- Home
- Thaireform
- ข่าวเด่น นโยบายสาธารณะ
- แย่งยื้ออำนาจ ทั้งยาก-ใช้เวลา “ไพโรจน์” เปิดอุปสรรคใหญ่ขวาง “โฉนดชุมชน”
แย่งยื้ออำนาจ ทั้งยาก-ใช้เวลา “ไพโรจน์” เปิดอุปสรรคใหญ่ขวาง “โฉนดชุมชน”
ประธาน กป.อพช.ชี้การเปลี่ยนความสัมพันธ์ทางอำนาจ จาก “รัฐ” มาเป็น “ชุมชน” จัดการที่ดิน อีกทั้งต้องต่อสู้กับลัทธิปัจเจก มองต่อสู้กว่าจะได้โฉนดชุมชน จึงต้องใช้เวลา ไม่ง่าย
วันที่ 5 มีนาคม ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(พีมูฟ) ร่วมกับ คณะอนุกรรมการปฏิรูปที่ดินและฐานทรัพยากร คณะกรรมการปฏิรูป โครงการพัฒนาความเป็นธรรมทางสังคม เพื่อสังคมสุขภาวะ สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเสวนาโต๊ะกลม “นโยบายโฉนดชุมชนเพื่อความเป็นธรรม ข้อเสนอต่อการแปรหลักการสู่การปฏิบัติ” ณ ห้องจุมภฎ-พันธุ์ทิพย์ อาคารประชาธิปก-รำไพพรรณี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รศ.ศรีศักร วัลลิโภดม กรรมการปฏิรูป กล่าวถึงโครงสร้างสังคมไทยปัจจุบัน ถูกครอบด้วยทุนนิยมเสรี หรือสังคมเดรัจฉาน เอารัดเอาเปรียบ กำลังเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ซึ่งเวลานี้ไม่ใช่อุตสาหกรรมธรรมดา แต่เป็นอุตสาหกรรมหนัก เช่นโรงไฟฟ้าถ่านหิน เข้ามาแทนที่ชุมชนด้วยนิคมอุตสาหกรรม
“ชาวบ้านถูกบดขยี้โดยทุนและรัฐมาตลอด 90% ของที่ทำกิน ตกอยู่ในมือของคนเพียง 10% รวมทั้งสังคมอุตสาหกรรมกำลังรุกที่เกษตรกรรม สิ่งที่เป็นอันตรายหนัก ถ้ายิ่งนิคมอุตสาหกรรมเข้าไปแทนที่ทุกพื้นที่ เกษตรกรรมไม่มีการจะโหยหาโฉนดชุมชนไปก็ไร้ประโยชน์ ” รศ.ศรีศักดิ์ กล่าวและว่า เราจำเป็นต้องรับอุตสาหกรรมระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาสังคมเกษตรกรรมเอาไว้ด้วย ดังนั้นเป้าหมายใหญ่ คือการรักษาสังคมเกษตรกรรมต่อรองกับสังคมอุตสาหกรรม อย่าทำลาย ให้อยู่ด้วยกันได้ เหมือนประเทศชาติเป็นมะเร็งจะแก้อย่างไรให้อยู่ด้วยกัน อย่าให้มะเร็งมันโต
เช่นเดียวกับ โฉนดชุมชน รศ.ศรีศักร กล่าวว่า ชาวบ้านก็ต้องสร้างเอง ตกลง กำหนดกันเองในหมู่บ้าน ตรงไหนเป็นพื้นที่สาธารณะ สร้างฐานอำนาจของชุมชนให้เข้มแข็งเพื่อต่อรองกับอำนาจของรัฐ โดยแต่ละหมู่บ้านต้องมีองค์กรที่จัดตั้งกันเอง แบบเบ็ดเสร็จ มีส่วนต่างๆมาร่วมกันบริหาร สร้างให้เกิดพลังเพื่อต่อรองกับภาครัฐ
ขณะที่ม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์ กรรมการปฏิรูป กล่าวถึงความเข้มแข็งของชุมชนสำคัญที่สุด ก้าวต่อไปต้องพยายามผลักดันให้ “ชุมชน” เป็น “นิติบุคคล” เพื่อให้ทำนิติกรรมได้ อย่างน้อยก็กลุ่มออมทรัพย์ เพื่อให้ศาลยอมรับความเป็นชุมชน พร้อมกันนี้ควรผลักดันให้มีศาลพิเศษ มาดูแลเฉพาะกรณีเรื่องที่ดิน โดยให้ใช้ระบบไต่สวน ไม่ใช่ระบบกล่าวหา อย่างทุกวันนี้
โฉนดชุมชนเพื่อสังคมไทยทั้งสังคม
ขณะที่นายไพโรจน์ พลเพชร ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน(กป.อพช.) กล่าวว่า คนไทยยังเข้าใจว่า โฉนดชุมชนเพื่อชุมชน แต่โดยรวมแล้วโฉนดชุมชนเพื่อสังคมไทยทั้งสังคม เพราะโฉนดชุมชนเป็นหลักประกันที่สำคัญว่า 1. สร้างความมั่นคงในชีวิตให้คนอยู่ได้ 2.ความมั่นคงว่าจะไม่เปลี่ยนมือ 3.สร้างความมั่นคงพื้นที่เกษตรและอาหาร เพราะในอนาคตป้อมปราการที่จะรักษาพื้นที่เกษตร คือชุมชน ไม่ใช่ปัจเจกบุคคล ไม่สามารถสู้ทุนต่างชาติได้ และ4.สร้างความมั่นคงในการจัดการทรัพยากร เช่น โฉนดชุมชนที่อยู่ในเขตอุทยานต้องรักษาทรัพยากรเพื่อสังคมโดยรวม
“ขณะนี้คนที่ยึดครองที่ดินในประเทศไทยคือทุนข้ามชาติ เรื่องโฉนดชุมชนจึงไม่ง่าย เรากำลังเผชิญหน้ากับอำนาจรัฐ ที่เป็นเจ้าของอำนาจใจการจัดการทรัพยากรที่ดินของประเทศ และกำลังเผชิญกับการจัดการที่ดินตามกลไกตลาด ซึ่งหมายความว่า ใครมีเงินก็สามารถซื้อ – ขายที่ดินได้ แต่โฉนดชุมชนเป็นทางเลือกที่ไม่ใช่ 2 ทางนี้ มันกำลังปรับเปลี่ยนประเทศไทยให้ชุมชนมีอำนาจการจัดการทรัพยากร ที่ไม่ใช่กลไกตลาด และไม่ใช่แบบรัฐ ดังนั้นความเป็นชุมชนจึงต้องเข้มแข็ง เหนียวแน่นเพียงพอ สิทธิชุมชนจึงจะเกิด”
นายไพโรจน์ กล่าวถึงอุปสรรคใหญ่หลวงเรื่องโฉนดชุมชน คือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ยอมให้พื้นที่ ให้กับชุมชน ทางออกแนวทางแรก คือ ทำอย่างไรจะโอนที่ดินเหล่านี้ให้มาอยู่ในหน่วยงานรัฐ เพื่อขอใช้ประโยชน์ก่อน แล้วจึงให้ชุมชน โดยกดดันให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีขอใช้ที่ดินทั้งหมดที่ชุมชนขอใช้ทำโฉนดชุมชน
“แนวทางที่สอง องค์กรชุมชนต้องผนึกกำลังกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อดูแลบริหารจัดการ ออกระเบียบการจัดการที่ดิน ออกข้อบัญญัติท้องถิ่นในการจัดการทรัพยากรในพื้นที่นั้นๆ เพราะลำพังชุมชนพลังยังไม่เพียงพอ และแนวทางที่สาม ต้องยอมรับว่า ประเทศนี้กฎหมายในการจัดการทรัพยากรให้อำนาจรัฐ จึงต้องเปลี่ยนแปลงตัวกฎหมาย เรื่องโฉนดชุมชน ซึ่งมี 2 ทางเลือก คือ 1.ให้รัฐบาลทำไป ซึ่งไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่ และ2.เสนอกฎหมายเอง
ประธาน กป.อพช. กล่าวถึงการเสนอกฎหมายเอง บางคนกลัวว่าจะซ้ำรอยป่าชุมชน ที่เป็นฝันร้ายหลอกหลอน แต่ยืนยันว่าจำเป็นต้องเสนอกฎหมายเอง 10,000 รายชื่อ เพราะเวลาเสนอกฎหมายต้องต่อสู้กันทางความคิด อยู่ที่ดุลกำลังและความรู้ สุดท้าย แนวทางที่สี่ อาศัยกลไกที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหาร่วมกันกับรัฐบาล
นายไพโรจน์ กล่าวด้วยว่า การต่อสู้เรื่องโฉนดชุมชนไม่ง่าย เพราะความคิดของคน อุปสรรคใหญ่ ที่เห็นว่าการจัดการแบบชุมชน เป็นเจ้าของร่วม ที่เรียกว่า “สิทธิ์ร่วม” หายไปนานแล้วในความเชื่อของคนไทยส่วนใหญ่ ที่สำคัญเป็นเรื่องอำนาจ เรากำลังต่อสู้กับเรื่องการจัดการความสัมพันธ์ทางอำนาจ อำนาจการจัดการทรัพยากรควรอยู่ที่ใคร จึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเดิมรัฐผูกขาด เมื่อแย่งยื้ออำนาจนี้มาจึงต้องยากและใช้เวลา หรือสำเร็จง่ายๆ อย่างที่หลายคนคาดหวัง
“เรากำลังเปลี่ยนความสัมพันธ์ทางอำนาจ เปลี่ยนจากรัฐมาเป็นชุมชนในการจัดการที่ดิน อีกทั้งยังต้องต่อสู้กับลัทธิปัจเจก”