- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- รบ.ปู เดินหน้าโฉนดชุมชนต่อ ดึง “นิพนธ์ ฮะกีมี” ร่วมถกข้อ กม. เล็งเปลี่ยนชื่อโครงการ
รบ.ปู เดินหน้าโฉนดชุมชนต่อ ดึง “นิพนธ์ ฮะกีมี” ร่วมถกข้อ กม. เล็งเปลี่ยนชื่อโครงการ
“สรุวิทย์” เผย เดินหน้าโฉนดชุมชนต่อ จ่อสำรวจเพิ่ม 435 ชุมชน ด้าน "ธงทอง" ลั่น เปลี่ยนชื่อโครงการ ไม่เอี่ยวการเมือง ย้ำ ผลักโฉนดชุมชน เป็นพระราชบัญญัติได้ ถ้อยคำต้องเคลียร์-นักกฎหมายต้องไม่คาใจ
วานนี้ (16 ธันวาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.สรุวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงานจัดให้มีโฉนดชุมชนว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้สำนักงานโฉนดชุมชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการสำรวจและตรวจสอบพื้นที่จัดทำโฉนดชุมชนเพิ่มเติม จำนวน 435 ชุมชน เนื้อที่รวมทั้งสิ้น 2,227,726 ไร่ ซึ่งจะทำให้มีประชาชนได้รับประโยชน์ในที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย จำนวน 62,656 ครัวเรือน หรือคิดเป็น 241,223 คน
“โครงการโฉนดชุมชนที่รัฐบาลเดิมทำอยู่แล้ว รัฐบาลปัจจุบันจะเดินหน้าต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ และจะทำให้เร็วยิ่งขึ้น โดยจะปรับปรุงข้อกฎหมายต่างๆ ให้สอดคล้องกับเป้าหมาย วัตถุประสงค์ของโครงการฯ โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการฝ่ายกฎหมายไปศึกษาพิจารณาว่า ยังมีข้อกฎหมาย ข้อความใดที่ยังไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริงในการดำเนินงาน โดยจะนำกลับเข้ามาพิจารณาในที่ประชุมอีกครั้ง”
ส่วนกรณีที่จะมีการเปลี่ยนชื่อหนังสืออนุญาตในการทำประโยชน์สิทธิที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยจาก ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยโฉนดชุมชน พ.ศ.2553 เป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเสริมสร้างสิทธิที่ดินชุมชน พ.ศ....” นั้น นพ.สรุวิทย์ กล่าวว่า ในความเป็นจริงจะใช้ชื่อใดก็ได้ แต่เนื่องจากคำว่า โฉนด ทำให้ประชาชนบางรายเกิดความสับสน คิดว่ามีกรรมสิทธิ์ในที่ดินสามารถไปจำนองได้ จึงมีการเสนอให้เปลี่ยนชื่อดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการกฎหมายรับไปพิจารณาแล้วเช่นกัน
ขณะที่นายธงทอง จันทศุราง ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานจัดให้มีโฉนดชุมชน กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีการเสนอในเปลี่ยนชื่อดังกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีมิติทางการเมือง เปลี่ยนรัฐบาลต้องเปลี่ยนชื่อ แต่เนื่องจากคำว่าโฉนดชุมชน สำหรับคนที่เรียนกฎหมาย หรืออยู่ในระบบกฎหมาย จะมีความเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งเจ้าของที่ดินมีกรรมสิทธิ์ ทั้งที่ข้อเท็จจริงเป็นเพียงการให้สิทธิ์แก่ชุมชนในการทำมาหากินเท่านั้น
“หลายเวทีที่ไปพูดคุยเรื่องโฉนดชุมชนกับนักกฎหมาย มักจะมีเสียงท้วงติงอยู่เสมอ ดังนั้น ถ้าปล่อยให้ความคาใจ สงสัยตกอยู่กับนักกฎหมายมากขึ้น ในวันข้างหน้าหากจะพัฒนาเรื่องดังกล่าวจากระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ไปเป็นพระราชบัญญัติ การชี้แจงในรัฐสภาจะเกิดการร้องถาม เสียเวลาในการชี้แจง ที่ประชุมจึงเห็นพ้องว่า ในส่วนของถ้อยคำทางด้านกฎหมายได้มอบหมาย นายนิพนธ์ ฮะกีมี รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทำหน้าที่เป็นประธานอนุกรรมการฝ่ายกฎหมาย รับข้อสังเกตไปพิจารณา ขณะที่หลักการ กติกาการใช้ประโยชน์ที่ดินของชุมชนนั้น ยืนยันจะดำรงไว้ต่อไป”
ส่วนคณะอนุกรรมการฯ จะได้ข้อสรุปเมื่อใดนั้น นายธงทอง กล่าวว่า ไม่ได้มีการวางกรอบระยะเวลาในการดำเนินการเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ผลสรุปแล้ว รายละเอียดคงต้องกลับเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมใหญ่อีกครั้ง