- Home
- Thaireform
- ข่าวเด่น นโยบายสาธารณะ
- องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมฯ เปิดเวทีใหญ่รับฟังความเห็น
องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมฯ เปิดเวทีใหญ่รับฟังความเห็น
“เรวดี ประเสริฐเจริญสุข” ชี้หลายกรณีซับซ้อน แนะกอสส. ทำงานเชิงรุกลงไปศึกษา เก็บข้อมูลเอง เปิดเผยข้อมูลโครงการต่างๆ ให้เป็นสาธารณะ ด้านนพ.ปัตพงษ์ หวังองค์กรแห่งนี้จะเปลี่ยนสังคมไทยให้ไม่นิ่งดูดาย รับผิดชอบดูแลกัน
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (กอสส.) จัดงานสัมมนา “องค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ กับทิศทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพื่อรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะ สำหรับเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการพัฒนาและปรับปรุงการปฏิบัติงานของ กอสส. โดยมีตัวแทนหน่วยงานจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ ภาคประชาชน องค์กรพัฒนาเอกชน สถาบันการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ ตลอดจนกลุ่มธุรกิจเอกชน และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน ณ ห้องมิราเคิลแกรนด์ เอบี ชั้น 4 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการสัมมนา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึง กอสส. เกิดขึ้นตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 67 วรรคสอง ที่กำหนดให้มีการคุ้มครองสิทธิของบุคคลรวมไปถึงสิทธิของชุมชนในการที่จะมี ส่วนร่วมในการดูแลอนุรักษ์บำรุงรักษาและได้รับประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
“กอสส. จะเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญในการช่วยกลั่นกรองข้อมูลและรับฟังความคิดเห็น จากทุกด้าน เพื่อให้หน่วยงานของรัฐในการอนุมัติ อนุญาต หรือ การดำเนินโครงการต่าง ๆ ได้รับทราบข้อมูลจากองค์กรที่เป็นกลาง เพื่อสามารถที่จะประมวลความคิดเห็นได้อย่างรอบด้าน เป็นกลไกที่มีความสำคัญในการกลั่นกรองโครงการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสิทธิของประชาชน และชุมชน ควบคู่ไปกับความจำเป็นในการที่จะต้องมีกระบวนการการพัฒนาในด้านเศรษฐกิจและ สังคมอย่างต่อเนื่องต่อไป”
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในสภาพปัจจุบันองค์การ กอสส. ยังเป็นองค์การในลักษณะขององค์การเฉพาะกาลอยู่ รัฐบาลจึงพยายามที่จะเร่งรัดผลักดันให้การจัดการตั้งองค์การนี้ตามกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันกฎหมายยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการในสภาฯ โดยจะเร่งผลักดันให้การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากการจัดตั้งองค์การอิสระ เป็นรูปแบบที่ใหม่ ดังนั้นอาจต้องใช้เวลาพอสมควรในการจัดตั้ง
สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานขององค์การอิสระฯ กอสส. เริ่มจากการทางสำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (สผ.) รายงานผล EHIA (EIA, HIA) รวมทั้งความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) และมาตรการในการป้องกัน ลดผลกระทบให้กับ กอสส. จากนั้นทางคณะอนุกรรมการ จะทำหน้าที่ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูล จัดทำและเสนอความคิดเห็น และเผยแพร่ผ่านสื่อ ในกรณีที่เป็นโครงการของเอกชนจะมีการเสนอความเห็นต่อหน่วยงานให้อนุมัติ และหากเป็นโครงการของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ จะมีการเสนอความเห็นต่อ สผ. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี โดยกระบวนการทั้งหมดจะเกิดขึ้นภายในระยะเวลา 60 วัน
จากนั้นในเวทีมีการอภิปรายหัวข้อ “กอสส. กับความคาดหวังและบทบาทการมีส่วนร่วมของสังคม” โดยนางอรพินท์ วงศ์ชุมพิศ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กอสส. จะต้องมีกระบวนการที่ส่งเสริมในการพิจารณากรณีต่างๆ ให้ครอบคลุมมากกว่าที่มีอยู่ แต่ต้องมีกรอบที่ชัดเจนไม่ให้การพัฒนาประเทศล่าช้าจนเกินไป และสร้างให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพื่อลดความขัดแย้งในชุมชน โดยทางกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงตามกฎหมาย และเจตนารมณ์ที่จะส่งเสริม เติมเต็มในภาคส่วนต่างๆ
ด้านนายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ผู้ประสานงานกลุ่มนิเวศวัฒนธรรมศึกษา กล่าวว่า ในแง่กระบวนการพิจารณาของ กอสส. ไม่ควรพิจารณาแค่ตัวบทตามที่สำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (สผ.) ส่งรายงาน EHIA มาให้ แต่ควรย้อนไปที่กระบวนการได้มาของเอกสารนั้นด้วย ว่ามีความถูกต้อง หรือผิดสาระสำคัญหรือไม่ อย่างไร ทั้งนี้หากหน้าที่ของ กอสส. ได้เพียงให้ความเห็นประกอบการพิจารณาคงไม่เพียงพอ จะต้องพิจารณาเอกสารทั้งภาพรวม และย้อนหลัง เพราะมีหลายกรณีที่ทับซ้อนอยู่มาก ทั้งนี้ยังต้องมุ่งเน้นไปที่การติดตาม ตรวจสอบ และรับผิดชอบในความเห็นด้วย
ส่วนนางเรวดี ประเสริฐเจริญสุข ประธานเครือข่ายสมัชชาสิ่งแวดล้อม และกรรมการสมัชชาปฏิรูป กล่าวว่า สังคมไทยไม่สามารถสร้างแผนการพัฒนาประเทศโดยให้คนทั้งหมด หรือให้ส่วนใหญ่ของประเทศมีส่วนร่วมได้ และกระแสการพัฒนาก็มุ่งสู่ธุรกิจเป็นหลัก กระทบต่อรากฐานของชาวบ้าน ทำให้มีภาวะยากลำบากมากขึ้น ทั้งความมั่นคงทางอาหารและอาชีพ
“กระบวนการสร้างแผนพัฒนาประเทศที่ผ่านมาไม่เคยเปิดพื้นที่ให้ประชานมีส่วนร่วม แต่ไปเกี่ยวโยงกับการเมืองอยู่เสมอ หากหน้าที่ของ กอสส. เพียงเอารายงานผลกระทบมาศึกษาภายในระยะเวลา 60 วันนั้น ไม่จำเป็นต้องมีการจัดตั้ง กอสส. ก็ได้ หน้าที่จะต้องทำมากกว่านี้ เช่น ลงไปศึกษา หรือเก็บข้อมูลเอง”
นางเรวดี กล่าวถึงข้อเสนอในกระบวนการพิจารณาของ กอสส. ด้วยว่า ในการกำหนดระยะเวลาการพิจารณาเพียง 60 วันนั้นเป็นข้อจำกัดในการพิจารณา เนื่องจากในแต่ละกรณีล้วนมีความซับซ้อน และมีหลายกรณี ทั้งนี้คณะทำงานของ กอสส. จะต้องทำหน้าที่เชิงรุกในการลงพื้นที่ศึกษา เก็บข้อมูล และเปิดเผยข้อมูลโครงการต่างๆ ให้เป็นสาธารณะ
“จะต้องใช้ทุกเทคโนโลยี ทุกช่องทางเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลให้มากที่สุด รวมทั้งประสานกับชุมชนให้มีส่วนร่วมในการถ่ายถอดประเด็นปัญหา เพราะกลุ่มคนที่มีความสำคัญ คือกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง บทบาทที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ จะต้องเชื่อมโยงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้เกิดสถานะที่ยอมรับและมีอิทธิพล และสร้างให้เกิดธรรมาภิบาลในการบริหารในนโยบายสาธารณะ”
ขณะที่น.พ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ที่ผ่านมาปัญหาสุขภาพเพิ่มมากขึ้น คนไทยตายจากโรคมะเร็งเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งสวัสดิการ และจ่ายเอง ซึ่งคงต้องโทษทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทิศทางการพัฒนา ผู้ปล่อยมลภาวะที่นิ่งดูดาย
“สังคมไทยเป็นสังคมที่ด้านชาต่อความทุกข์ของชาวบ้าน ทุกฝ่ายล้วนนิ่งดูดาย ใครที่เอาเปรียบคนอื่นก็ยังทำต่อไป” น.พ.ปัตพงษ์ กล่าว และว่า ความคาดหวังต่อ กอสส. คือ จะต้องเปลี่ยนสังคมไทยให้เป็นสังคมที่ไม่นิ่งดูดาย รับผิดชอบ ดูแลกัน โดยต้องเชื่อมโยงกับองค์กรภาคีต่างๆ ที่มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบ และผนึกกำลังกับชาวบ้านอย่างแน่นเฟ้นทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูล และเผยแพร่ข่าวสารผ่านสื่อต่างๆ ไปถึงชาวบ้าน