2 ปี จำนำข้าวเจ๊ง 4.25 แสนล. "หม่อมอุ๋ย" ร่อนจม.ถึงนายกฯ ดูตัวเลขจะเลิกหรือทำต่อ !
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร โชว์ตัวเลข 2 ปี โครงการรับจำนำข้าว ทำประเทศเสียหาย 425,000 ล้านบาท อัดยับหน่วยงานรัฐสกัดกั้นกลโกงไม่ได้ เปิดช่องโหว่ให้คนเกาะหลังชาวนากิน ชี้ยังไม่สายถ้าจะยกเลิกโครงการ
วันที่ 15 ตุลาคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงาน มหากาพย์จำนำข้าว สู่มหกรรมกอบกู้สุจริต “ ความรับผิดชอบทางจริยธรรมเป็นความจำเป็นในการพัฒนาประเทศ” :ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ณห้องประชุม 212 อาคารมหิตลาธิเบศร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล สถาบันป๋วยอึ๊งภากรณ์ กล่าวในหัวข้อ “จำนำข้าวเสียหายใหญ่หลวง ใครได้ประโยชน์”
ช่วงแรก ม.ร.ว.ปรีดียาธร ฉายภาพให้เห็นความเสียหายจากการับจำนำข้าว 2 ปีที่ผ่านมา พบว่า ขณะนี้ขาดทุนไปแล้วอย่างน้อย 425,000 ล้านบาท จากการรับจำนำข้าวทั้งหมด 48,870,000 ล้านตัน ขณะที่หากคิดอย่างละเอียดจะขาดทุนกว่า 470,000 ล้านบาท
ม.ร.ว.ปรีดียาธร กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้จะปล่อยให้รัฐบาลแก้ปัญหาเองไม่ได้ จากเท่าที่เห็นคุณภาพของคนในรัฐบาลนี้ ตนคิดว่า ถ้าแก้ปัญหาเองประเทศจะเสียหายมาก และไม่อยากให้การแก้ปัญหา พยายามปัดผิดให้พ้นตัว แล้วบอกว่าตัวเองไม่ผิด เนื่องจากจะส่งผลเสียหากมากขึ้นกว่าเดิม
พร้อมกันนี้ ม.ร.ว.ปรีดียาธร ฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี ดังนี้
“เมื่อเริ่มโครงการนี้ในเดือนตุลาคม 2554 ท่านนายกฯ คงมองไม่เห็นว่าจะเกิดผลสูญเสียต่องบประมาณของชาติมากมายขนาดนี้ เพียง 2 ปีสูญเสียไปแล้วไม่น้อยกว่า 425,000ล้านบาท ในขณะที่ชาวนาได้รับผลประโยชน์ไปไม่ถึงครึ่งหนึ่ง แต่กลับมีผู้อื่นที่มิใช่ชาวนาใช้ช่องโหว่ทำกรคอร์รัปชั่นหาประโยชน์เข้าตนเองไปมากกว่า 110,000 ล้านบาทในเวลา 2 ปี
กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่สามารถสกัดกั้นการหาประโยชน์หรือคอร์รัปชั่นในโครงการนี้ได้เลย ข้อมูลที่ผมเสนอในวันนี้คิดตามพื้นฐานของข้อเท็จจจริงที่สามารถยืนยันได้จากข้อมูลรัฐที่มีอยู่ แม้แต่ผลจากปิดบัญชีจากคณะทำงานของรัฐที่ท่านตั้งเองก็สอดคล้องรองรับความถูกต้องทั้งหมด
เมื่อได้ทราบข้อเท็จจริงเช่นนี้แล้ว ถ้าท่านนายกฯ ยังเชื่อบุคคลที่อยู่รอบข้างยินยอมให้โครงการนี้ดำเนินต่อไปเป็นปีที่ 3 ก็เท่ากับว่า ท่านกำลังปล่อยให้มีการบริหารงานแผ่นดินในลักษณะที่เกิดความเสียหายต่องบประมาณของชาติจำนวนสูง ทั้งๆที่รู้แล้วว่าจะเสียหายเช่นนั้น
ผมเข้าใจดีว่า ท่านต้องการช่วยให้ชาวนามีรายได้สูงขึ้น ท่านก็น่าจะหาวิธีช่วยเหลือในลักษณะที่เกิดผลสูญเสียเงินของแผ่นดินไม่มากไปกว่าผลประโยชน์ส่วนที่ชาวนาจะได้รับเพิ่ม โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้อื่น "เกาะหลัง" ชาวนาหาประโยชน์ได้เลย และควรจะเป็นวิธีการที่กระจายประโยชน์ไปถึงชาวนาที่มีฐานะยากจนให้มากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายจากการเน่าเสียของข้าวก็ควรใช้วิธีช่วยเหลือชาวนาในลักษณะที่มิได้ไปดึงดูดให้ข้าวมารวมกันอยู่ในมือของรัฐบาล แต่ควรให้มีการค้าขายข้าวผ่านระบบการค้าของเอกชนที่ทำได้ดีอยู่แล้ว โดยไม่เกิดความเสียหายแกรัฐแต่อย่างใดเลย”
ม.รว.ปรีดิยาธร กล่าวทิ้งท้ายว่า วิธีการช่วยเหลือที่จะให้เกิดผลดังกล่าวนั้น รัฐบาลของท่านได้เริ่มนำมาใช้แล้วในกรณีของยางพาราที่จ่ายเฉพาะส่วนเพิ่มที่ต้องการให้ชาวสวนยางได้รับได้ตรง ไม่เปิดโอกาสให้ผู้อื่นหาประโยชน์ได้ และระบบการค้ายางก็ยังดำเนินไปตามปกติ ไม่ได้ดึงดูดยางเข้ามาอยู่ในมือของรัฐซึ่งจะเสี่ยงต่อการขาดทุนหรือคอร์รัปชั่นในช่วงขายออก นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ก็ได้เริ่มใช้วิธีการเช่นเดียวกันนี้ ในการให้ความช่วยเหลือแก่ชาวนาสำหรับข้าวจำนวน 890,000 ตัน ซึ่งเป็นจำนวนสุดท้ายที่ให้ความช่วยเหลือในปีการผลิต 2555/2556 นี้เอง โดยจ่ายเข้าบัญชีชาวนาโดยตรง เฉพาะผลประโยชน์ส่วนเพิ่มจำนวน 2,500 บาทต่อเกวียนเท่านั้น ไม่ได้รับจำนำในราคา 15,000 บาท ต่อเกวียนแต่อย่างใด
“ผมจึงใคร่ขอร้องให้ท่านนายกรัฐมนตีได้โปรดทบทวนในเรื่องนี้อย่างจริงจัง ยังไม่สายเกินไปที่จะยกเลิกวิธีการรับจำนำ แล้วหันมาใช้วิธีจ่ายผลประโยชน์ส่วนเพิ่มให้ชาวนาโดยตรงแทน โดยกำหนดยอดสูงสุด ต่อครัวเรือน และตั้งกฎเกณฑ์ให้กระจายไปถึงครัวเรือนที่มีฐานะยากจนเพิ่มขึ้นด้วย ถ้าท่านทำได้เช่นนี้ ท่านก็จะได้ชื่อว่าทำงานสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลป้องกันไม่ให้เงินของแผ่นดินต้องสูญเสียมากเกินความจำเป็น และยังจะสามารถช่วยชาวนาได้ทั่วถึงมากขึ้นอีกด้วย”
อ่านเอกสารมหากาพย์จำนำข้าวฉบับเต็มได้ที่