- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- กิตติรัตน์รับข้อเสนอหอการค้าฯ ปรับเข้าแผนรบ. ยันหากน้ำท่วมปีหน้าเขตศก.ไม่ล่ม
กิตติรัตน์รับข้อเสนอหอการค้าฯ ปรับเข้าแผนรบ. ยันหากน้ำท่วมปีหน้าเขตศก.ไม่ล่ม
รองนายกฯ หนุนข้อเสนอ 3 ด้านของหอการค้าไทย คาดแผนแม่บทจัดการ 25 ลุ่มน้ำพร้อมเสนอเร็วๆ นี้ ผู้เชี่ยวชาญเตรียมบินสำรวจจุดทำฟลัดเวย์พรุ่งนี้ เล็งเริ่มโครงการระยะสั้น ขุดลอกคลอง ซ่อมประตูน้ำภายใน 3-5 เดือน ให้ทันฤดูฝน
วันที่ 11 ธันวาคม หอการค้าไทย จัดการประชุมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 29 “รวมพลังขับเคลื่อนอย่างยั่งยืน” ณ โรงแรมสตาร์ จังหวัดระยอง เป็นวันสุดท้าย โดยนายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวสรุปสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 29 และนายฉัตรชัย บุญรัตน์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย นำเสนอผลการสัมมนาต่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้ได้มีการประกาศผลสำเร็จจากการดำเนินโครงการปลูกมันสำปะหลัง 1 ไร่ได้ 1 แสน ณ บ้านมาบยางพร อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ซึ่งเป็นโครงการที่ต่อยอดความสำเร็จมากจากโครงการทำนา 1 ไร่ได้เงิน 1 แสนที่ประกาศความสำเร็จไปแล้วที่ จ.ขอนแก่น จึงนับได้ว่า ปรากฏผลเป็นที่ประจักษ์ไปแล้วทั้ง 2 โครงการ สามารถเพิ่มผลผลิตและยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้เพิ่มขึ้น ซึ่งหอการค้าไทยและหอการค้าทั่วประเทศจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างรายได้ของเกษตรกรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ขณะที่นายฉัตรชัย กล่าวว่า หอการค้าไทยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเศรษฐกิจให้ประเทศไทยเป็นประเทศชั้นนำของภูมิภาคเอเชียที่มีความแข็งแกร่ง มีภูมิคุ้มกันทางด้านเศรษฐกิจ มีระบบการเมืองและการปกครองที่มั่นคงและมุ่งขจัดคอร์รัปชั่น ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้ ได้จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “รวมพลังขับเคลื่อนอย่างยั่งยืน” โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม สรุปผลการสัมมนาแต่ละกลุ่มได้ดังนี้
กลุ่มที่ 1 “ต่อต้านคอร์รัปชั่น สร้างสรรค์ประเทศไทย”
1.ในด้านการป้องกัน หอการค้าจังหวัดทั่วประเทศจะป้องกัน จับตา ระแวดระวังการทุจริตคอร์รัปชั่น (Watchdog) ผ่านทาง “อาสาสมัครตาสับปะรด” และผ่าน Social Network เช่น facebook
2.ในด้านการปลูกฝัง หอการค้าจังหวัดทั่วประเทศแสดงเจตจำนงในการ “ไม่จ่ายเงินเพิ่มพิเศษแก่เจ้าหน้าที่รัฐ” เพื่อปลูกฝังค่านิยมใหม่ในสังคมไทย จัดตั้งศูนย์เรียนรู้เยาวชน “ดุสิต นนทะนาคร” เพื่อปลูกจิตสำนึกในการต่อต้านคอร์รัปชั่น และสร้างหลักสูตรสอนเด็กในการต่อต้านคอร์รัปชั่น
กลุ่มที่2 “ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ หลังวิกฤติน้ำท่วม”
1.ผลักดันให้เกิดการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพตามแนวพระราชดำริ
2.สนับสนุนให้มีการใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส ในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศครั้งใหญ่ ซึ่งจะเป็นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน
กลุ่มที่3 “การลดความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจและสังคมสู่ความยั่งยืน”
1.ดำเนินโครงการ 1 ไร่ 1 แสน และ 1 บริษัท 1 ชุมชน อย่างต่อเนื่อง
2.สร้างความร่วมมือผ่านเกษตรกร และนักวิชาการในพื้นที่
3.จัดหาอุปกรณ์ ปัจจัยการผลิต และแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร
“ทั้ง 3 กลุ่มนี้ เป็นนโยบายสำคัญที่หอการค้าไทยทั่วประเทศต้องประกาศเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อนร่วมกันอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีการจะดำเนินงานให้ประสบผลสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการขับเคลื่อนอย่างยั่งยืนด้วย”
จากนั้นนายกิตติรัตน์ รับมอบผลการสัมมนา เพื่อนำไปเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและพิจารณาดำเนินการต่อ รวมทั้งยังกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “รวมพลังขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างยั่งยืน” โดยรองนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า พร้อมที่จะนำผลการสัมมนาหอการค้าครั้งนี้ ทั้งเรื่อง การต่อต้านคอร์รัปชั่น แผนเศรษฐกิจ หลังวิกฤติน้ำท่วมและการลดความเหลื่อมล้ำ นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและดำเนินการปรับปรุงให้สอดคล้องกับแนวทางที่มีอยู่
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องบริหารจัดการน้ำว่า ขณะนี้รัฐบาลมีแผนที่จะปรับปรุงการบริหารจัดการน้ำทั้ง 25 ลุ่มน้ำใหม่ เพื่อซ่อมแซมจุดที่เสียหายและจัดระบบให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยจะนำผลการศึกษาของไจก้าและของผู้เชี่ยวชาญมาจัดทำเป็นแผนแม่บท ขณะนี้ใกล้จะเสร็จสิ้นและจะแถลงต่อสาธารณชนอย่างชัดเจนเร็วๆ นี้
“ในปีหน้าแม้จะมีฝนมาก และอาจไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่า น้ำจะท่วมหรือไม่ แต่ให้ความเชื่อมั่นกับภาคธุรกิจได้ว่าจะไม่ท่วมสร้างความเสียหายในพื้นที่เศรษฐกิจ โดยจะมีการจัดทำแผนแม่บท ว่า เมื่อหน้าน้ำมาจะผันไปไว้ที่ใด ซึ่งหากกระทบกับพื้นที่ภาคเกษตรบางส่วน แต่คงเป็นส่วนน้อยและยืนยันว่า จะต้องมีการรับผิดชอบและดูแลผู้ที่ถูกกระทบนั้นแน่นอน”
นายกิตติรัตน์ กล่าวด้วยว่า สำหรับพื้นที่ที่จะเป็นทางระบายน้ำ หรือ ฟลัดเวย์ ในวันพรุ่งนี้ (12 ธ.ค.54) ผู้เชี่ยวชาญจะขึ้นบินสำรวจเส้นทางทั้งฝั่งซ้ายและขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อสำรวจทิศทางระบายน้ำที่ขณะนี้มีไม่เพียงพอ จากนั้นจะมาสรุปเป็นระบบแบบแผน ให้สอดคล้องกับพื้นที่และเส้นทางคมนาคม เพื่อดำเนินโครงการต่อไป
“โครงการระยะสั้น เช่น การก่อสร้างและซ่อมแซม ขุดลอกคลอง ปรับปรุงประตูระบายน้ำและการจัดหาเครื่องสูบน้ำจะเริ่มขึ้นภายใน 3-5 เดือนข้างหน้า เพื่อให้ทันต่อฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงในเดือนพ.ค.ปีหน้า และจะต้องจัดพื้นที่เบี่ยงน้ำและการบริหารจัดการน้ำที่มีระบบ”
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อถามถึงผลสำรวจหอการค้าโพลที่ระบุว่า ภาคธุรกิจกว่า 45.5% มองว่า ในช่วงของการฟื้นฟูประเทศหลังวิกฤติน้ำท่วม จะมีโอกาสเกิดคอร์รัปชั่นได้นั้น นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ข้อสังเกตนี้คงมาจากความรู้สึกจากที่เคยพบเห็นมาในอดีต แต่การดำเนินการต่างๆ ในขณะนี้เป็นเรื่องปัจจุบันที่ทำเพื่ออนาคต
“การดำเนินโครงการของรัฐบาลที่ใช้งบประมาณต่อจากนี้ ก็มีผู้เชี่ยวชาญอย่างดร.วีรพงษ์ รามางกูร ที่เชื่อว่าประชาชนจะรับได้และมั่นใจได้ ทั้งนี้ ปัญหาคอร์รัปชั่น หรือฉ้อราษฎร์บังหลวง ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการอยู่แล้ว โดยเฉพาะ ‘บังหลวง’ และโครงการของหอการค้าที่จะมีการจัดโครงการเป็นหูเป็นตาเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นก็เป็นการร่วมด้วยในส่วน ‘ฉ้อราษฎร์’ ซึ่งหากร่วมกันเปลี่ยนระบบได้สำเร็จเชื่อได้ว่าปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นจะลดน้อยลง”