้ำ สามารถติดต่อบริจาคได้ที่นายประวิต บุญมี ประธานเครือข่ายสวนส้มโอ เบอร์โทรศัพท์ 08-1340-2867