สตง.จี้แอร์พอร์ตลิงค์ สอบปมผู้บริหารนั่งทำงานต่อหลังเกษียณราชการ
เปิดหนังสือ สตง. จี้ แอร์พอร์ตลิงค์ สอบปมปล่อยผู้บริหารระดับสูงนั่งทำงานต่อหลังเกษียณอายุราชการไปแล้ว ชี้ส่อขัดระเบียบราชการ ให้พิจารณาเรียกคืนเงินค่าเบี้ยประชุมด้วย
กรณีความขัดแย้งในบริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (แอร์พอร์ต เรล ลิงค์) ภายหลังจากที่นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ประธานคณะกรรมการบริษัทฯ ออกมาระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการฯ มีมติเลิกจ้างนายพีรกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา ออกจากตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา
ขณะที่นายพีรกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศราwww.isranews.org ว่า สาเหตุตนถูกให้ออกจากตำแหน่งมาจาก การที่ตนตรวจพบปัญหาการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในบริษัทรายหนึ่ง อีกทั้งยังได้รับหนังสือจาก สตง. แจ้งให้ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่รายหนึ่งในฐานะผู้แทนกระทรวงคมนาคมที่เกษียณอายุราชการแล้ว ไม่ทำตามระเบียบที่กำหนดว่าเมื่อข้าราชการใดที่ดำรงตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจ หากเกษียณอายุราชการแล้วก็ควรต้องออกจากการเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจนั้นด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่พอใจ
(อ่านประกอบ: ปมปลดเอ็มดี“แอร์พอร์ตลิงค์”สาวกันนัว "พีรกันต์"ยันถูกแกล้ง)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบหนังสือจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง.) เลขที่ ตผ 0024/1144 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2557 เรื่อง ตอบข้อหารือถึงแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับสถานภาพของกรรมการ/รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ส่งถึงกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด
โดยระบุถึงกรรมการรายหนึ่งของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ที่ควรต้องปฏิบัติตามระเบียบ และข้อบังคับที่กำหนดให้ต้องออกจากตำแหน่งหลังเกษียณอายุราชการ
ทั้งนี้ ใจความสำคัญตอนหนึ่งของหนังสือฉบับดังกล่าว ระบุถึงข้อหารือของบริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ถึงสถานภาพของกรรมการบริษัทรายนี้ที่ยังคงดำรงตำแหน่งรักษาการ ทั้งที่เกษียณอายุราชการแล้ว
“บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด ได้หารือ สตง. ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นกรรมการในฐานะตัวแทนของกระทรวงคมนาคม พ้นจากตำแหน่งกรรมการตามมติคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังคงปฏิบัติหน้าที่กรรมการ และยังเคยรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ในเวลาเดียวกัน หลังจากเกษียณอายุราชการแล้ว และทางบริษัทรถไฟฟ้าจะต้องเรียกคืนเงินค่าเบี้ยประชุมกรรมการ และเงินเดือนในตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่หรือไม่ อย่างไร เพื่อให้ทางบริษัทรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ เป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไป”
เนื้อความในหนังสือระบุด้วยว่า "สตง. ได้พิจารณาการเป็นคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจที่กรรมการเป็นผู้แทนจากกระทรวงและส่วนราชการ ตามระเบียบ ข้อกำหนดของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2537 เห็นชอบหลักเกณฑ์การแต่งตั้ง และการพ้นจากตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจ และบทกำกับข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้ง"
ท้ายที่สุด สตง. มีความเห็นต่อการดำรงตำแหน่งหลังเกษียณอายุราชการของกรรมการบริษัทฯ รายนี้ว่า “ในกรณีข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจ โดยมิได้เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง หากข้าราชการผู้นั้น เกษียณอายุราชการ หรือพ้นจากการเป็นข้าราชการ หรือเปลี่ยนย้ายหน่วยงาน จะต้องลาออกจากตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจนั้น มิฉะนั้น ก็ให้หน่วยงานเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจดังกล่าว พิจารณายืนยัน หรือขอเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้นั้น ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงบทบัญญัติของกฎหมายด้วย”
หนังสือฉบับนี้ ลงท้ายระบุว่า สตง.เห็นว่าหากบุคคลผู้นี้ยังดำรงตำแหน่งกรรมการในฐานะผู้แทนกระทรวงคมนาคม บริษัทรถไฟฟ้าจำกัด จำต้องถือปฏิบัติ ตามกฎหมายระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ด้านนายพีรกันต์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เพิ่มเติมว่า “เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวที่ สตง.ระบุถึง ภายหลังจากเกษียณอายุราชการแล้ว ยังคงรักษาการในตำแหน่งต่ออีกไม่น้อยกว่า 1 ปีครึ่ง กระทั่งถึงปัจจุบัน ข้อที่น่าห่วงกังวลเป็นพิเศษคือเบี้ยประชุมและเงินเดือนที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวยังคงได้รับ
“สิ่งที่ผมกังวลคือการจ่ายเบี้ยประชุมกรรมการฯ เพราะการที่เขายังอยู่ในตำแหน่ง ทั้งที่สตง.ชี้ว่าควรลาออก ทำให้เบี้ยประชุมที่เขาได้รับ รวมทั้งเงินเดือนในตำแหน่งรักษาการฯ จนถึงวันนี้มีมูลค่าไม่น้อย และผมยังมีคำถามด้วยว่าเขาควรลาออกตามระเบียบมติคณะรัฐมนตรีตามที่ สตง.ชี้มาหรือไม่ ” นายพีรกันต์ระบุ