- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- อุดมเดช จ่อคุยกลุ่มงานแต่ละด้าน ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาชายแดนใต้
อุดมเดช จ่อคุยกลุ่มงานแต่ละด้าน ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาชายแดนใต้
25 ต.ค.59 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงเหตุระเบิดที่ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า ก่อนเกิดเหตุ 2 - 3 วัน ตนได้พูดคุยกับ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.และคุยกับทางแม่ทัพภาคที่ 4 เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ที่ต้องดูเป็นหลัก เพราะถ้าพื้นที่ปลอดภัยในระดับหนึ่ง จะทำให้การพัฒนาเรื่องต่างๆ ที่จะเข้ามาในพื้นที่ได้เกิดความมั่นใจ
ทั้งนี้ ตนรู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุ เพราะได้ให้แนวทางไปแล้วว่าต้องดูเรื่องชุมชน และถนนสายหลักต่างๆ ต้องพยายามไม่ให้เกิดเหตุ แต่ก็ต้องยอมรับว่าพื้นที่มีบริเวณกว้างและห่างไกล อาจจะเกิดเหตุขึ้นได้ เพราะยังมีกลุ่มคนที่หลงผิดและเข้าใจผิดไปก่อเหตุ จึงต้องกำชับเพื่อนำไปสู่การแก้ไขต่อไป ซึ่ง ผบ.ทบ.ได้รับเรื่องไปดำเนินการโดยตรง ขณะที่กองทัพภาค 4 ต้องปรับแนวทางให้เป็นไปตามนโยบายให้ดีที่สุด และก่อนหน้านั้นก็ทำได้ดีมาในระยะหนึ่ง ก็ต้องพยายามควบคุมสถานการณ์เพื่อจะได้พัฒนาด้านอื่นๆ ต่อไป
พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า เราติดตามเรื่องการข่าวอยู่เสมอ และยังมั่นใจว่าหลังจากที่มีการพูดคุยและปรับปรุงแนวทางการข่าวรวมถึงกำลังพล ซึ่งจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่เป็นหลักโดยประสานงานร่วมกับหน่วยงานอื่นก็ถือว่าได้ผล จากนี้จะติดตามประเมินผลไปอีกระยะหนึ่ง
เมื่อถามว่า เหตุที่เลือกก่อเหตุในช่วงเวลานี้ เพราใกล้ช่วงครบรอบเหตุการณ์ตากใบหรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า เราระมัดระวังอยู่เสมอ ตามใหล้ช่วงที่จะครบรอบเหตุการณ์ต่างๆ และจะมีการแจ้งเตือน ทั้งนี้ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลได้ลงไปรับฟังสถานการณ์ตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนกับผู้ที่เกี่ยวข้องในกลุ่มงานด้านต่างๆ ที่รับผิดชอบในพื้นที่ ระหว่างวันที่ 26 - 28 ต.ค.และวันที่ 31 ต.ค.นี้ ได้มีการประสานงานนัดหมายกับตัวแทนแต่ละกลุ่มงานที่มีกระทรวงต่างๆ รับผิดชอบ เพื่อรับฟังรายละเอียดแผนงานของกลุ่มงานต่างๆ ให้ผู้แทนพิเศษของรัฐบาลได้รับทราบ ให้เกิดความเข้าใจ และมีการจัดลำดับงานที่เร่งด่วน ที่กำหนดเอาไว้ในคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไข้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ขอบคุณข่าวจาก