- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- 'นักการเมือง' ยังติดใจเกณฑ์ประชามติ 'กกต.' กำกวม
'นักการเมือง' ยังติดใจเกณฑ์ประชามติ 'กกต.' กำกวม
2 พรรคการเมืองใหญ่ ยังติดใจหลักเกณฑ์การออกเสียงประชามติของ กกต. เนื่องจาก ยังมีเนื้อหาที่คลุมเครือ
วันนี้ (30 เม.ย. 59) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวถึงหลักเกณฑ์การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญของ กกต.ที่กำหนดลักษณะต้องห้าม 8 ข้อ และ 6 ลักษณะ ที่อนุญาตให้ทำได้ ว่า ยังไม่สามารถทำให้กฎหมายประชามติมีความชัดเจน เพราะบางข้อความในกฎหมายยังคลุมเครือ ที่อาจถูกนำไปใช้ตีความเพื่อให้คุณ ให้โทษ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ตลอด และไม่สามารถตอบโจทย์ได้เท่าที่ควร
นายองอาจ กล่าวว่า หลักเกณฑ์ 6 ข้อ ที่ให้ทำได้ไม่มีอะไรใหม่ เป็นเพียงการขยายความเนื้อหาสาระของกฎหมายในเชิงอธิบายเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์พื้นฐานที่วิญญูชนทั่วไปพึงกระทำได้อยู่แล้ว ถึงแม้ไม่มีหลักเกณฑ์บอกว่าทำได้ ส่วน8ข้อห้ามก็เป็นข้อห้ามตามมาตรา 61 วรรค2ที่ห้ามการเผยแพร่ที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง หรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม ข่มขู่ ถึงแม้ไม่ออกหลักเกณฑ์เป็นข้อห้ามก็ไม่สามารถทำได้อยู่แล้วเช่นกัน
นายองอาจ ขอให้ กกต.วางหลักเกณฑ์ให้ชัดเจนมากกว่านี้ เพื่อให้ผู้เห็นต่างอย่างสุจริตใจ ได้มีพื้นที่แสดงความคิดเห็น และเผยแพร่ความคิดเห็นโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย อีกทั้ง ป้องกันการตีความกฎหมายเพื่อเล่นงานคนที่เห็นต่าง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า หลักเกณฑ์ของ กกต.เรื่องทำได้- ทำไม่ได้ ถ้าให้คะแนนคงให้ได้แค่เกรดดี สำหรับการสอบระดับประถม ที่ให้ผ่านแบบคะแนนอ่อนมาก พราะอย่างน้อยยังทำให้เห็นว่าการแสดงความเห็น และเผยแพร่ความคิดเห็นนั้นทำได้ ไม่ใช่อย่างที่มีการพูดกันว่าใครก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ โดยเฉพาะการไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ
นายจาตุรนต์ ระบุว่า หลักเกณฑ์นี้มีปัญหาที่เน้นเรื่องทำไม่ได้มากกว่าทำได้ และเรื่องที่ควรจัดไว้ในประเภททำได้หลายข้อ กลับเอาไปไว้ในประเภททำไม่ได้ เป็นการเปิดช่องให้มีการตีความผิดๆ ในทางจำกัดเสรีภาพได้ง่าย ซึ่งกกต.บอกว่าการแสดงความเห็นต้องไม่กำกวม แต่หลักเกณฑ์หลายข้อของ กกต.กลับกำกวมเสียเอง
นายประวิช รัตนเพียร กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ย้ำว่า เหตุที่ต้องกำหนด 8 ลักษณะต้องห้าม และ 6 ลักษณะที่อนุญาตให้ทำได้ เป็นการทำตามข้อเรียกร้องของหลายฝ่าย ที่ให้กกต.กำหนดตัวอย่างที่ทำได้ และทำไม่ได้ ซึ่ง กกต.ก็ยึดตามกรอบกฎหมาย ที่ต้องไม่เป็นการกล่าวเท็จ ปลุกระดม ก้าวร้าว หยาบคาย หรือข่มขู่ ที่จะนำไปสู่ความวุ่นวาย ส่วนกรณีที่ไม่ใช่สีขาว หรือสีแดง แต่เป็นสีเทา ผู้กระทำต้องรับความเสี่ยงเอง และให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน หากมีการแจ้งความดำเนินคดี.
ขอบคุณข่าวจาก