สุดแค้นแสนรัก ‘รัดเกล้า’ ตีบทเเตกนางเเย้มฟีเวอร์
“แค้นเพราะถูกหยามถูกกระทำว่าทรมานแล้ว รักแล้วเขาไม่รักตอบว่าทรมานแล้ว แต่ทั้งรักทั้งแค้นบุคคลที่แสนรักนี่สิ มันสุดบรรยาย!”
โปรยปกนวนิยายเรื่อง ‘สุดแค้นแสนรัก’ จากบทประพันธ์ของ ‘จุฬามณี’ หรือนิพนธ์ เที่ยงธรรม ซึ่งตั้งใจเขียนขึ้นตามคำร้องขอของช่อง 3 ที่อยากได้ละครแนวดราม่าคล้าย ‘ชิงชัง’ ของผู้เขียนที่เคยสร้างชื่อครั้งเป็นละครทางช่อง 5 เมื่อหลายปีก่อน
ต้องยอมรับว่า ทันทีที่สุดแค้นแสนรักออนแอร์ตอนแรก แทบไม่น่าเชื่อว่า ละครเรื่องนี้จะสร้างความนิยมชมชอบได้อย่างงดงาม โดยไม่ต้องทำการตลาดจับดารามาเป็นคู่จิ้นให้มากมาย ด้วยเพราะบทประพันธ์ที่วางพล็อตได้อย่างดี บอกเล่าลักษณะนิสัยตัวละครชัดเจน อีกทั้งยังมีแง่คิดคำสอนแฝงไว้ในคำพูดให้ชวนคิด เเละถูกจริตคนไทย
‘จุฬามณี’ ระบุไว้ในคำนำผู้เขียนของนวนิยายเรื่องนี้ว่า ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวสะเทือนใจเล็ก ๆ ของญาติคนหนึ่ง ญาติผู้เป็นตัวกลางระหว่างย่า พ่อ กับยาย และแม่ ซึ่งตัวกลางนี้สับสนกับข้อมูลที่ได้รับจากทั้งสองฝั่งที่เคยเป็นทองแผ่นเดียวกัน กระทั่งเกิดเป็นความอิหลักอีเหลื่อว่าเรื่องใดจริง เรื่องใดเท็จ...
ผู้เขียนจึงนำอารมณ์เหล่านั้นมาถ่ายทอดไว้ในคนกลางอย่าง ‘ยงยุทธ หมั่นกิจ’ ตัวละครรุ่นหลาน และตัวละครรุ่นเดียวกันอีกหลายคน...โดยใช้สถานที่จริง ต.หนองนมวัว อ.ลาดยาว จ.นครสรรค์
‘นางแย้ม...ย่าแย้ม...ยายแย้ม...อีแย้ม’ แล้วแต่จะเรียกกัน นับเป็นตัวละครสำคัญในการเดินเรื่อง ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความแค้น ทิฐิสูง เป็นตายร้ายดีอย่างไร ไม่มีวันยอมญาติดีกับครอบครัวนางอ่ำ หลังผัวอันเป็นที่รักถูกผัวนางอ่ำฆ่าตายเพียงเพราะเรื่องสับคันดินระบายน้ำในนา นำมาสู่โศกนาฏกรรมชีวิตที่ถือเป็นความผิดพลาดอันร้ายแรง
กว่าจะรู้ตัวก็ล่วงเลยยากเกินจะแก้ไขใจที่ถลำลึกไปสู่ความชั่วร้ายเสียแล้ว เพราะตลอดเกือบชั่วชีวิตของนางแย้มพยายามคิดหาวิธีกลั่นแกล้งเอาชนะครอบครัวนางอ่ำตลอดเวลา ถึงขนาดเคยเผาพริกเผาเกลือสาปแช่ง ใส่ร้ายป้ายสี ให้เสื่อมเสียชนิดไม่เหลือเยื่อใย
อีกทั้งคอยกำกับชีวิตและขีดเส้นทางเดินให้ลูกหลาน แม้จะเป็นความรักความห่วงใยที่อยากเห็นทายาทได้ดิบได้ดี แต่เบื้องลึกก้นบึ้งจิตใจแล้ว เชื่อว่า นางแย้มหวังเอาชนะคู่แค้นอีกฝ่ายมากกว่า...คนอะไรจะแค้นและบงการชีวิตคนได้ขนาดนั้น แต่เอาเข้าจริงในชีวิตคนเรา เชื่อหรือไม่ว่า มีผู้หญิงลักษณะนี้อยู่จริง
มิฉะนั้นคงไม่ถูกถ่ายทอดออกมาในละครหรือภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่อง เพราะชีวิตคือละคร ยกตัวอย่าง ‘โอ้มาดา’ จากนวนิยายของ ‘สีฟ้า’ ซึ่งเคยถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ นำแสดงโดย พิศมัย วิไลศักดิ์ ศิลปินแห่งชาติ รับบท ‘มาดา’
นอกจากนี้ยังมี ‘บัลลังก์เมฆ’ ที่ถูกสร้างเป็นละครและละครเวทีหลายครั้ง รุ่นคลาสสิคต้องยกให้ ภัทราวดี มีชูธน ศิลปินแห่งชาติ รับบท ปานรุ้ง รุ่นต่อมา คือ สินจัย เปล่งพานิช และเร็ว ๆ นี้จะถูกนำกลับมาสร้างเป็นละครอีกครั้งทางช่องวัน รับบทโดย อ้อม พิยดา จุฑารัตนกุล
ไม่ว่าจะเป็น สุดแค้นแสนรัก โอ้มาดา หรือบัลลังก์เมฆ ล้วนมีความเหมือนกันอย่างชัดเจน คือ เนื้อเรื่องให้ความโดดเด่นในแง่อำนาจของผู้หญิงในการวางอนาคต ขีดเส้นทางให้คนในกำกับปฏิบัติตาม โดยห้ามปฏิเสธ เพราะเธอคิดแล้วว่า เป็นสิ่งที่ดีแล้ว
ทว่า การกำกับชีวิตทุกคนในครอบครัวนั้น กลับใช้อำนาจที่มีอยู่ผิดทาง ไร้คุณธรรมจริยธรรม สุดท้ายนำมาสู่บ้านแตกสาแหรกขาด และไม่เหลือคนที่รักเธอจริง
ทั้งนี้ ต้องนับถือฝีมือของ ‘รัดเกล้า อามระดิษ’ ที่ถ่ายทอดบทบาท ‘นางแย้ม’ ได้สมจริงดังอักษรในนวนิยายทุกประการแบบไม่มีที่ติ ไม่ว่าจะน้ำเสียง สีหน้า ลีลา ท่าทาง เรียกว่า แสดงอย่างมีจังหวะจากโคน ถึงพริกถึงขิง ชนิดมีลุ้นรางวัลทุกเวที
ถ้าไม่ใช่รัดเกล้าก็ยังคิดไม่ออกว่า ใครที่เหมาะสมจะมารับบทบาทนางแย้มได้ดีเช่นนี้ เหมือนกับสมัยรับบท ‘แม่ช้อย’ ในละครเวทีสี่แผ่นดิน เดอะมิวสิเคิล ซึ่งเล่นได้ดีจนคนในโรงละครชื่นชมลุกขึ้นปรบมือเกรียวกราว
แบบนี้สิถึงเรียกว่า ‘พรสวรรค์’
กระนั้นก็ต้องชื่นชมนักเเสดงคนอื่น ๆ ที่ถ่ายทอดบทบาทได้ดีไม่เเพ้กันด้วย ไม่ว่าจะเป็น โดนัท มนัสนันท์, พรชิตา ณ สงขลา, จินตหรา สุขพัฒน์, น็อต วรฤทธิ์, บอย พิษณุ, หญิง รฐา, โฬม พัชฏะ, น้ำฝน กุณณัฏฐ์ เเละนักเเสดงรุ่นเล็กหลายคน
ฉีกบทกระจุยเป็นทอร์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ขนาดนี้ ไหน ๆ แล้ว ก็ขอสนับสนุนให้ช่อง 3 นำละครเรื่อง ‘ริษยา’ จากบทประพันธ์ของ จุลลดา ภักดีภูมินทร์ หรือหม่อมหลวงศรีฟ้า มหาวรรณ กลับมารีเมคอีกครั้ง พร้อมกับยื่นบท ‘หม่อมชุลี’ ให้แก่รัดเกล้า อามระดิษ วัดฝีมือการแสดงอีกระดับหนึ่งไปเลย
โดยหวังว่าคุณสมรักษ์ ณรงค์วิชัย คงเห็นพ้องและเร่งปัดฝุ่นเร็ววัน เพราะคนดี...คนเก่ง...อย่างรัดเกล้า สมควรได้รับการสนับสนุนยิ่ง ๆ ขึ้นไป
แล้วพบกันทุกวันอาทิตย์ .
ร่วมพูดคุยเเลกเปลี่ยนได้ที่ [email protected]
ภาพประกอบ: เเฟนเพจละครไทยทีวีสีช่อง 3