ถูกคำสั่งระงับทำบ้านจัดสรร! ปธ.นพเก้ารวมใจขายต่อทุนจีนพัน ล.คืน‘จุฬา’ครบแน่

เขียนวันที่

วันพฤหัสบดี ที่ 21 กรกฎาคม 2559 เวลา 13:29 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

ข่าวบุคคลดัง | ข่าว | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

สหกรณ์เคหสถานนพเก้ารวมใจ | สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจำกัด

ปธ.สหกรณ์นพเก้ารวมใจฯแจงปมเบี้ยวเงินสหกรณ์จุฬาฯ ก่อนถูกฟ้องเรียกพันล้าน เผยถูกคำสั่งกรมสหกรณ์ฯระงับทำธุรกิจ ให้ขายโครงการบ้านจัดสรรที่มหาสารคาม เหตุขัดข้อบังคับ จ่อขายต่อกลุ่มทุนจีนพันล้าน ยันคืนเงินครบแน่ใน 1 เดือน

PIC noppakao 21 7 59 1

จากกรณีสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำเงินไปฝากที่สหกรณ์เคหสถานนพเก้ารวมใจ กว่า 915 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้รับเงินคืน จึงดำเนินการฟ้องเรียกเงินต้น+ดอกเบี้ย รวมเป็นเงินกว่าพันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลมีนบุรี โดยเบื้องต้นผู้สอบบัญชีของสหกรณ์จุฬาฯ และ รศ.ดร.สวัสดิ์ แสงบางปลา ประธานสหกรณ์จุฬาฯ ยืนยันว่า สหกรณ์จุฬาฯ จะได้เงินต้น+ดอกเบี้ยทั้งหมดคืนแน่นอน แม้ว่าจะคืนเป็นที่ดินมูลค่า 198 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีการลงทุนทำบ้านจัดสรรแล้ว ทำให้มูลค่าพุ่งสูงขึ้นเกินกว่าพันล้านบาทนั้น

(อ่านประกอบ : ไขที่มาสหกรณ์จุฬาฯฝากเงิน‘นพเก้ารวมใจ’ 915 ล.ก่อนถูกเบี้ยวฟ้องเรียกคืนพันล., ปธ.สหกรณ์จุฬาฯแจงปมปล่อยกู้-ฝาก‘คลองจั่น-เครือข่าย’-ฟ้องเรียกเงินแล้ว 2 แห่ง)

ล่าสุด นายอชิรเดช กนกโชติชัยวัชร์ ประธานสหกรณ์นพเก้ารวมใจฯ เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีนี้ว่า กรณีนี้เกิดจากการที่สหกรณ์จุฬาฯ สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และสหกรณ์นพเก้ารวมใจฯ ได้ลงนาม MOU กันเพื่อดำเนินการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรร ‘บ้านสวนสารคาม’ บริเวณมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อให้เจ้าหน้าที่และข้าราชการได้ซื้อเข้าพักอาศัย ดังนั้นทางสหกรณ์จุฬาฯ จึงได้มาฝากเงินกับสหกรณ์นพเก้ารวมใจฯ วงเงินประมาณ 915 ล้านบาท เพื่อให้ดำเนินการก่อสร้างดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันมีการก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว เชื่อได้ว่ามูลค่าที่ดินรวมกับอสังหาริมทรัพย์แล้วเกินกว่าพันล้านบาทแน่นอน

นายอชิรเดช กล่าวอีกว่า ส่วนที่สหกรณ์นพเก้ารวมใจฯ ไม่สามารถคืนเงินต้น+ดอกเบี้ยให้กับสหกรณ์จุฬาฯได้นั้น เนื่องจากในช่วงปี 2556-2557 ที่การลงทุนทำบ้านจัดสรรดังกล่าวเสร็จแล้ว ปรากฏว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ทำหนังสือถึงสหกรณ์นพเก้ารวมใจฯ รวม 2 ฉบับ ฉบับแรก มีคำสั่งว่า โครงการบ้านจัดสรรดังกล่าวขัดข้อบังคับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่ว่า หากดำเนินการเกี่ยวกับการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ต้องให้สมาชิกสหกรณ์ฯ หรือสหกรณ์อื่นเป็นผู้เข้ามาซื้อเท่านั้น ไม่ให้ขายให้กับบุคคลภายนอก ซึ่งตรงนี้เป็นการตีความที่ต่างจากเรา เนื่องจากเห็นว่า เป็นการเซ็น MOU ร่วมกันระหว่างสหกรณ์ฯเพื่อทำการขายบ้านจัดสรรให้กับบุคคลทั้งที่เป็นสมาชิกสหกรณ์อื่น และเจ้าหน้าที่-ข้าราชการเข้าพักอาศัย

ส่วนหนังสือกรมส่งเสริมสหกรณ์อีกฉบับหนึ่ง มีคำสั่งว่า ห้ามดำเนินการขายโครงการดังกล่าวให้กับบุคคลอื่น และยุติการทำโครงการดังกล่าว และให้ดำเนินการแก้ไขให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 1 ปี โดยขณะนั้นห้ามประกอบธุรกิจอะไรทั้งสิ้น ซึ่งปัจจุบันสหกรณ์นพเก้ารวมใจฯอยู่ระหว่างติดต่อกลุ่มทุนจากประเทศจีน ให้เข้ามาซื้อโครงการบ้านจัดสรรดังกล่าวทั้งหมดแล้ว โดยมีมูลค่าเกินกว่าพันล้านบาท เพื่อให้กลุ่มทุนดังกล่าวไปบริหารจัดการโครงการดังกล่าวเอง ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ก็ยอมรับเงื่อนไขนี้

ส่วนกรณีถูกสหกรณ์จุฬาฯ ฟ้องเรียกคืนเงินต้น+ดอกเบี้ยกว่า 1 พันล้านบาทนั้น นายอชิรเดช กล่าวว่า ตรงนี้ถ้าขายหมู่บ้านจัดสรรดังกล่าวให้กับกลุ่มทุนจากประเทศจีนได้สำเร็จ ก็คาดว่าจะสามารถนำเงินส่วนนี้คืนให้กับสหกรณ์จุฬาฯได้ภายใน 1 เดือน ไม่ต้องกังวล ทางสหกรณ์นพเก้ารวมใจฯ คืนเงินให้ครบจำนวนอย่างแน่นอน

อ่านประกอบ :