ศาลสั่งจำคุก210ปี! อดีตจนท.อบต.ลำไทรโยง-บุรีรัมย์อมเงิน 42 ครั้ง 9 ล.
ศาลพิพากษาจำคุก อดีต หน.การคลัง อบต.ลำไทรโยง-บุรีรัมย์ 210 ปี ปมเบียดบังเงิน อบต. ด้วยการใช้เช็คปลอม 42 ครั้ง 9 ล้าน หลัง ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่เอกสาร กรณีศาลจังหวัดนางรอง พิพากษาจำคุก น.ส.สุทิสา ทิพย์อักษร อดีตหัวหน้าส่วนการคลัง อบต.ลำไทรโยง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ 210 ปี เนื่องจากมีพฤติการณ์ทุจริตเบียดบังเงินของ อบต. ไปเป็นของตัวเอง โดยอการปลอมเอกสาร ปลอมตั๋วเงิน (เช็ค) รวมมูลค่ากว่า 9 ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด
โดยกรณีนี้ ป.ป.ช. ไต่สวนปรากฏพยานหลักฐานว่า น.ส.สุทิสา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนการคลังฯ ได้กรอกข้อความลงในเช็คสั่งจ่าย อบต.ลำไทรโยง บางครั้งเขียนสั่งจ่ายตนเองทับข้อความ อบต.ลำไทรโยง โดยขีดฆ่าชื่อผู้รับเงิน แล้วนำไปให้ผู้มีอำนาจลงนามสั่งจ่าย/ถอนเงิน 2 ราย ลงลายมือชื่อในเช็ค และลงลายมือชื่อกำกับส่วนที่แก้ไข โดย น.ส.สุทิสา ได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้ด้วยเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าการแก้ไขกระทำโดยถูกต้อง แล้วใส่ชื่อของตนเองเป็นผู้รับเงินแทน จากนั้นได้นำเช็คดังกล่าวไปเบิกถอนเงินจากธนาคาร เบียดบังเอาเงินไปเป็นของตนเอง
รวมถึงกรอกข้อความลงในเช็คสั่งจ่ายตนเอง และปลอมลายมือชื่อผู้มีอำนาจลงนามสั่งจ่าย/ถอนเงิน 2 ราย โดยตนเองลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายด้วย จากนั้นได้นำเช็คดังกล่าวไปเบิกถอนเงินจากธนาคาร เบียดบังเอาเงินไปเป็นของตนเอง
และกรอกข้อความลงในเช็คสั่งจ่ายบุคคลต่างๆ ที่เป็นลูกหนี้เงินกู้ของตน ซึ่งลูกหนี้ได้มอบสมุด เงินฝากและบัตรเอทีเอ็มไว้ แล้วปลอมลายมือชื่อผู้มีอำนาจลงนามสั่งจ่าย/ถอนเงิน 2 ราย โดยตนเองลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายด้วย จากนั้นได้นำเช็คดังกล่าวไปฝากเข้าสมุดบัญชีลูกหนี้ แล้วใช้บัตรเอทีเอ็มที่ลูกหนี้มอบไว้เบิก ถอนเงิน เบียดบังเอาเงินไปเป็นของตนเอง
รวมกระทำการในลักษณะดังกล่าวจำนวน 42 ครั้ง เบียดบังเงินหลวงไปทั้งสิ้น 9,153,171.91 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติว่าการกระทำของ น.ส.สุทิสา มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง แต่ด้วยเหตุที่ อบต.ลำไทรโยง ได้มีคำสั่งลงโทษไล่ น.ส.สุทิสา ออกจากราชการไปก่อน ซึ่งเหมาะสมแก่กรณีแล้ว จึงไม่มีเหตุที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องส่งเรื่อง ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อลงโทษทางวินัยอีก เพียงแต่ให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผู้บังคับบัญชาของ น.ส.สุทิสา ทราบ รวมถึงมีมูลความผิดทางอาญา จึงให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี
ทั้งนี้ ศาลจังหวัดนางรอง พิพากษาว่านางสาวสุทิสา ทิพย์อักษร มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา (คดีหมายเลขแดงที่ 2001/2556) มาตรา 147 มาตรา 157 มาตรา 161 มาตรา 266 (4) และมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 266 (4) ฐานใช้เอกสารปลอม ทั้งนี้ เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ซึ่งแต่ละกรรมเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 42 กระทง จำคุก 210 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 105 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว จึงให้จำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ทั้งยังให้คืนเงิน 7,094,871.91 บาท แก่ อบต.ลำไทรโยง ซึ่งเป็นส่วนที่ยังไม่ได้ชดใช้คืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2552-2553 และศาลมีคำพิพากษาเมื่อประมาณเดือน ส.ค. 2556 ล่าสุด น.ส.สุทิสา อุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น