คำต่อคำ"ประยุทธ์" ถามผู้ก่อเหตุร้ายจ.ชายแดนใต้ ไหนบอกสู้เพื่อชาวมุสลิม?
"..วันนี้ที่น่าเป็นห่วงคือชาวไทยมุสลิม ซึ่งถูกทำร้ายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปอยู่ในที่ชุมนุม เช่น ตลาด ซื้อของแต่เดิมบอกว่าสู้เพื่อชาวมุสลิม ทำไมวันนี้มีมุสลิมถึงตายด้วย จะมาบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทำคงไม่เกิดประโยชน์ เพราะไม่ทราบว่าจะต้องทำไปทำไม มีแต่ต้องการให้ทุกคนปลอดภัย.."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org : เป็นคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เกี่ยวกับความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กล่าวไว้ในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ" ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2557 เวลา 20.20 น. ที่ผ่านมา
------------------
การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( จชต.) นั้น ก่อนอื่นอยากให้คนไทยทุกคนเข้าใจเพราะวันนี้ได้ทำให้ทุกคนอึดอัดใจ คสช. นั้น ได้ทำงานหน่วยงานความมั่นคง เขาก็ทำงาน ซึ่งทำงานอยู่ทุกคน ประชาชนก็เสี่ยงภัย แต่ผมเรียนว่าวันนี้ผมอยากพูดอีกครั้งให้คนไทยเข้าใจว่า วันนี้ฝ่ายผู้ก่อเหตุเขาใช้ประเด็นอะไรในการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ประเด็นก็คือ อ้างความเป็นอัตลักษณ์ ความแตกต่างของศาสนา ความไม่ชอบธรรม ประวัติศาสตร์ ชาติพันธ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ง่ายต่อการปลุกระดมคนขึ้นมาต่อสู้ เมื่อมีการต่อสู้เพื่อไปสู่อิสรเสรีภาพ ตามที่เขาต้องการ
เมื่อมีการต่อสู้ด้วยอาวุธต้องบังคับมีการบังคับใช้กฎหมาย จะต้องมีการปะทะกัน มีการบาดเจ็บสูญเสียทั้งประชาชน ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย จนกำลังในพื้นที่ดูแลไม่ได้ เฉพาะต้องใช้กำลังทหารเพิ่มเติม รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ ในการจัดกำลังทหารลงไปเพิ่มเติมในพื้นที่ ที่เกิดความไม่เรียบร้อยมีอันตรายกับประชาชนซึ่งทุกประเทศเขาต้องทำ จะมาบอกว่าของเราไม่ต้องทหารลงเขาจะได้เลิกรบ ผมถือว่าไม่ใช่หลักการในการคิด เพราะทั้งโลกเขาคิดแบบนั้น
ฉะนั้น การที่นำกองกำลังทหาร ตำรวจ ไปลงพื้นที่เพิ่มเติมเพราะว่า ในพื้นที่เขารับไม่ได้ รับไม่ไปเพราะอะไร เนื่องจากพื้นที่เรากว้างถึง 30 – 37 อำเภอ 2,000 กว่าหมู่บ้าน และถ้าเขาทำได้ทุกที่ เราจะต้องนำคนดูทุกพื้นที่ ทั้งพื้นที่ที่แรง แรงมาก แรงน้อย ต้องมีคนอยู่ ถ้าไม่มีคนอยู่เผลอตรงจุดไหนเขาจะทำตรงนั้น เป็นแบบนั้นเราถึงต้องเตือนคนมาก ที่ไปอยู่ไม่ใช่ว่าต้องการอยากจะได้เงินได้เบี้ยเลี้ยง ผมคิดว่าไม่มีใครอยากจะไปอยู่ไกลบ้าน ทหารก็ไม่ได้อยากไปไกลแต่เขาต้องไปเพราะว่ามีหน้าที่ สั่งคนไปเขาต้องไป เขาไปดูคน 2 ล้านคน ใน 37 อำเภอหรือ 2,000 หมู่บ้าน ให้ปลอดภัยทั้งหมด และทำให้เต็มที่ใน 37 อำเภอหรือ 2,000 บ้านซึ่งเกิดเฉพาะบางอำเภอแต่เราจะทำเฉพาะบางอำเภอไม่ได้ตรงไหนที่มีช่องว่าง เขาทำตรงนั้นอีก
ดังนั้น จึงต้องใช้กฎระเบียบเดียวกันทั้งใน 37 อำเภอ หรือ 2,000 บ้าน จึงต้องใช้จำนวนคนเข้าไปดูแลหลาย 10,000 คนในการทำงาน โรงเรียนมีกี่ ถนนเส้นทางมีกี่กิโลเมตร มีกี่เส้นทาง พื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยมีเท่าไหร่บ้าง ครูมีมากเท่าไหร่ซึ่งต้องนำทหาร นำตำรวจไปเพิ่มเติม ไปดูแลให้ทั้งหมด แน่นอนว่าการดูแลจะต้องมีจุดบกพร่อง ต้องมีช่องว่างอย่างแน่นอน เพราะเราลงไปทำงาน เรามีแผนงาน มีการสืบ แต่ผมถามว่าการที่นำทหารลงไปในพื้นที่ 30,000 – 40,000 คน รวมทั้งมีตำรวจเพิ่มเติมลงไปด้วยรวมกับพื้นที่ที่แล้วรวมเป็น 40,000 – 50,000 คน ถ้าเปรียบเทียบไปแล้ว 37 อำเภอหรือ 2,000 บ้าน จะเหลือไม่เท่าไหร่ สัดส่วนต่อในพื้นที่และต่อคนที่ไปดูแลอีก 2 ล้าน ใน 2 ล้านคนมีชาวมุสลิม ประมาณ 180,000 – 190,000 คน ตัวเลขขึ้นมาเรื่อย ๆ ในส่วนของคนไทย
ประมาณ 2 – 3 แสนคน ฉะนั้นจะทำอย่างไรให้คน 2 ล้านเศษนั้นปลอดภัย ดังนั้นจึงต้องนำทหารที่มี ตำรวจที่มีอยู่ไปไปดูแลทั้งหมดทุกพื้นที่ ทุกเส้นทาง ขณะเดียวกันวันนี้เราได้ถูกแอบอ้างว่า เมื่อลงพื้นที่ไปแล้วทำให้เกิดความวุ่นวาย เกิดการสูญเสีย ประชาชนไม่พอใจ
ผมถามว่า ไปถามว่าประชาชนเขาต้องการอะไรซึ่งจะมีคนไม่กี่กลุ่มที่ไม่ต้องการให้ไปดูแลเขา ผมว่าไม่ใช่หลักการคิดที่ถูกต้อง เมื่อเราพูดคุยกันมากขึ้นจะเกิดการจับกุมในคดีมากขึ้นตามไปด้วย มีการปะทะมากขึ้น อีกฝ่ายก็นำไปขยายความว่าเราไปละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งที่เราไปใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง เราไม่ได้เข้าไปละเมิดอะไร ใช้กฎหมายทั้งสิ้น สืบสวน สอบสวน ดำเนินคดีปิดล้อมตรวจค้นตามเป้าหมายเรื่องของการต่อสู้ในเชิงการเมืองด้วย ในเชิงลักษณะแบ่งแยกดินแดน ซึ่งหาหลักฐานยากมาก เหมือนเป็นการใช้วิธีการก่อความไม่สงบ เราไม่อยากจะพูดให้มีผลกระทบในวงกว้าง
ฉะนั้นปัญหาของบ้านเราจะต้องแก้ไขที่บ้านเรา ไม่ต้องไปพูดโฆษณาให้คนเขาทราบ เขาเห็นมากนัก เนื่องจากบางทีเขาทำแค่นี้เขาไม่ต้องการอะไรนอกจากต้องการให้คนได้เห็น ให้คนกลัวเขา เจ้าหน้าที่ทำงานไม่ได้ รัฐเกิดความล้มเหลว ประเดี๋ยวต่างชาติมาช่วยเขาเพราะเขาไม่มีกำลังที่จะมาสู้กับเรา เขาจึงใช้วิธีนี้ และเราบางทีเราไม่เข้าใจหลักการทำงาน เกิดการกดดันกันไปกันมา บางอย่างสื่อได้เป็นห่วง ผมเข้าใจในความห่วงใย ในประชาชน ในเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ผมก็เป็นห่วงมาก
เมื่อเกิดการบาดเจ็บสูญเสียผมต้องดูแลครอบครัว เขาถือว่าเป็นความผูกพันของระบบทหารต่อทหารด้วยกัน ตำรวจต่อตำรวจด้วยกัน ข้าราชการทุกคน บาดเจ็บล้มตาย ผมเสียใจทั้งหมด เพราะเราเป็นคนมอบหมายให้เขาไปทำหน้าที่ตรงนั้น แต่ถ้ามอบหมายแล้วเขาไม่ไปถึงจะเป็นอีกเรื่อง วันนี้เขาไปถือว่า เขารักชาติรักแผ่นดิน ยังเชื่อฟังคำสั่งเราซึ่งน่าจะดีใจกับตรงนั้น และไม่ใช่ว่าตายไปก็ช่างไม่เป็นไร ซึ่งสวดมนต์ให้เขาทุกวัน อธิฐานให้เขาปลอดภัย ให้เขามีความสุข ให้เขาทำงานได้ดี ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ได้เข้าใจในหลักการทำงาน
ฉะนั้นบางครั้งการที่เข้าไปดูแล ในพื้นที่มีความกว้างคนมีจำนวนมาก การสัญจรไปมาปกติ การเคอร์ฟิวต่าง ๆ ไม่ได้เข้มงวด เพราะว่าคนในภาคใต้เขามีอาชีพในเรื่องของการเกี่ยวกับการยางพารา เดินทางออกไปกรีดยาง ไปทำมาหากินบ้านไกล กลับบ้านก็มือค่ำ ชาวบ้านต้องไปกรีดยางพาราตอนตี 3 – 4 ถ้าไปเคอร์ฟิวมากชาวบ้านจะเดือดร้อนมีปัญหาในการทำมาหากิน ซึ่งความรุนแรงจะเกิดเฉพาะในบางพื้นที่ทั้งเขตเมือง เขตป่าเขา เขตชนบท มีทั้งหมดตรงไหนมีช่องว่างก็จะทำตรงนั้น นี้คือสิ่งที่เป็นความเลวร้ายและทำให้เราแยกแยะคนร้ายออกมาได้ไม่ชัดเจน เพราะเราไม่ได้ห้ามขาด ห้ามคนสัญจรไปมาไม่ได้ทุกคนเดินเข้ามาในความปกติ ทุกคนต้องเสรีภาพปกติ และทุกคนต้องการความปลอดภัย ไม่มีประเทศไหนที่ทำได้แต่เราทำได้ ผมถือว่าเต็มที่แล้ว ฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกัน
สื่อต้องระมัดระวังการเสนอนำข่าว ผมไม่ได้บอกว่าให้ท่านต้องปิดบัง แต่ไม่ต้องไปเผยแพร่ซ้ำบ่อย ๆ ซึ่งไม่ได้อะไรขึ้นมา เนื่องจากการแพร่ซ้ำถือว่าเป็นการเปิดพื้นที่ข่าวให้กับเขา เขาต้องการให้ต่างชาติรับรู้ ต้องการให้คนมากดดันเจ้าหน้าที่ กดดันรัฐ ผมถามกลับว่าเขาทำอะไรได้มากกว่านี้หรือไม่ในระหว่างนี้ เราจะทำในส่วนของการแบ่งพื้นที่ในการใช้กำลัง ในการเสริมสร้างกำลังลงไปในการเพิ่มมาตรการด้านการข่าว การดำเนินการด้านกฎหมายทั้งหมดถ้าประชาชน เจ้าหน้าที่ก็ตาย เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ และยังบอกเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่บาดเจ็บฉะนั้นประชาชนจะปลอดภัยได้อย่างไร
ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเกิดการบาดเจ็บล้มตายต้องไปดูแลท่านก่อน เมื่อไปดูแลท่านก็ทำให้เกิดช่องว่างเพราะเราไปอยู่กับท่าน ไปอยู่ท่ามกลางประชาชนเราก็ใช้อาวุธต่าง ๆ ได้เต็มที่เขาก็ได้มาปะปนกับชาวบ้านและเวลาที่ใช้อาวุธเขาไม่ได้นึกถึงหรือระวังใคร ไม่ได้ระวังเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องระวังประชาชน แต่เราต้องระมัดระวังประชาชน ต้องใช้อาวุธอย่างระมัดระวังถ้าเกิดโดนชาวบ้านอาจจะเกิดการบาดเจ็บสูญเสียได้ ฉะนั้นตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่เราถูกมัดมือไว้ แต่เราทำเต็มที่จะมีการสืบ จับกุมดำเนินคดีในทันที ตามหลักฐานต่าง ๆ ภายหลังทั้งสิ้น ถ้าปะทะก็ปะทะกันไป
ขอร้องอย่างหนึ่งว่าอย่าพยายามเผยแพร่อะไรที่เกินเลยออกไปหรือวิพากษ์วิจารณ์เกินเหตุ ซึ่งวิภาควิจารณ์ออกไปแล้วก็ทำไม่ได้ ทำไม่ได้แบบนั้น อย่างไรก็ทำไม่ได้ ถ้าจะทำได้ต้องมีการเข้มงวดกว่านี้ ถ้ามากกว่านี้ประชาชนจะเดือดร้อนเพิ่มขึ้นอีก คนที่ไม่เดือดร้อนก็มี เราไม่สามารถไปกำหนดได้เฉพาะถนนเส้นนี้ หรือเฉพาะบ้านนี้ บ้านโน่นเข้มงวดไม่ได้ซึ่งต้องมีการดูแลทั้งพื้นที่ วันนี้ต้องการอยากจะทำความเข้าใจ
ฉะนั้นยุทธศาสตร์ของฝ่ายตรงข้ามที่สำคัญ คือใช้ทางการเมือง การทหาร และการประชาสัมพันธ์ เราได้เข้าไปช่วยเหลือด้วยผสมผสานกัน การจัดตั้งมวลชน หมู่บ้าน โดยการสร้างแกนนำหมู่บ้าน ขัดขวางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งฝ่ายเราจะใช้ยุทธศาสตร์พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เร่งรัดลงไปพัฒนาลงในพื้นที่
เราแบ่งเป็นพื้นที่ ที่ตามความหนักเบาของสถานการณ์ ถ้าพื้นที่นั้นหนักหน่อยจะใช้วิธีเสริมสร้างความมั่นคง จะใช้กำลังทหาร ตำรวจ พื้นที่เสริมสร้างการพัฒนา ตรงนี้ถือว่าเป็นพื้นที่ที่เบาลงแล้ว อีกหนึ่งคือพื้นที่ที่ต้องเร่งรัดคือพื้นที่ที่มีความรุนแรงตรงนี้ต้องเร่งการพัฒนาเข้าไปให้คนเข้าใจ ให้คนออกมา มาร่วมมือกันในการที่จะพัฒนา
วันนี้เราจัดทำรัฐธรรมนูญไปแล้วทุกเรื่องทุกอย่างใช้เวลาไปนานพอสมควร ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาที่ 2 ตรงนี้ก็ 2 เหมือนกัน ระยะที่ 1 คือ ปรับปัญหา ระยะที่ 2 ปรับดำเนินการ ระยะที่ 3 เตรียมส่งต่อกำลังพื้นที่ให้กับกำลังปกติ เหมือนกับการปฏิรูปที่ยังไปไม่ได้
ฉะนั้นต้องใจเย็น ทำอย่างไรให้เกิดการบาดเจ็บสูญเสียน้องลง ทำอย่างไรจะไม่เจ็บไม่ตาย ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่เพราะคนเหล่านี้มีชีวิตจิตใจ และไปถามคนทำว่า ทำไมวันนี้ในเมื่อต้องการที่จะแยกดินแดน อ้างศาสนา ทำไมคนไทยมุสลิมตายมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉะนั้นคนที่ทำเขาไม่ได้สนใจว่าเป็นศาสนาใดทั้งสิ้น สำหรับคนที่กำลังทำอยู่นี้ ผมคิดว่าจะอยู่แบบนี้ไม่ได้สิ่งที่เกิดขึ้นต้องได้รับการแก้ไข
ขณะเดียวกัน บางส่วนได้หลบหนีข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน มีทั้งป่า-เขา ลำน้ำ ข้ามไปง่ายมากซึ่งกำลังจะเร่งรัดว่าจะทำอย่างไร จะสามารถสร้างรั้วขึ้นมาได้หรือไม่หรือติดเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในการดูแลชายแดนชายในทุก 5,600 กิโลเมตรยังคงใช้ทหาร ใช้สายตาเจ้าหน้าที่ในการเฝ้าติดตามระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา เพราะใช้งบประมาณที่สูงซึ่งรั่วไม่มีควรจะเห็นใจในการทำงานบ้าง เขาได้เสี่ยงชีวิตให้ท่านทุกวันแต่ทั้งหมดทหารทำงานอยู่ 80,000 ต่อวัน ตามชายแดนทั้งหมด ทั้งตำรวจ ข้าราชการพลเรือน ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ ที่มีความเสี่ยงนั่นคือคนไทยทั้งสิ้นไทยพุทธบ้าง ไทยมุสลิมบ้าง
ในส่วนของการพูดคุยสันติภาพ ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยไปตามลำดับทั้งทางความลับ ทางเปิดเผย พอเปิดเผยมากเข้าไม่ได้เราจำเป็นจะต้องมีการเตรียมการสร้างความพร้อมให้มากขึ้นกว่าเดิม อันแรกคือ ต้องสรรหาว่าใครที่จะมาพูดคุยกับเรา คือต้องเป็นผู้นำขบวนการที่แท้จริง ถ้าไม่แท้จริง คือจะต้องไปรวมทุกกลุ่มมาให้ได้ ไม่ใช่กลุ่มนี้ใหญ่แล้วมาคุมกลุ่มเดียว ซึ่งกลุ่มเล็กก็มีศักยภาพ ซึ่งทำคนละมากบ้าง น้อยบ้าง พอกลุ่มใหญ่มาพูดคุย กลุ่มเล็กก็ต้องการยกระดับตัวเองขึ้นมาบ้าง ให้มีการเข้าร่วมการพูดคุย
ฉะนั้นที่ผ่านมามีหลายกลุ่มที่ทำ เรามีข้อมูลอยู่ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการปะทะ มีการจับกุม มีหลักฐาน วันนี้จะทำอย่างไรให้เกิดการรัดกุมขึ้น ทำอย่างไรจะรวมกันได้และมาพูดคุยกันในทุกมิติ ไม่ว่าจะเรื่องของการพัฒนา เรื่องของอิฐ ดิน เรื่องกฎหมาย เรื่องที่ไม่เป็นธรรมทั้งหมด เราตั้งทำงานไว้หลายคณะ ซึ่งต้องไปเร่งในการพูดคุย ทั้งนี้ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กำลังเร่งดำเนินการ ถ้าเรารีบร้อนพูดคุยกันไปแล้วจบไปแล้ว 3 – 5 ครั้ง ต้องจบไปแล้ว ไม่มีทางเป็นไปได้ ทั้งโลกเป็นแบบนี้ เขารบกันมาหลาย 10 ปี ในประเทศอาเซียนก็มี ถึงแม้จะมีการเจรจากันไปแล้วเพราะว่าทุกอย่างต้องเป็นขั้นเป็นตอน ทุกอย่างต้องใช้เวลา ทุกอย่างเขาไม่ได้มีระเบียบวินัยเหมือนเรา ผมสั่งคนเดียวทั้งกองทัพ
ฉะนั้นต้องฟังคำสั่งผม แต่ฝ่ายโน่นไม่ได้มีการสั่งคนเดียว สั่งหลายคน หลายกลุ่ม ถือว่าเป็นการสั่งแบบขาดตอน สั่งแบบเปิดคืออ้างว่าไปทำร้ายตรงนั้นตรงนี้ สั่งให้ไปทำร้ายมากที่สุดคือการสั่งแบบนี้ที่ไหนก็ได้ ซึ่งผมสั่งแบบนั้นไม่ได้ ผมต้องสั่งแบบพื้นที่แบบนี้ แบบนั้น วางกำลังแบบนี้ใช้ยุทธวิธี ยุทธศาสตร์เข้าไปแบบนี้ พัฒนาเข้าไปแบบนี้ วันนี้เราได้ใช้ยุทธศาสตร์การเมืองกับการทหารไปสร้างความเข้าใจ มี 9 ยุทธศาสตร์ที่ทำซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ของ สมช. ได้ทำมาตั้งแต่ปี 2555 ทำมาโดยตลอดทั้ง 9 ยุทธศาสตร์ ไม่ใช่บอกแต่ว่าทหารใช้แต่อาวุธ
ทหารมีความรู้มาก เนื่องจากต้องคิดมากกับเขา รู้ว่าต้องคิดแบบไหน ทำงานแบบใด ทั้งการพัฒนาการเมืองการสร้างความเข้าใจ การพูดคุยหาทางออก ซึ่งทหารเป็นคนที่เสนอไปทั้งนั้น ถ้าเราต้องการจะใช้กำลังอย่างเดียว ต้องการจะใช้งบประมาณอย่างเดียว ผมจะเสนอให้บุคคลมาร่วมกับเราหรือไม่ ถ้าแบบนั้นทหารต้องทำเอง
ส่วนวันนี้ มีทั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) มีทั้งกระทรวง ทบวง กรม 3 แบ่งงาน 20 กระทรวง ที่เกี่ยวข้องมี 3 แห่งลงมา 3 ระดับลงมาตั้งแต่นโยบายขับเคลื่อนทั้งผู้ปฏิบัติ ทั้งหมดนี้ทหารได้ออกความคิดทั้งนั้น คิดให้การเมืองมาทำการทหารเราคิด ไม่ใช่ให้ทหารมาทำการเมือง นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะพูดให้พวกเราเข้าใจ ถ้ามากดดันมากว่าทำไม สู้กันมากมีการบาดเจ็บล้มตาย ถ้าพูดคุยกันเร็วจะสามารถเลิกเหตุการณ์นี้เร็วซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นการต่อสู้ด้วยยุทธศาสตร์ชาติพันธุ์ เขาใช้ยุทธศาสตร์ชาติพันธุ์มาต่อสู้
บางคนบอกว่าทำไมไม่นำมาตรา 66/23 ซึ่งเราก็มี ม. 21 ซึ่งออกกฎหมายมาให้แล้ว กลับมาเข้ารับการอบรม 6 เดือนและกลับไปเป็นทำงานก็ยังไม่เห็นมา ต่างกันเพราะแต่ละภาคจะใช้ไม่เหมือนกัน ใช้ในการเคลื่อนไหวในการต่อสู้ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งทาง คสช. กำลังคิดหาลู่ทางทุกอย่าง เช่นโครงการนำคนกลับบ้าน หลายต่อหลายเรื่องที่ทหารคิดแต่ต้องไปขอความร่วมมือ ไปขอระดมความคิดเห็นทุกภาคส่วนทั้งพลเรือนหลังจากเห็นชอบแล้วนำกลับไปทำ ไม่ใช่ทหารไปสั่งอะไรก็ได้
ฉะนั้น วันนี้จะขอกำลังใจบ้างและขอให้ทุกคนเฝ้าระวังให้ความร่วมมือเสียสละความสะดวกสบายและต่อต้านผู้ที่จะมามีอิทธิพลมาแซงอยู่ในทุกชุมชน นอกจากเรื่องแยกดินแดน ยังมีเรื่องของผิดกฎหมาย เรื่องของปัญหาแทรกซ้อน ยาเสพติด แรงงานต่างด้าว ผลประโยชน์ น้ำมันเถื่อนและอีกมากมาย ฉะนั้นคนที่อยู่ร่วมกันเป็นหมู่มากก็จะร่วมกัน
ฉะนั้นวันนี้ที่น่าเป็นห่วงคือชาวไทยมุสลิม ซึ่งถูกทำร้ายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปอยู่ในที่ชุมนุม เช่น ตลาด ซื้อของแต่เดิมบอกว่าสู้เพื่อชาวมุสลิม ทำไมวันนี้มีมุสลิมถึงตายด้วย จะมาบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทำคงไม่เกิดประโยชน์ เพราะไม่ทราบว่าจะต้องทำไปทำไม มีแต่ต้องการให้ทุกคนปลอดภัย ต้องการที่จะพัฒนาทุกด้านการศึกษาต้องการให้ได้เรียนรู้ อยากให้มีงานทำ
เพราะทุกคนคือคนไทย ไม่ใช่คนชาติอื่นเลย นับถือศาสนาคนละศาสนาซึ่งตรงนี้ไม่ได้เป็นอะไร อยู่กันได้ ในกรุงเทพมหานครก็อยู่กันได้