- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- อนุกก.ชุด ‘กิจจา’ เคาะมาตรการแก้ปัญหาน้ำอย่างเป็นระบบ-ยั่งยืน
อนุกก.ชุด ‘กิจจา’ เคาะมาตรการแก้ปัญหาน้ำอย่างเป็นระบบ-ยั่งยืน
คณะอนุกรรมการวางระบบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน จัดทำแผนยุทธศาสตร์ เตรียมนำเสนอให้ กยน. พิจารณา มีทั้งมาตรการเร่งระบายน้ำลงสู่ทะเล มาตรการที่ไม่ใช้สิ่งก่อสร้าง และใช้สิ่งก่อสร้าง
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะอนุกรรมการวางระบบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ชุดที่มีนายกิจจา ผลภาษี เป็นประธาน ได้ประชุมจัดทำแผนยุทธศาสตร์ในการจัดการน้ำท่วมเชิงบูรณาการอย่างยั่งยืนของ 25 ลุ่มน้ำหลัก เพื่อเตรียมนำเสนอให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) พิจารณา
มีรายงานว่า ที่ประชุมเห็นควรการวางยุทธศาสตร์จัดการน้ำท่วมอย่างยั่งยืน ในเบื้องต้นสำหรับลุ่มน้ำต่างๆ ดังนี้
1.ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่มีความจุลำน้ำในปัจจุบันที่ จ.นครสวรรค์ ประมาณ 3,500 ลบ.ม.ต่อวินาทีนั้น ในปีนี้มีอัตราการไหลสูงสุดถึง 4,686 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งเกินกว่าความจุลำน้ำอย่างมาก แม้อัตราการไหลสูงสุดจะไม่มากเท่ากับปี 2538 ที่มีอัตราการไหลสูงสุด 4,820 ลบ.ม.ต่อวินาที แต่ในปีนี้ก็มีพายุลูกใหญ่พาดผ่านตอนเหนือถึง 4 ลูก ส่งผลให้มีปริมาณน้ำรวมทั้งสิ้น 41,300 ล้านลบ.ม. ซึ่งมากกว่าปี 2538 ที่มีประมาณ 30,300 ล้านลบ.ม. ดังนั้น จำเป็นต้องดำเนินการพัฒนาโครงการครอบคลุมทั้งโครงการขนาดกลางและขนาดใหญ่อย่างเร่งด่วน
โครงการหรือมาตรการต่างๆ เหล่านี้ จะต้องระบุได้ว่า หากมีมวลน้ำเข้ามาจะต้องจัดการอย่างไร โดยจะจัดสรรพื้นที่ลุ่มต่ำที่มีศักยภาพให้เป็นพื้นที่แก้มลิง เช่น ทุ่งบางบาล ทุ่งภูเขาทอง ที่จะสามารถแบ่งน้ำไว้ได้ โดยต้องหามาตรการการชดเชยที่เป็นธรรม ทุกพื้นที่ที่อยู่ทั้งนอกและในคันกั้นน้ำจะต้องได้รับค่าชดเชย และเป็นมาตรการที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนในลุ่มน้ำและแก้ปัญหาน้ำที่เกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งมีแผนพัฒนาโครงการใช้พื้นที่เกษตรลุ่มต่ำเป็นพื้นที่รับน้ำนองขนาดใหญ่ จำนวน 12 พื้นที่ อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างถึงภาคกลาง มีเป้าหมายเพื่อตัดยอดน้ำหลากในลุ่มน้ำเจ้าพระยาประมาณ 2,900 ล้านลบ.ม.
ในพื้นที่ส่วนกลางน้ำอย่าง จ.นครสวรรค์ จ.อยุธยา จะต้องมีแก้มลิงส่วนหนึ่ง หลังจากที่มีการตัดยอดน้ำไว้ข้างบน โดยการสร้างอ่างกักเก็บน้ำ และอาจจะมีฟลัดเวย์เหนือเขื่อนเจ้าพระยา ให้ฝั่งตะวันตกระบายน้ำได้ 1,000 ลบ.ม.ต่อวินาที และฝั่งตะวันออกระบายได้ 1,000 ลบ.ม.ต่อวินาที จะสามารถลดมวลน้ำได้มาก พื้นที่กรุงเทพฯ ก็จะได้รับผลกระทบน้อยลง
2.ลุ่มน้ำปิง มีแผนก่อสร้างโครงการแม่แจ่มซึ่งสามารถเก็บกักน้ำได้ถึง 135 ล้านลบ.ม. จากปริมาณน้ำท่ารายปี 190 ล้านลบ.ม.
3.ลุ่มน้ำยม ที่มีการศึกษาและออกแบบโครงการแก่งเสือเต้น สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ประมาณ 1,175 ล้านลบ.ม. แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีความขัดแย้งในสังคมสูงและรุนแรงนั้น มติครม.เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2550 จึงได้เห็นชอบให้มีการศึกษาวิเคราะห์ลุ่มน้ำยมทั้งระบบ ซึ่งผลรายงานการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น พบว่า โครงการขนาดใหญ่ที่มีความเหมาะสมเทียบเคียงโครงการแก่งเสือเต้น แต่มีผลกระทบทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า รวมถึงมีความขัดแย้งทางสังคมน้ำน้อยกว่าคือ โครงการเขื่อนแม่น้ำยมและแม่น้ำยมตอนบน ซึ่งจะสามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ประมาณ 660 ล้านลบ.ม.
4.ลุ่มน้ำน่าน ได้มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพบริเวณลุ่มน้ำวังทองหรือลำน้ำเข็ก ที่สามารถเก็บกักน้ำได้ถึง 180-500 ล้านลบ.ม.
5.ลุ่มน้ำสะแกกรัง ก็มีแผนงานก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่วงก์ ซึ่งสามารถเก็บกักน้ำได้ 250 ล้านลบ.ม.
มาตรการเร่งระบายน้ำลงสู่ทะเล
ขณะนี้กรมชลประทานได้เริ่มดำเนินการโครงการผันน้ำฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณคลองชัยนาท ป่าสัก ซึ่งเพิ่มศักยภาพผันน้ำจาก 210 ล้านลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 1,000 ล้านลบ.ม.ต่อวินาที และมีแผนในปี 2555 ที่จะศึกษาโครงการผันน้ำฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งมีศักยภาพการระบายน้ำไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านลบ.ม.ต่อวินาที
ทั้งนี้ ได้น้อมนำพระราชดำริที่ดำเนินการแล้วที่คลองลัดโพธิ์และบางกระเจ้า มาใช้ในแม่น้ำท่าจีน เพื่อบรรเทาอุทกภัย โดยขุดช่องลัดแม่น้ำท่าจีนและก่อสร้างประตูระบายน้ำควบคุมเป็นการเร่งระบายน้ำทางฝั่งตะวันตก เพื่อช่วยให้ระบายน้ำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ กรมชลประทานและกรมทางหลวงมีการหารือร่วมกันถึง แนวทางที่จะพัฒนา “ระบบน้ำร่วมกับถนนวงแหวนรอบที่ 3” เป็นการสร้างช่องทางน้ำหลาก แยกออกจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทางฝั่งซ้าย (ตะวันออก) ของแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วยเพิ่มช่องทางระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะพื้นที่ตั้ง จ.พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา และ กทม.ได้ประมาณ 500 ล้านลบ.ม.ต่อวินาที
โดยระบบน้ำร่วมกับถนนวงแหวนรอบที่ 3 ที่จะทำเป็นช่องทางน้ำหลาก หรือฟลัดเวย์ อาจจะสร้างเป็นคูน้ำรอบขนานไปกับถนนวงแหวน แล้วดึงมวลน้ำออกทะเล ส่วนข้อเสนอให้สร้างเจ้าพระยา 2 นั้น หากมีฟลัดเวย์ที่เพียงพอแล้ว ก็คงไม่จำเป็นต้องสร้าง เพราะเป็นโครงการขนาดยักษ์ที่ใช้เวลายาวนาน ทั้งนี้ ส่วนสำคัญที่เป็นบทเรียนจากอุทกภัยครั้งนี้ คือ ต้องแก้การบริหารจัดการน้ำที่ไม่เป็นเอกภาพ จากนี้ต้องมีการตัดสินใจจากบุคคลคนเดียว หรือหน่วยงานเดียว แต่ผ่านการเห็นชอบร่วมกัน
มาตรการที่คณะอนุกรรมการวางระบบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ได้ร่างไว้ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
1.มาตรการที่ไม่ใช้สิ่งก่อสร้าง
การเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการคาดการณ์สถานการณ์น้ำด้วยเทคโนโลยีการพยากรณ์ และเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบความมั่นคงและความปลอดภัยของอาคารชลประทาน รวมทั้งพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการพื้นที่น้ำนอง เพื่อวางแผนการใช้ประโยชน์จากน้ำหลากทั้งเก็บกักใช้ในการเกษตรและประมง พร้อมทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเกษตรกร ลดความเสี่ยงต่อความเสียหายในช่วงน้ำหลาก เพื่อให้เกิดเอกภาพในการบริหารจัดการน้ำมากยิ่งขึ้นในทุกมิติ
สำหรับการรักษาสภาพการใช้ที่ดิน โดยเฉพาะพื้นที่ทางน้ำผ่านจะใช้ผังเมืองในการบังคับใช้ และจัดทำระบบติดตามตรวจสอบข้อมูล รวมถึงการให้ความรู้ความเข้าใจในแต่ละภาคส่วน ทั้งประชาชนตั้งแต่ระดับนักเรียนนักศึกษาจนถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมีการบูรณาการระดับลุ่มน้ำ เพื่อให้มีระบบแบบแผนการบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.มาตรการที่ใช้สิ่งก่อสร้าง
การพัฒนาโครงการป้องกันภัยจากน้ำหลาก ได้แบ่งแยกพื้นที่ออกเป็น ต้นน้ำ กลางน้ำ และท้ายน้ำ เพื่อให้เหมาะสมสอดและคล้องตามสภาพทางกายภาพ เนื่องจากการเกิดอุทกภัยในครั้งนี้ พิสูจน์ได้ชัดเจนว่าโครงสร้างที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถรับปริมาณน้ำหลากได้ และการพัฒนาโครงการขนาดเล็กก็เป็นเพียงการแก้ไขในระดับท้องถิ่นเท่านั้น ดังนั้น มาตรการที่ใช้สิ่งก่อสร้างที่จะพิจารณาให้ดำเนินการ คือ การเพิ่มศักยภาพการกักเก็บน้ำ หรือดำเนินการสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ พัฒนาเป็นประเภทเขื่อนอเนกประสงค์ที่สามารถบรรเทาภัยจากน้ำท่วมได้ ในพื้นที่ต้นน้ำ
การจัดพื้นที่พักน้ำในพื้นที่ตอนกลางน้ำ เพื่อชะลอน้ำ และตัดยอดน้ำ เช่น พื้นที่ลุ่มต่ำน้ำนอง พื้นที่แก้มลิง และสระเก็บน้ำขนาดใหญ่ จัดทำระบบพนังกั้นน้ำสองฝั่งแม่น้ำสายหลักเสริมความแข็งแรง และซ่อมแซมตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งพิจารณาความสูงให้เหมาะสมและเป็นไปตามหลักวิชาการ รวมทั้งขุดลอกท้องน้ำ และการขยายลำน้ำ โดยป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าไปอาศัยอยู่ในเขตคลอง โดยเฉพาะคลองสายหลัก และสายอื่นๆ ที่ใช้ในการระบายน้ำลงสู่ทะเล
วางระบบการผันน้ำรวมทั้งการขยายคลองส่งน้ำ เพื่อทำให้เป็นระบบระบายน้ำสายด่วนออกสู่ทะเล จากพื้นที่ตอนกลาง และจัดระบบระบายน้ำ พร้อมทั้งทำคันกั้นน้ำบริเวณที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจและจัดโซนสูบน้ำ นอกจากนี้ปัญหาอุทกภัยที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเกิดจากข้อจำกัดการระบายน้ำจากอิทธิพลของการขึ้นลงของน้ำทะเลทั้งระดับและช่วงเวลา จึงอาจต้องมีการก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำทะเลหนุนแต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงงบประมาณและความคุ้มค่าด้วย