ป.ป.ช.ออกระเบียบใหม่! หาบอดี้การ์ด "ปธ.-กก." ต้องเป็นกลางทางการเมือง
ป.ป.ช.ออกระเบียบใหม่! คัดเลือกบุคคลเข้าทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษ คอยอารักขา "ปธ.-กรรมการ" ทั้งด้านส่วนตัว-ครอบครัว รวมถึงแขก ระบุชัดต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง ไม่เคยมีตำแหน่ง-สมาชิกพรรคการเมือง ในช่วงเวลา 1 ปี ก่อนเข้าดำรงตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 มี.ค.58 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษ พ.ศ. 2558 ระบุว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้มีหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจของประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 107 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จึงออกระเบียบไว้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบระเบียบฉบับนี้ พบว่ามีการระบุนิยาม “เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษ” ว่า ผู้ที่สำนักงาน ป.ป.ช. จ้างเพื่อทำหน้าที่ในการอารักขา ติดตาม ดูแล รักษาความปลอดภัยแก่ประธานกรรมการหรือกรรมการ ทั้งความปลอดภัยด้านพื้นที่ ด้านส่วนตัวและครอบครัว สถานที่ทำงาน สถานที่พัก ยานพาหนะ ตลอดจนบุคคลสำคัญที่เป็นแขกรับเชิญของประธานกรรมการหรือกรรมการ และปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ประธานกรรมการหรือกรรมการมอบหมาย แล้วแต่กรณี
โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพิเศษต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
(1) มีสัญชาติไทย
(2) มีอายุไม่เกินห้าสิบปีบริบูรณ์ในวันที่ได้รับการจ้าง
(3) เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ
(4) มีความเป็นกลางทางการเมือง
(5) มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ โดยมีใบรับรองแพทย์ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. กำหนด
(6) มีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
(ก) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี และผ่านการอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยหรืออารักขาบุคคลสำคัญของศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ หรือหลักสูตรอื่นที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย และมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย
หรืออารักขาบุคคลสำคัญมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปี หรือ
(ข) เคยรับราชการทหารหรือตำรวจมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปี หรือ
(ค) มีคุณสมบัติพิเศษอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานหรือมีประสบการณ์ตามที่ประธานกรรมการหรือกรรมการเห็นสมควร แล้วแต่กรณี
(7) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
(8) ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงาน และไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งที่ได้รับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนเป็นรายเดือนจากงบประมาณที่ตั้งไว้ในสำนักงานตามระเบียบว่าด้วยการนั้น
(9) ไม่เป็นหรือเคยเป็นข้าราชการการเมือง ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในระยะเวลา 1 ปี ก่อนดำรงตำแหน่ง
(10) ไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ หรือตำแหน่งอื่นใดของพรรคการเมืองหรือสมาชิกพรรคการเมือง ในระยะเวลา 1 ปี ก่อนดำรงตำแหน่ง
(11) ไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างถูกพักงาน พักราชการ หรือสั่งให้หยุดงานเป็นการชั่วคราว
ในลักษณะเดียวกันกับพักงานหรือพักราชการ
(12) ไม่เป็นผู้มีกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือน
ไม่สมประกอบ หรือมีกายหรือจิตใจไม่เหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้
(13) ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
(14) ไม่เป็นบุคคลติดยาเสพติดให้โทษ
(15) ไม่เป็นบุคคลล้มละลายซึ่งศาลยังไม่สั่งให้พ้นคดี หรือมีหนี้สินล้นพ้นตัว
(16) ไม่เป็นผู้เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นความผิดที่เกิดจากการกระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(17) ไม่เป็นผู้เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ
เพราะกระทำผิดวินัยตามกฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องกับส่วนราชการหรือหน่วยงานนั้น ๆ
(18) ไม่เป็นผู้เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ
เพราะกระทำผิดวินัย กระทำการทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(19) ไม่เป็นผู้เคยถูกสั่งให้ออกจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน
กรณีหย่อนความสามารถ บกพร่องในหน้าที่หรือประพฤติตนไม่เหมาะสม หรือกรณีมีมลทินหรือมัวหมองในกรณีที่ถูกสอบสวน
(ดูระเบียบฉบับเต็มที่ ที่นี่ )