“สุเทพ” ลั่นหลังปีใหม่ปิด กทม.โค่นระบอบทักษิณ
“สุเทพ” ลั่นหลังปีใหม่ปิดกทม.โค่นระบอบทักษิณเตรียมช่วยผู้ชุมนุม-ตำรวจที่เสียชีวิต รายละ 1 ล้านบาท เตรียมฟ้องกราวรูด “รองนายกฯ-ผบ.ตร.-อธิบดีดีเอสไอ” เล็งล่าชื่อเอาผิด ครม.กรณีไม่รับอำนาจศาล รธน.
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 27 ธันวาคม 2556 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ปราศรัยบนเวทีตอนหนึ่งว่าตนมีเรื่องที่จะกราบเรียนกับพี่น้องมวลมหาประชาชนว่า ด้วยความอาลัย ด้วยความเศร้าเสียใจของเราที่ผู้ร่วมอุดมการณ์ของเราคือนายวสุ สุฉันทบุตร ต้องเสียชีวิตไป แต่ขอพี่น้องอย่าได้โกรธเคือง หรือมีใจอาฆาตต่อเจ้าหน้าที่ เพราะเจ้าหน้าที่ก็มีเสียชีวิต
“ขอกราบเรียนเชิญพี่น้องทั้งหลายได้ไว้อาลัยให้กับตำรวจที่เสียชีวิตคือ ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ์ เพราะว่าเขาก็ทำหน้าที่ตามหน้าที่และไม่เคยมีเรื่องโกรธเคืองกับเรามาก่อนเลย ขอพี่น้องโปรดสงบนิ่ง ไว้อาลัยให้กับ ด.ต.ณรงค์” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า กลับจากปีใหม่ เราจะมาร่วมกันที่นี่เพื่อที่จะยึดกรุงเทพ และจะยึดกรุงเทพให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพื่อเอาอำนาจอธิปไตยคืนกลับประชาชนให้ได้ และขอให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดที่ประสงค์จะเข้ามาปฏิบัติการยึดกรุงเทพร่วมกับพวกเราเตรียมตัวให้เรียบร้อยรอฟังสัญญาณ และมาคราวนี้ให้เตรียมเสื้อผ้าข้าวปลาอาหารมาให้พร้อม เพราะต้องสู้กันเป็นเดือน สู้กันจนกว่าชนะ
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า สำหรับพี่น้องชาวกรุงเทพให้รีบสะสางงานการให้แล้วเสร็จภายในช่วงเทศกาลปีใหม่ หรือหลังปีใหม่ไม่กี่วัน เพราะหลังจากนั้นเราจะปิดกรุงเทพ เราจะยึดกรุงเทพ เราจะไม่เหลือที่แม้แต่ตารางนิ้วเดียวในเมืองหลวงแห่งนี้ ให้คนของระบอบทักษิณให้มาอาศัยกดขี่ข่มเหงประชาชนอีกต่อไป
“ถ้าพี่น้องชาวกรุงเทพรายใด ไม่สบายใจที่จะอยู่ในกรุงเทพในห้วงเวลานั้น ท่านจะได้มีเวลาขยับขยายไปพักอยู่กับญาติ กับพี่น้อง ไปพักผ่อนต่างจังหวัด นั่นแล้วแต่อัธยาศัยของท่าน ให้เหลืออยู่เฉพาะคนที่มีหัวใจร่วมต่อสู้กับมวลมหาประชาชนเพื่อขับไล่ระบอบทักษิณให้สำเร็จให้ได้” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวต่อไปว่า พี่น้องทั้งหลาย สำหรับผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ เรามีกองทุนของ กปปส. ซึ่งได้รับการบริจาคจากพี่น้องทั้งหลาย เราได้ถอนเงินมาก่อนที่จะถูกปิดบัญชีหมด วันนี้พอมีเงินเหลืออยู่ เราจะช่วยเหลือเยียวยาทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ทั้งผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ โดย กปปส.ได้ประชุมกันแล้ว สำหรับกรณีเสียชีวิต กปปส. จะช่วยเหลือรายละ 1 ล้านบาท รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เพราะท่านก็เป็นเหยื่อของสถานการณ์แบบเดียวกับเรา ส่วนท่านที่ได้รับบาดเจ็บเราก็จะดูแลค่ารักษาพยาบาล และดูแลชดเชยให้ตามสภาพ และ กปปส. ตั้งใจดูแลทุกคนทุกฝ่าย แม้ว่าฝ่ายรัฐบาลจะไม่สนใจใยดีเลยก็ตาม
นายสุเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ กปปส. ได้ระดมบรรดานักกฎหมาย ทนายความ ผู้มีอุดมการณ์ได้มาประชุมปรึกษากันเรียบร้อย และได้ยกร่างคำฟ้องเพื่อที่จะได้ดำเนินคดี ทันทีที่พ้นปีใหม่นี้ จะมอบคดีให้เป็นของขวัญปีใหม่กับบรรดาบริวารของระบอบทักษิณทุกคน
กรณีแรก เหตุการณ์เมื่อวานนี้ ที่หน้าสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เรื่องไปทุบทำลายรถยนต์ เราจะตั้งข้อหาคดีอาญา พยายามฆ่า ทำร้ายจิตใจ ทำร้ายทรัพย์ และลักทรัพย์ โดยมีโจทย์คือบรรดาเจ้าของทรัพย์ที่อยู่ในรถยนต์ที่มาขึ้นเวทีเมื่อวานทุกคน และเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ เจ้าของรถคันอื่นที่ถูกทุบไป 20 คัน ซึ่ง กปปส. จะช่วยหมดทุกราย และช่วยมาดำเนินคดีด้วยกัน และคนที่จะต้องเป็นจำเลยคือศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอ.รส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ที่เราเห็นภาพที่มากระทำการดังกล่าว นี่จะดำเนินคดีอาญา นอกนั้นก็จะดำเนินคดีแพ่งในฐานละเมิด และเรียกค่าเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ต้องจ่ายค่าเสียหายคือ สตช. ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร.
กรณีที่ 2 ที่ยิงแก๊สน้ำตาใส่ประชาชน ที่ยิงกระสุนยาง กระสุนจริง ที่จับกุมประชาชนไป 15 รายแล้วซ้อมทำร้ายร่างกาย เราจะฟ้องคดีอาญาข้อหาพยายามฆ่าคนตาย โดยเล็งเจตนาและเห็นผล ทำร้ายร่างกายจนได้รับอันตรายสาหัส และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยมีโจทย์คือญาติผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่ถูกจับกุม โดยมีจำเลยคือ ศอ.รส. สตช. ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ทุกคน โดยนอกจากดำเนินคดีอาญาแล้ว ก็ดำเนินคดีทางแพ่งด้วย
กรณีที่ 3 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2556 กรณีที่ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหนังสือแจ้งธนาคาพาณิชย์ให้ตรวจสอบบัญชี ส่งสำเนาบัญชีย้อนหลัง 6 เดือนและอายัดบัญชี ดังนั้นเราจะดำเนินคดีอาญากับนายธาริต ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานและเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรมปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งจะต้องเพิ่มโทษคดีพิเศษ หมิ่นประมาทด้วย และจะดำเนินคดีทั้งอาญา และคดีแพ่ง
และกรณีที่ 4 คือกรณีที่นายธาริตออกหมายเรียกแกนนำกล่าวหาว่าเป็นกบฏ เราไม่ได้เป็นกบฏเพราะศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งแล้วว่าการชุมนุมของมวลมหาประชาชนเป็นไปตามบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ มีสิทธิ์ที่จะดำเนินการได้ และเราชุมนุมโดยสงบ สันติ คดีนี้ธาริตจะต้องไปขึ้นศาลหลายแห่งในประเทศไทย เพราะบ้านแกนนำอยู่ที่ไหน เราก็จะไปฟ้องที่ศาลนั้น
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นจะทำเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องที่ ศอ.รส. นับตั้งแต่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี ลงมาจนถึง สตช. ดีเอสไอ ด้วย เราจะดำเนินคดีร้องเรียน ป.ป.ช. ว่าคนเหล่านี้ได้ดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นสิทธิ์ที่เราจะร้องเรียนให้ ป.ป.ช. สอบสวนดำเนินคดีกับคนเหล่านี้ได้
“นอกจากจะไปยื่นกับ ป.ป.ช. แล้วเราจะไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน อีกทางหนึ่งด้วย เพราะเป็นสิทธิ์ของเราประชาชน พลเมืองดี ที่ได้รับการปฏิบัติไม่เป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐ มีสิทธิ์ร้องเรียนได้ โดยทั้งหมดนี้จะทำทันทีที่เป็นวันเปิดหลังปีใหม่นี้” นายสุเทพ กล่าว
ทั้งนี้ นายสุเทพ กล่าวอีกว่า กปปส. กำลังปรึกษากันอยู่ว่าอาจจะต้องขอแรงมวลมหาประชาชนให้แต่ละคนลงชื่อในหนังสือร้องทุกข์ยื่นกับนายธาริต เพื่อให้ไปดำเนินคดีข้อหากบฏกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะรัฐมนตรี ที่ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ และถ้านายธาริตไม่ดำเนินการ หากพี่น้องเข้าชื่อได้ 1 แสนคน เราจะดำเนินคดี 1 แสนคดี ถ้าเข้าชื่อได้ล้านคน ก็จะดำเนินคดี 1 ล้านคดี
“ที่ต้องตัดสินใจทำอย่างนี้เพื่อจะได้เป็นอุทาหรณ์ จะได้ให้ข้าราชการคนอื่นที่ยังทำตัวเป็นขี้ข้าของระบอบทักษิณได้สังวรณ์ไว้ว่า เรามวลมหาประชาชนจะสู้กับคุณทุกรูปแบบเท่าที่กฎหมายอนุญาตเปิดช่องให้เราทำ ขอให้พวกเราแน่วแน่ ยังมั่นคงในอุดมการณ์และยืนหยัดกอดคอเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้ร่วมกัน สู้มันข้ามปี หมดปีนี้ก็สู้อีก และต้องสู้ให้ชนะให้ได้” นายสุเทพ กล่าว