- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- กยน. เตรียมเสนอนายกฯ ร่างพ.ร.ฎ.บริหารจัดการน้ำในภาวะวิกฤต
กยน. เตรียมเสนอนายกฯ ร่างพ.ร.ฎ.บริหารจัดการน้ำในภาวะวิกฤต
“ปีติพงศ์” เผยเล็ง จัดตั้งศูนย์ข้อมูลภัยพิบัติน้ำแห่งชาติรวบรวมข้อมูล 6 ด้าน ในการประชุมร่วมกันระหว่าง กยน. และ กฟย.ในวันที่ 6 ธันวาคมนี้
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ประธานคณะอนุกรรมการด้านการวางแผนและกำหนดมาตรการแก้ปัญหาระยะสั้น ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหาร จัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) กล่าวถึงการประชุมร่วมกันระหว่าง กยน.และ คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) ที่มี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 6 ธันวาคมนี้ คณะอนุกรรมการฯ เตรียมเสนอให้มีการร่างพระราชกฤษฎีกาการบริหารจัดการน้ำในภาวะวิกฤต เพื่อใช้เป็นกฎหมายที่ให้อำนาจกับเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ในการบริหารจัดการน้ำเป็นกรณีพิเศษในช่วงเวลาที่เกิดภัยพิบัติเกี่ยวกับน้ำ ครอบคลุมถึงการพิจารณาจัดตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมาดูแลสถานการณ์ภัยพิบัติน้ำ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ต่างๆสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับข้อมูลที่จำเป็นในการบริหารจัดการน้ำของประเทศนั้น นายปีติพงศ์ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯจะเสนอให้ตั้งศูนย์ข้อมูลภัยพิบัติน้ำแห่งชาติ ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่า มีความจำเป็นเพียงใดที่จะตั้งหน่วยงานนี้ขึ้นมาใหม่หรือจะพัฒนาระบบข้อมูลน้ำในศูนย์ข้อมูลภัยพิบัติแห่งชาติ เพื่อให้สามารถสนับสนุนข้อมูลน้ำให้กับหน่วยงานต่างๆ อย่างครบถ้วน ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายระบบเตือนภัยของศูนย์ฯต้องสามารถเตือนภัยน้ำท่วมได้ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ สามารถคำนวณปริมาณน้ำและทิศทางการไหลของน้ำได้อย่างแม่นยำ โดยศูนย์ข้อมูลภัยพิบัติน้ำแห่งชาติมีหน้าที่หลัก คือ ประกาศเตือนทิศทางการไหลของน้ำ ปริมาณของน้ำ และระยะเวลาที่น้ำจะไหลมาถึง ที่สำคัญต้องมีการบูรณาการข้อมูล 6ด้าน ประกอบด้วย ข้อมูลภาคอุตสาหกรรม เช่น ที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมและแผนป้องกันนิคมอุตสาหกรรมจากน้ำท่วม , ข้อมูลอุทกศาสตร์ , ข้อมูลสาธารณูปโภค , ข้อมูลภูมิศาสตร์ , ข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ และข้อมูลภัยพิบัติ
“ส่วนการหาแนวทางป้องกันน้ำท่วมระยะเร่งด่วนคณะอนุกรรมการฯไม่ได้หารือเรื่องการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม แต่เน้นให้ความสำคัญกับการแก้ไขระบบระบายน้ำที่มีอยู่ ได้แก่ การขุดลอกคลอง การซ่อมแซมประตูระบายน้ำ การซ่อมแซมเครื่องสูบน้ำที่มีอยู่ให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการจัดการน้ำต้องจัดการตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ และเมื่อน้ำผ่านพื้นที่เศรษฐกิจ เช่น กรุงเทพมหานคร ต้องสามารถระบายน้ำไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่ท่วมขังเป็นเวลานาน และมีการเสนอให้ปรับปรุงโทรมาตรน้ำเตือนภัยที่มีอยู่ 392 สถานี ของ กรมชลประทาน 348 สถานี”
ขณะที่นายกิจจา ผลภาษี ประธานคณะอนุกรรมการด้านการวางแผนและกำหนดมาตรการแก้ปัญหาระยะยั่งยืน ของ คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) กล่าวถึงแนวทางการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำที่วิศวกรรมสถานเสนอ หลังได้มีการศึกษาไว้แล้วว่า ต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำสูงมาก และมีประโยชน์เพื่อใช้ในการระบายน้ำเพียงอย่างเดียว ขณะที่ ฟลัดเวย์ จะใช้งบประมาณน้อยกว่าการสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ ที่สำคัญสามารถใช้ประโยชน์เป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งได้ด้วย แต่ถือเป็นแนวทางใหม่ๆ ที่หน่วยงานต่างๆที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการน้ำ สามารถเสนอแนวคิดในการบริหารจัดการน้ำของประเทศในระยะยาวได้ เพื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจ โดย คณะกรรมการฯจะคัดเลือกแนวทางที่มีประโยชน์กับประเทศมากที่สุด