16 ที่สุดของจำนำข้าว ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟชบุคถึงโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่า ได้ก่อให้เกิด 16 ที่สุดของจำนำข้าว
1. ใช้เงินซื้อข้าวมากที่สุด ตลอดระยะเวลาสองปีเศษ ของการดำเนินโครงการจำนำข้าว เท่ากับห้าฤดูการผลิตคือนาปี2554/2555 นาปรัง2555 นาปี2555/2556 นาปรัง 2556 และนาปี2556/2557 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องใช้เงินซื้อข้าวเปลือกสูงถึง 870,000 ล้านบาท มากที่สุดเป็นประวัติการณ์
สิ่งที่น่าสนใจคือเงินมหาศาลถึงเกือบเก้าแสนล้านบาท ถ้าถึงมือพี่น้องชาวนาทั้งหมดจริง ชีวิตพี่น้องชาวนาต้องดีกว่านี้ แต่กลายเป็นว่าชาวนาส่วนใหญ่ยังลำบาก อย่างไรก็ตามถือว่า เป็นการใช้เงินซื้อข้าวมากที่สุดในประวัติการณ์
2. ขาดสภาพคล่องเร็วที่สุด โครงการนี้ตั้งงบประมาณเงินกู้ไว้ 500,000 ล้านบาท ไม่รวมงบประมาณค่าบริหารจัดการและดอกเบี้ยรายปี หวังว่าจะบริหารโครงการให้ได้สี่ปี ด้วยการซื้อมาขายไป แต่เพราะทุจริต และขายข้าวไม่ได้ ไม่ทันถึง 2ปีก็ขาดสภาพคล่อง แทบจะปิดบัญชีวงเงินกู้ปลายเดือนธันวาคม 2556ไม่ได้
ที่สำคัญไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าข้าวชาวนาได้ ในรอบนาปี2556/2557ตั้งแต่1 ตุลาคม 2556เป็นต้นมา เพราะขาดสภาพคล่อง จึงถือว่าเป็นโครงการที่ขาดสภาพคล่องเร็วที่สุด
3. โกงมากที่สุด เป็นวิธีโกงตั้งแต่ลงทะเบียนชาวนา โกงต้นน้ำ โกงกลางน้ำและโกงปลายน้ำ ถือได้ว่า เป็นการทุจริตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย กระจายไปทุกกลุ่ม จากชาวนา เจ้าของโรงสี เซอร์เวย์ เจ้าหน้าที่คลังอคส.หรืออตก. เจ้าของคลัง ข้าราชการจังหวัด ข้าราชการระดับสูง และที่สำคัญคือขาใหญ่วงการข้าวและนักการเมือง
4.ทำลายส่งออกมากที่สุด ปกติแล้วข้าวไทยถือว่าดีที่สุดในโลก สถิติการส่งออกของข้าวไทยถือว่ามากที่สุด เป็นแชมป์โลกมาตลอด แต่เพราะจำนำข้าวทำให้การส่งออกตกจากอันดับหนึ่ง มาสู่อันดับสามรองจากอินเดียและเวียตนาม ถ้าคิดเป็นปริมาณก่อนดำเนินการจำนำข้าว ไทยเราส่งออกสูงถึง10.6 ล้านตัน หลังจากปีถัดมาที่ทำจำนำข้าว ตัวเลขส่งออกตกลงเหลือ6.9ล้านตัน ถ้าคิดเป็นเงินบาทลดลงจาก192,000 ล้านบาท เหลือ145,000 ล้านบาท ลดทั้งเม็ดเงินและปริมาณข้าว จึงถือว่าเป็นการทำลายตลาดและโอกาสการส่งออกข้าวไทยมากที่สุด
5.ชาวนาตายมากที่สุด ในอดีตแทบจะไม่เคยพบชาวนาฆ่าตัวตายเพราะนโยบาย เพราะจำนำข้าวที่ปล่อยให้ทุจริต ตั้งราคาไว้สูง ข้าวเสื่อมสภาพ ขายข้าวไม่ได้ เมื่อขาดสภาพคล่อง พี่น้องชาวนาต้องลำบาก เงินขาดมือ ถูกทวงหนี้สิน เครียด สุดท้ายฆ่าตัวตายรวมถึง16รายมากที่สุดในประวัติศาสตร์
6.ใช้โกดังเก็บมากที่สุด เนื่องจากจำนำทุกเม็ด ข้าวขายไม่ได้ ที่เหลือจึงต้องเก็บไว้ พบว่ารัฐต้องใช้โกดังเก็บข้าวสารสูงถึง 1,800 โกดัง และไซโลระบบปรับอากาศอีก 137ไซโล มากที่สุดในการใช้โกดังเก็บข้าว(18ล้านตัน)ตั้งแต่มีประเทศไทยมา
7. ค่าใช้จ่ายจัดเก็บข้าวมากที่สุด ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บข้าวที่เป็นกระสอบ จะมีค่าขนลง ค่าตรวจคุณภาพ ค่าเก็บ ค่ารมยา ค่าประกันภัยน้ำท่วม คิดว่าเฉลี่ยตกประมาณ 100 บาทต่อตันข้าวสารต่อเดือน กรณีเก็บด้วยไซโลค่าใช้จ่ายตก1,092 บาทต่อตันต่อปี เฉลี่ยตันละ90บาทต่อเดือน คิดง่ายๆ ก็ตก100บาทต่อตันต่อเดือน ข้าว18ล้านตัน ตกค่าจัดเก็บประมาณเดือนละ 1,800ล้านบาท ปีหนึ่งนับหมื่นล้านบาท ถือว่ามากที่สุดที่เคยจ่าย
8. ใช้รัฐมนตรีดูแลมากที่สุด นอกจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกและประธานกขช. ในช่วงแรกมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายภูมิ สาระผล มาเปลี่ยนเป็นนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นายยรรยง พวงราช รวมทั้งนายวราเทพ รัตนากร และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ถือว่าเป็นนโยบายที่ใช้รัฐมนตรีดูแลมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่การป้องกันทุจริตกลับไม่ได้รับการแก้ไข
9.ชาวนาต่างชาติได้ประโยชน์มากที่สุด ถือว่าเป็นครั้งแรกที่นโยบายจำนำข้าวไทยกางร่มให้ชาวนาต่างชาติ เพราะข้าวไทยตั้งราคาสูง ทางจิตวิทยาข้าวต่างชาติก็ราคาสูงตามแต่ห่างจากราคาข้าวไทยสูงถึง150เหรียญ ทำให้ข้าวไทยขายไม่ได้เพราะราคาสูง ข้าวต่างชาติกลับขายดีโดยเฉพาะอินเดีย เวียตนาม แม้แต่กัมพูชา พม่าและลาว จึงถือว่านโยบายจำนำข้าวทำให้ชาวนาต่างชาติได้ประโยชน์มากที่สุด
10. มีข้าวต่างชาติส่งมาไทยมากที่สุด อดีตที่ผ่านมาไทยเราไม่จำเป็นต้องนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ แต่เพราะรับจำนำสูงกว่าตลาดถึง50% จึงเกิดแรงจูงใจที่ข้าวต่างชาติถูกนำเข้ามาสวมสิทธิ์ในประเทศไทย ที่เห็นทั้งจากพม่า ลาว เขมร และเวียตนามผ่านมาทางเขมร จะเห็นว่าตัวเลขรายงานการส่งออกข้าวของเขมร พบว่าส่งออกข้าวมาประเทศไทยสูงเป็นอันดับสี่ของการส่งออก รวมทั้งมีการรายงานของสื่อต่างประเทศว่าข้าวเวียตนาม ข้าวพม่าและลาวที่มีการลักลอบส่งเข้ามาสวมสิทธิ์เข้าโครงการรับจำนำในประเทศไทย ถือว่าโครงการจำนำข้าวกลายเป็นแหล่งรวมข้าวของต่างชาติมากที่สุดที่เคยมี
11. หายนะต่อชาติมากที่สุด นับเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวงของโครงการรับจำนำข้าว ที่มีตัวเลขความเสียหายไม่ต่ำกว่า500,000 ล้านบาท ยังไม่นับรวมค่าดอกเบี้ยเงินกู้ ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์กู้มาลงทุน 500,000 ล้านบาท และเงินที่เป็นค่าใช้จ่ายจากงบประมาณประจำปี ค่าเสียโอกาสจากการส่งออกและเงินตราต่างประเทศที่ควรได้รับ ความเชื่อถือต่อภาพลักษณ์ข้าวไทยและการพัฒนาสายพันธ์ที่เกษตกรไม่สนใจ จึงถือว่าเป็นหายนะต่อชาติมากที่สุดที่เกิดจากการจำนำ
12. วิธีโกงซับซ้อนที่สุด นอกจากโกงมากทั้งต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ วิธีการโกงยังสลับซับซ้อน ใช้ตัวละครมาตบตาจำนวนมาก เช่นนายปาล์ม นายโจ หรือแม้แต่ใช้ตัวละครจากต่างประเทศเช่น GSSG รวมทั้งการโกงข้าวถุงก็ใช้บางบริษัทมาตบตาเพื่อให้เกิดความซับซ้อน หรือแม้แต่มีการนำนั่งร้านมาซุกในกองข้าว จึงถือว่าเป็นวิธีซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยพบ
13.ข้าวหายมากที่สุด ปกติแล้วข้าวสารที่เก็บไว้ในโกดังกลาง จะมีการล็อคกุญแจ 3 ดอก โดยเซอร์เวเยอร์ หัวหน้าคลังและตัวแทนจังหวัด ดังนั้นข้าวสารจึงควรที่จะครบ พบว่ารายงานของประธานอนุกรรมการปิดบัญชีจำนำข้าว ได้รายงานการตรวจสอบและปิดบัญชีพบว่า ผลการปิดบัญชีเดือนมกราคม 2556 มีรายงานข้าวหาย 2.5 ล้านตัน เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม 2556 ตัวเลขรายงานข้าวหายสูงขึ้นถึง 2.98 ล้านตัน แทนที่รัฐบาลจะต้องรีบแก้ไขดำเนินการ กลับตั้งพล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมาตรวจ แต่แล้วก็ไม่ได้รายงานให้ประชาชนทราบและเรื่องก็เงียบไปนาน ในความจริงแล้วกรรมการที่มีอำนาจและได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากประธานกขช.ก็คือประธานอนุกรรมการปิดบัญชี ต้องถือว่าข้อมูลของอนุปิดบัญชีต้องเป็นข้อมูลทางการที่น่าเชื่อถือที่สุด แต่รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์กลับไม่พอใจผลดังกล่าว ดังนั้นจึงถือว่าผลการตรวจแสดงให้เห็นว่า มีตัวเลขข้าวหายมากที่สุด
14. ข้าวเน่าและเสื่อมสภาพมากที่สุด ได้รับการพิสูจน์รายวันที่คณะผู้ตรวจร่วมกับทหารตรวจโกดังและไซโลทั่วประเทศ แทบจะพบเห็นข้าวเน่า เหลือง ป่นเป็นแป้ง ข้าวจับเป็นก้อน กระจายไปทุกภาคของประเทศ จนคนในวงการข้าวบางท่านประเมินว่าข้าวดีกับข้าวต่ำมาตรฐานอาจสูงถึงสัดส่วน 50%ถ้าหากมีการตรวจอย่างละเอียด
15. ปกปิดมากที่สุด ไม่เคยมีนโยบายใดที่รัฐบาลปกปิดข้อมูลทุกอย่างมากเท่าครั้งนี้ ปกปิดตัวเลขข้าวในโกดัง การระบายข้าว ราคาที่ระบาย ปกปิดแม้แต่รายงานตัวเลขการส่งออกข้าว ปกติกรมการค้าต่างประเทศจะรายงานตัวเลขส่งออกข้าว แต่สุดท้ายถูกปกปิดหมด
16. ตอบคำถามไม่ได้มากที่สุด ปกติแล้วรัฐบาลจะต้องตอบคำถามฝ่ายค้านและฝ่ายตรวจสอบในประเด็นต่างๆในสภาหรือนอกสภา นโยบายนี้เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลไม่สามารถตอบคำถามใดๆของฝ่ายตรวจสอบได้เลย ทั้งการอภิปรายหรือกระทู้ แม้แต่การชี้แจงปปช.ก็ไม่สามารถชี้แจงได้ มีแต่วาทกรรม กล่าวหาว่าเร่งรีบ รวบรัด ไม่ได้ความเป็นธรรม