- Home
- Thaireform
- ข่าวเด่น นโยบายสาธารณะ
- “สุทธิ” ชี้กม.คุมม็อบ หลักการร่างมาไม่ดี อาจกลายเป็น “ระเบิดเวลา”
“สุทธิ” ชี้กม.คุมม็อบ หลักการร่างมาไม่ดี อาจกลายเป็น “ระเบิดเวลา”
เชื่อนำเข้าสภา 9 มี.ค.นี้ ผ่านฉลุย อนุกก.พิจารณากฎหมายฯ หวั่นเป็นกฎหมาย ควบคุมสิทธิเสรีภาพมากเกินไป ลั่นหากหลักการไม่ชัดเจน เตรียมล่า 10,000 ชื่อ เสนอร่างใหม่จากภาคประชาชน
วันที่ 8 มีนาคม นายสุทธิ อัชฌาสัย อนุกรรมการพิจารณากฎหมายว่าด้วยการชุมนุมในที่สาธารณะ ในคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย กล่าวถึงระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 4 ครั้งที่ 13 (สมัยสามัญทั่วไป) ในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2554 จะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.... ว่า อันที่จริง พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ มีการบังคับใช้ในหลายประเทศแล้ว เพื่อให้การชุมนุมอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ส่วนประเทศไทยการชุมนุมเป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ จึงพบว่า มีการนำกฎหมายอื่น อาทิ กฎหมายอาญา จราจร ฯ มาบังคับใช้กับผู้ชุมนุม
“หากมี พ.ร.บ.การชุมนุมฯ เกิดขึ้น จะส่งผลให้มีการยกเลิกกฎหมายที่ไม่จำเป็นกับผู้ชุมนุม ขณะเดียวกัน การชุมนุมจะต้องมีการจำแนกอย่างชัดเจนว่า ระหว่างปัญหาของชาวบ้าน กับประเด็นทางการเมืองด้วย เพราะหากเป็นปัญหาชาวบ้านที่ใช้การชุมนุมเป็นเครื่องมือ ก็ไม่ควรถูกกำจัดสิทธิ ซึ่งหลักการของ พ.ร.บ. การชุมนุมฯ จะต้องตอบโจทย์ในเรื่องดังกล่าวด้วย”
นายสุทธิ กล่าวถึงการแยกว่าการชุมนุมเรื่องใดเป็นปัญหาปากท้องของชาวบ้าน หรือการเมืองนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะชาวบ้านมีความทุกข์ร้อน มีความต้องการ รวมทั้งข้อเสนอที่ชัดเจน ซึ่งในมิตินี้อาจมีเจ้าหน้าที่ หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และองค์กรต่างๆ ที่เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญเข้ามามีบทบาทในการวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมแต่ละกลุ่ม และกลั่นกรองว่าเครือข่ายใดควรได้รับการสนับสนุน และหากพบว่า เป็นความเดือดร้อนของชาวบ้านจริง พ.ร.บ.การชุมนุมฯ จะต้องส่งเสริมให้ผู้ชุมนุมได้รับการสนองตอบ จนกระทั่งนำไปสู่การแก้ปัญหา ส่วนถ้าเป็นเรื่องการเมือง จะต้องหาวิธีการจัดการชุมนุมในที่สาธารณะอย่างเหมาะสม
ส่วนการนำร่าง พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ เข้าสู่สภาในวันที่ 9 มีนาคมนี้ นายสุทธิ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว มีการยกร่าง โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ กองอำนวยการรักษาคงวามมั่นคงในราชอาณาจักร (กอ.รมน) จึงเข้าใจได้ว่า หน่วยงานรัฐก็คงจะให้การสนับสนุนและเห็นด้วย เนื่องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐมนตรีบางรายชอบวิธีการจัดการปัญหาลักษณะเช่นนี้ แต่ทั้งนี้ หากร่างมีหลักการไม่ดี อาจกลายเป็น “ระเบิดเวลา” ที่จะไปควบคุมสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากเกินไป ฉะนั้น หลักการควรจะมีความเด็ดขาด เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบในหลักการเบื้องต้น ก่อนที่จะมีการพิจารณาในวาระของสภาต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ร่าง พ.ร.บ.ที่ออกมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กอ.รมน จะเป็นการส่งเสริมให้ใช้สิทธิเสรีภาพตามกฎหมาย ไม่ใช่ครอบสิทธิเสรีภาพ” ส่วนจะตกหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“สภาฯ ควรจะมีข้อตกลงในหลักการให้แตกเสียก่อน เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบในหลักการเบื้องต้น ก่อนที่จะมีการพิจารณาในวาระของสภาต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ร่าง พ.ร.บ.ที่ออกมาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กอ.รมน จะเป็นการส่งเสริมให้ใช้สิทธิเสรีภาพตามกฎหมาย ไม่ใช่ครอบสิทธิเสรีภาพ” นายสุทธิ กล่าว และว่า หากมิติของสภาออกมามีเนื้อหาหลักการไม่ชัดเจน เป็นไปในทิศทางครอบคลุมมากกว่าการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ จะมีการดำเนินการล่ารายชื่อ 10,000 ชื่อ เพื่อนำไปสู่การเสนอร่างใหม่จากภาคประชาชนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกฎหมายการควบคุมการชุมนุมในที่สาธารณะ ว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ตำรวจต้องพบกับม็อบขนาดใหญ่มาโดยตลอด ดังนั้นถ้ามีกฎหมายฉบับดังกล่าว จะช่วยเป็นเครื่องมือในการรักษาความสงบ เพราะที่ผ่านมาเรามีปัญหาในเรื่องอัตรากำลัง ซึ่งเราจัดการเองได้ แต่ในเรื่องของเครื่องมือนั้น ก็อยากร้องขอให้รัฐบาลช่วย เพราะหากมีเครื่องมือ เราจะสามารถจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ละเมิดสิทธิของผู้อื่นได้
"ขณะนี้ประธานสภาฯ ก็รับปากว่าจะช่วยผลักดันกฎหมายฉบับนี้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ขอฝากพี่น้องตำรวจขอให้เป็นกลไกสำคัญในการบังคับใช้กฎหมาย และต้องทำให้เสมอภาคกันในทุกภาคส่วน"