logo isranews

logo small 2

พลิกปูมปฏิบัติการเด็ดปีก“ทักษิณ”จาก “คตส.-รบ.มาร์ค”ก่อนสำเร็จยุค“บิ๊กตู่”

พลิกปูมปฏิบัติการ เด็ดปีก! ยกเลิกหนังสือเดินทาง “ทักษิณ ชินวัตร” ก่อน คสช. ย้อนตั้งแต่ปี’50 “บัวแก้ว” ยุค “สุรยุทธ์” จุดชนวน ก่อนเหลว ทิ้งช่วง “สมัคร-สมชาย” สำเร็จยุค “มาร์ค” แต่ไม่วาย “รบ.ยิ่งลักษณ์” คืนให้ต่อ

PIC thaksinnnuu 27 5 58 1

กลายเป็นที่ฮือฮากันทีเดียว !

ภายหลังกระทรวงการต่างประเทศ “ยกเลิก” หนังสือเดินทาง “นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ด้วยเหตุที่ฝ่ายความมั่นคงพิจารณา “ถ้อยคำ” ของ “ทักษิณ” ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างประเทศ มีเนื้อหากระทบความมั่นคง ความปลอดภัย หรือชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศไทย !

ผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, 326 และ 328 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3) และ (5)

โดยคำสั่งดังกล่าวของกระทรวง “บัวแก้ว” มีผลตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค. 2558

(อ่านประกอบ : ก.ต่างประเทศยกเลิกพาสปอร์ต'ทักษิณ'เหตุคำสัมภาษณ์กระทบมั่นคงชาติ)

อย่างไรก็ดี หากยังจำกันได้ก่อนหน้านี้ มีเหตุการณ์เตรียม “เด็ดปีก” พ.ต.ท.ทักษิณ ของฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐแล้วหลายครั้ง

ไล่มาตั้งแต่ยุค “รัฐบาลขิงแก่” พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จนมาถึงรัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเหตุการณ์ดังกล่าวมาเรียบเรียงให้เห็นกันชัด ๆ ดังนี้

ช่วงต้นปี 2550 มีรายงานข่าวจากที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ว่า “คุณหญิงเป็ด” จารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ขณะนั้น) และหนึ่งใน คตส. รายงานต่อที่ประชุมว่า นายสวนิต คงศิริ รมช.ต่างประเทศ (ขณะนั้น) ได้ทำหนังสือในนามกระทรวงการต่างประเทศถึงคุณหญิงจารุวรรณ เพื่อขอทราบรายงานผลการตรวจสอบข้อกล่าวหาการทุจริตประพฤติมิชอบใน “รัฐบาลทักษิณ”

โดยในที่ประชุมคราวนั้น กรรมการ คตส. หลายคนมีความเห็นตรงกันว่า สมควรยกเลิก “พาสปอร์ตแดง” ซึ่งเป็นหนังสือเดินทางที่ให้อภิสิทธิ์ทางการทูตแบบพิเศษ ไปได้ 30 ประเทศโดยไม่ต้องทำ “วีซ่า”

หลังจากนั้น สตง. ได้ทำหนังสือตอบกลับไปยังกระทรวงการต่างประเทศ รายงานถึงผลการสอบสวนของ คตส. ในแต่ละโครงการ ซึ่งรวมถึงโครงการที่ คตส. ได้ชี้มูลความผิด “ทักษิณ” ไปแล้ว เช่น กรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX 900 และการจัดซื้อที่ดินรัชดาภิเษก ของ “คุณหญิงอ้อ” พจมาน ชินวัตร รวมถึงผลการตรวจสอบเรื่องการโอนหุ้นบริษัทชินคอร์ปที่โยงถึงคนใกล้ชิด “ทักษิณ” เป็นต้น

แต่หลังจากนั้นเรื่องราวก็เงียบหายไปราวกับสายลม

เนื่องจากรัฐบาลในอีก 2 สมัยต่อมา คือ “พรรคพลังประชาชน” ที่ถูกมองว่าเป็น “นอมินี” พรรคเพื่อไทย ที่ถูกยุบพรรคไปก่อนหน้านี้ และนายกรัฐมนตรีคือ “สมัคร สุนทรเวช” และ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์”

ก่อนปฏิบัติการ “เด็ดปีก” จะมาคุกรุ่นอีกครั้งในสมัยรัฐบาล “อภิสิทธิ์”

ซึ่งทำสำเร็จเสียด้วย !

โดยกระทรวงการต่างประเทศ ที่มี “กษิต ภิรมย์” เป็นหัวเรือใหญ่ขณะนั้น ได้ยกเลิกหนังสือเดินทางทูตแบบพิเศษ หรือ “พาสปอร์ตแดง” เมื่อปลายปี 2551 หลังจากที่ “ทักษิณ” ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินว่า มีความผิดในคดีที่รัชดาภิเษก ต้องจำคุก 2 ปี และคดีได้ถึงที่สุดเนื่องจากไม่มีการอุทธรณ์ และ “ทักษิณ” ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว

“กษิต” อธิบายถึงกรณีการยกเลิกพาสปอร์ตแดงของ “ทักษิณ” ว่า สถานะของคุณทักษิณเป็นผู้ต้องหา แล้วก็หนีคุกตารางไป เราจึงได้ยกเลิกหนังสือเดินทางการทูต ซึ่งหนังสือเดินทางการทูตมันไม่ใช่สิทธิ แต่เป็นอภิสิทธิ์ที่รัฐบาลไทยได้ให้กับราชวงศ์ ให้กับผู้มีตำแหน่งรัฐมนตรี ผู้มีตำแหน่งทูต หรือบุคคลสำคัญเป็นกรณี ๆ ไป

“ในเมื่อคุณทักษิณ มีสถานะเป็นผู้ร้ายแล้วหนีคดีแล้วก็ไม่คู่ควรที่จะได้รับสิทธิอันนี้ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เราได้ยกเลิกหนังสือเดินทางของคุณทักษิณด้วย” อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวทิ้งท้าย

นอกจากนี้ยุครัฐบาล “มาร์ค” ยังยกเลิกหนังสือเดินทางบุคคลทั่วไป หรือ “พาสปอร์ตเล่มน้ำตาล” ของ “ทักษิณ” ด้วย เมื่อช่วงเดือนเมษายน 2552 ด้วย ซึ่งนายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ (ขณะนั้น) ระบุเหตุยกเลิกว่า “เพื่อไม่ต้องการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จะเป็นภัยต่อประเทศอีก”

แต่การกระทำดังกล่าวก็ไม่กระทบ “ทักษิณ” มากนัก เนื่องจากยังมีหนังสือเดินทาง “มอนเตเนโกร” อยู่ในมือ ทำให้บินนอก-ออกในบางประเทศได้อย่างไม่มีปัญหา แต่มีข้อจำกัดในการเดินทางเข้าประเทศที่มีข้อห้ามผู้ต้องโทษเข้าเมือง เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เป็นต้น

อย่างไรก็ดีเมื่อพ้นยุค “รัฐบาลในค่ายทหาร” ไป จนกระทั่งการมาเยือนของ “นารีขี่ม้าขาว” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีการปัดฝุ่นรื้อแผน “คืน” พาสปอร์ตให้ “ทักษิณ” อีกครั้ง

โดยในช่วงปลายปี 2554 4 เดือนภายหลัง “รัฐนาวายิ่งลักษณ์” ได้รับชัยชนะการเลือกตั้ง “สุรพงษ์ โตวิจักรชัยกุล” รมว.ต่างประเทศ (ขณะนั้น) กล่าวยอมรับว่า รัฐบาลได้พิจารณายกเลิกคำสั่งรัฐบาลที่แล้ว พร้อมดำเนินการคืน “พาสปอร์ต” ให้ “ทักษิณ” แล้ว

เนื่องจากการอยู่ต่างประเทศของ “ทักษิณ” นั้น ไม่ได้ก่อความเสียหายต่อประเทศและต่างประเทศ

แม้ว่า สตง. จะมีหนังสือถึงรัฐบาลว่า การคืนพาสปอร์ตดังกล่าวให้ “ทักษิณ” เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่ “สุรพงษ์” ชี้แจงว่า พาสปอร์ตก็มีสถานะเหมือนบัตรประชาชนที่ใช้แสดงสัญชาติในต่างประเทศ ดังนั้นการยึดพาสปอร์ตก็เหมือนการยึดสัญชาติ นี่ต่างหากเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

นอกจากนี้ในการคืนพาสปอร์ตดังกล่าวยังทำตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง ข้อ 23(7) ซึ่งเป็นระเบียบเดียวกับที่ “กษิต” ยกเลิกพาสปอร์ต “ทักษิณ” ทุกประการ

ด้วยเหตุผลทั้งมวลของ “สุรพงษ์” ทำให้ “ทักษิณ” กลับมา “สยายปีก” ทัวร์รอบโลกได้อีกครั้ง !

ก่อนที่เวลาจะผ่านมาอีกราว 4 ปีเศษ “รัฐนาวายิ่งลักษณ์” ถูกรัฐประหาร คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ายึดอำนาจ ภายหลังควบคุมประเทศมากว่า 1 ปี จึงได้มีคำสั่งยกเลิก “พาสปอร์ต” ของ “ทักษิณ” อีกครั้ง

ล่าสุด “สุรพงษ์” ออกมาให้ความเห็นกรณีนี้ว่า ถ้าได้กลับมาเป็นรัฐบาล ก็จะคืนหนังสือเดินทางให้ “ทักษิณ” เหมือนเดิม เพราะมองว่า “ทักษิณ” ไม่ได้ทำความเสียหายอะไร

ทำให้ “หนังม้วนนี้” ดูท่าว่าจะยาว และไม่ได้ปิดฉากลงง่าย ๆ เหมือนที่ คสช. ต้องการในอนาคตเป็นแน่

เหมือนกับที่ความขัดแย้งในประเทศยังบานปลายและคุกรุ่นอยู่ในขณะนี้ !