- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- กม.ให้สิทธิเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร 'ไทย' ติดอันดับ 45 จาก 89 ปท.ทั่วโลก
กม.ให้สิทธิเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร 'ไทย' ติดอันดับ 45 จาก 89 ปท.ทั่วโลก
ผอ. ศูนย์กฎหมายและประชาธิปไตย เผย คะแนนเต็ม 150 ไทยได้ 83 ชี้ทำได้ดีเรื่องระเบียบขั้นตอน แต่มีจุดอ่อนสำคัญคือ ความมีอิสระของคณะกรรมการ ที่สังกัดสำนักนายกฯ
วันที่ 13 ธันวาคม สมาคมเครือข่ายสื่อมวลชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ศูนย์ศึกษานโยบายสื่อ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเครือข่ายนักกฎหมายเพื่อสื่อมวลชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดงานสัมมนา “14 ปีของ พรบ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ ถึงเวลาแก้ไขแล้วหรือยัง” เพื่อวิเคราะห์สิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ ห้องพิมาน โรงแรมมณเฑียร (ถนนสุรวงศ์) กรุงเทพฯ
นายโทบี้ เมนเดล ผู้อำนวยการบริหาร ศูนย์กฎหมายและประชาธิปไตย กล่าวถึงผลการจัดอันดับของพรบ.ข้อมูลข่าวสารของราชการของไทย ว่า การจัดอันดับกฎหมายให้สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เป็นเครื่องมือในการประเมิน หรือจัดอันดับกฎหมายที่ให้สิทธิดังกล่าวของประเทศต่างๆ ซึ่งเป็นการประเมินโดยละเอียดถึงจัดแข็งและจุดอ่อนของกฎหมายในแต่ละประเทศ ซึ่งการจัดอันดับนี้ประเมินออกมาเป็นตัวเลข โดยคะแนนสูงสุดที่จะได้คือ 150 คะแนน และการให้คะแนนแบ่งออกเป็น 7 หมวดคือ สิทธิในการเข้าถึง ขอบเขตของการเข้าถึง ขั้นตอนในการขอ ข้อยกเว้นและการไม่เปิดเผย การอุทธรณ์ การลงโทษและคุ้มครอง และมาตรการส่งเสริม โดยหัวใจคือตัวชี้วัด 61 ตัว แต่ละตัวชี้วัดจะมีคะแนนเป็นช่วง โดยส่วนใหญ่จะเป็น 0-2 คะแนน
สำหรับผลการจัดอันดับกฎหมายใช้สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประเทศไทย พบว่า อยู่ในอันดับที่ 45 จาก 89 ประเทศทั้งหมดทั่วโลก โดยได้คะแนนแบ่งเป็นหมวดดังนี้
1.สิทธิในการเข้าถึง ได้ 4 คะแนน จากคะแนนเต็ม 6 คะแนน
2.ขอบเขตของการเข้าถึง ได้ 22 คะแนน จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน
3.ขั้นตอนในการขอ ได้ 17 คะแนน จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน
4.ข้อยกเว้นและการไม่เปิดเผย ได้ 16 คะแนน จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน
5.การอุทธรณ์ ได้ 12 คะแนน จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน
6.การลงโทษและคุ้มครอง ได้ 2 คะแนน จากคะแนนเต็ม 8 คะแนน
7.มาตรการส่งเสริม ได้ 10 คะแนน จากคะแนนเต็ม 16 คะแนน
รวมแล้วได้คะแนนทั้งหมด 83 คะแนน จากคะแนนเต็มทั้งหมด 150 คะแนน
นายโทบี้ กล่าวต่อว่า เมื่อเทียบกับประเทศอินโดนีเซีย โดยประเทศไทยทำได้ดีกว่าในเรื่องของระเบียบขั้นตอน แต่ทั้งนี้ ยอมรับว่า ยังมีจุดอ่อนที่สำคัญในส่วนของ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการของประเทศไทยขาดความเป็นอิสระ ทำให้ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมเนื่องจากอยู่ในสังกัดของสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากยังไม่เป็นองค์กรอิสระ ก็ไม่สามารถทำหน้าที่ตรวจสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ปัญหาอีกประการคือข้อยกเว้น (ไม่ต้องเปิดเผยข้อมูล) จำนวนมากเขียนไว้มากเกินไปและไม่มีการตรวจสอบก่อนว่าเปิดเผยแล้วจะเป็นอันตราย รวมถึงเรื่องของบทลงโทษที่น้อยเกินไปสำหรับผู้ที่กีดขวาง ไม่มีการจัดการกับความล้มเหลว ไม่มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ ไม่มีการให้ความรู้แก่ประชาชน ไม่มีข้อกำหนดที่จะเปิดเผยว่าข้อมูลนี้ใครเป็นผู้ถือครอง และไม่มีการฝึกอบรม หรืออาจจะมีแต่ก็ไม่ได้เขียนไว้ในกฎหมาย”
ขณะที่ พ.ต.ท.วรัท วิเชียรสรรค์ ผู้อำนวยการส่วนหารือและร้องเรียน สำนักงานคณะกรรมารข้อมูลข่าวสารราชการ กล่าวถึงข้อโต้แย้งถึงการจัดอันดับครั้งนี้ว่า ยอมรับได้กับตัวชี้วัดที่ประเทศไทยได้คะแนนค่อนข้างสูง แต่ยังมีข้อสังเกตในบางข้อว่าในการสำรวจ อาจไม่ได้มาจากการสอบถามผู้ที่มีความรู้ในเรื่องกฎหมายนี้อย่างแท้จริง