เปิดขุมทรัพย์ “ยาดมโป๊ยเซียน” ฟันรายได้กระฉูด - 10 ปี กวาดเม็ดเงิน 2.6 พันล.

“ ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา บริษัทฯ ไม่เคยแจ้งว่ามีผลประกอบการขาดทุน ในทางตรงกันข้าม มีรายได้จากการขายและบริการ อยู่ที่หลักหลักร้อยล้านบาททุกปี ขณะที่ตัวรายได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นทุกปีด้วยเช่นกัน” 

หลายคนอาจจะรู้แล้วว่า “ยาดมตรา โป๊ยเซียน”  ซึ่งมีสโลแกนฮิตติดปากว่า "ใช้ดม ใช้ทา ในหลอดเดียวกัน"

เป็นผลิตภัณฑ์ของ "บริษัท โกลด์ มิ้นท์ โปรดักส์ จำกัด"

 เป็นยาใช้ภายนอก มีสรรพคุณบรรเทาอาการ วิงเวียน ศรีษะ

 มีส่วนประกอบด้วย เมนทอล การบูร น้ำมัน ยูคาลิปตัส พินเสน 

ใครที่มีอาการ "โลกมืด" ชั่วขณะ วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ และง่วงเหงาหาวนอน มักจะหาซื้อมาใช้สูดดม เพื่อกระตุ้นร่างกายอยู่เป็นประจำ 

บ้างคนถึงกับ มีอาการ "ติด" ไปไหนมาไหนต้องพกพาไปด้วยตลอด และมักจะหยิบขึ้นมาสูดดมอยู่เป็นประจำ จนกลายเป็นนิสัยติดตัว 

แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา บริษัท โกลด์ มิ้นท์ โปรดักส์ จำกัด สามารถสร้างรายได้จากการจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ยาดมทั้ง ยาดมโป๊ยเซียน, ยาดมพีเป๊กซ์ PE-PEX , พิมเสนน้ำ โป๊ยเซียน, ส้มโอมือ เป็นมูลค่าหลายร้อยล้านบาทในแต่ละปี 

สวนทางกับธุรกิจหลายประเภท ที่มักจะประสบปัญหาด้านยอดขายไม่ได้ตามเป้า หรือติดลบขาดทุน อย่างรุนแรง จนถึงขั้นเกือบปิดกิจการ 

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท โกลด์ มิ้นท์ โปรดักส์ จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2532

ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 248/1 ซอยโสภณ ถนนเลียบทางด่วน แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร

แจ้งประกอบธุรกิจผลิตยาแผนโบราณ ผลิตเกลือแร่ บ๊วยกิมจ้อ

 เป็นบริษัทคนในตระกูล “ลาภบุญทรัพย์” ปรากฏชื่อ นายวชิระ และนายวรวีร์ ลาภบุญทรัพย์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ 

รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ มีจำนวน 3 คือ นาย วชิระ ลาภบุญทรัพย์ นาย วรวีร์ ลาภบุญทรัพย์ นาย วรานนท์ ลาภบุญทรัพย์ โดยถือหุ้นคนละเท่าๆ กัน คือ 10,000 หุ้น คิดเป็นจำนวนเงินคนละ 10 ล้านบาท 

จากการตรวจสอบรายงานงบดุลบริษัทฯ ที่นำส่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นับจากปีล่าสุด คือปี 2555 ย้อนหลังไปจนถึงปี 2546 รวมระยะเวลา 10 ปี 

พบว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ไม่เคยแจ้งว่ามีผลประกอบการขาดทุน ในทางตรงกันข้าม มีรายได้จากการขายและบริการ อยู่ที่หลักหลักร้อยล้านบาททุกปีขณะที่ตัวรายได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นทุกปีด้วยเช่นกัน 

โดยในปี 2546 บริษัทฯ แจ้งว่ามีรายได้จากการขายและบริการ 109,659,028.08 บาท มีรายได้รวม 109,888,738.87 บาท มีกำไรสุทธิ 5,480,767.61 บาท

 ปี 2547 บริษัทฯ แจ้งว่า มีรายได้จากการขายและบริการ 122,981,501.86 บาท มี รายได้รวม 123,968,733.03 บาท มีกำไรสุทธิ 6,985,708.27 บาท 

ปี 2548 บริษัทฯ แจ้งว่า มีรายได้จากการขายและบริการ 148,011,552.83 บาท มีรายได้รวม 150,191,037.71 บาท มีกำไรสุทธิ 12,779,743.07 บาท 

ปี 2549 บริษัทฯ แจ้งว่ามีรายได้จากการขายและบริการ 188,563,761.72 บาท มีรายได้รวม 189,981,151.83 บาท มีกำไรสุทธิ 22,679,639.70 บาท 

ปี 2550 บริษัทฯแจ้งว่า มีรายได้จากการขายและบริการ 246,467,387.81 บาท มีรายได้รวม 247,338,382.84 บาท มีกำไรสุทธิ 52,949,962.66 บาท 

ปี 2551 บริษัทฯ แจ้งว่า มีรายได้จากการขายและบริการ 292,954,362.45 บาท มีรายได้รวม 294,622,090.46 บาท มีกำไรสุทธิ 71,091,342.38 บาท 

ปี 2552 บริษัทฯ แจ้งว่ามีรายได้จากการขายและบริการ 294,860,757.74 บาท มีรายได้รวม 296,125,703.11 บาท มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 77,611,303.57 บาท 

ปี 2553 บริษัทฯ แจ้งว่ามีรายได้จากการขายและบริการ 346,812,483.79 บาท มีรายได้รวม 348,166,537.52 บาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 94,244,744.74 บาท

ปี 2554 บริษัทฯ แจ้งว่า มีรายได้จากการขายและบริการ 397,918,402.05 บาท มีรายได้รวม 402,339,762.67 บาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 90,228,382.07 บาท 

และล่าสุด ในปี 2555 บริษัทฯ แจ้งว่า มีรายได้จากการขายและบริการ 453,239,410.69 บาท มีรายได้รวม 457,666,842.25 บาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 84,032,957.68 บาท 

ทั้งนี้ หากนับรวมเฉพาะรายได้จากการขายและบริการ ที่บริษัทฯ ได้รับทุกปี ในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา (ตามรายละเอียดในงบดุล) จะพบว่าบริษัทฯ มีรายได้จากการขายเป็นวงเงินที่สูงถึง 2,601,468.649.02 บาท 

มีข้อมูลจากงานวิจัยหลายชิ้น ระบุตรงกันว่า “โป๊ยเซียน” เป็นผู้นำตลาด ในสินค้าประเภทกลุ่มยาดม

ว่ากันว่า ผลิตภัณฑ์ แก้อาการวิงเวียนศีรษะในท้องตลาด มีมูลค่าตลาดนับพันล้านบาท เนื่องจากจำนวนผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าชนิดนี้ ยังอยู่ในวงจำกัด ผู้บริโภค นิยมเลือกใช้สินค้าไม่กี่แบรนด์  

แต่ก็มีการแข่งขันสูงอยู่ไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการทุ่มงบประมาณด้านโฆษณา รวมถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบของผลิตภัณฑ์ให้มีความทันยุคทันสมัยอยู่ตลอด 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า "ยาดม" จะเป็นสินค้าอีกชนิดหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสังคมไทยมานาน แต่หากใช้ในปริมาณมากๆ ก็อาจจะมีผลกระทบต่อร่างกายได้เช่นกัน

 รศ.ยุวดี วงษ์กระจ่าง หัวหน้าภาควิชา ภาควิชาสรีรวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เคยระบุในบทความทางวิชาการเรื่อง ยาดมมีอันตรายหรือไม่ ว่า ยาดม เป็นที่นิยมในท้องตลาด ผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีอายุอานามเลยวัยกลางคนขึ้นไป 

"ยาดมสมัยใหม่มีการปรับปรุงเพื่อให้มีความทันสมัยเป็นที่เตะตาของกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น จึงได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัย ขนาดกะทัดรัดเหมาะมือ ผลิตภัณฑ์รูปแบบนี้สร้างสรรค์เพื่อคนยุคใหม่ วัยทำงาน เนื่องจากคนยุคใหม่มักมีกิจกรรมและการผ่อนคลายหลังการทำงานในเวลาที่ค่อนข้างจำกัด จึงมักผ่อนคลายด้วยกลิ่นบำบัด (Aromatic)"

 ยาดมจึงเป็นหนึ่งทางเลือกที่นำเสนอ

นอกจากนี้ผู้ที่ต้องการอดบุหรี่ก็นิยมที่จะหันมาใช้ยาดมทดแทนการสูบบุหรี่ ทำให้เกิดคำถามว่า ยาดมมีอันตรายหรือไม่

 ผลิตภัณฑ์ยาดม ส่วนใหญ่ประกอบด้วย เมนทอล การบูร พิมเสน น้ำมันหอมระเหยและอื่นๆ เช่นน้ำมันสะระแหน่ น้ำมันเขียว น้ำมันกานพลู หรือน้ำมันยูคาลิปตัส และยังมีน้ำมันระเหยยากช่วยในการละลาย เช่น น้ำมันงา น้ำมันแร่ หรืออาจมีสารสกัดจากสมุนไพรบ้าง องค์ประกอบหลักของเมนทอลหรือเรียกว่าเกล็ดสะระแหน่ การบูรและพิมเสน รวมถึงน้ำมันหอมระเหยเหล่านี้จะทำให้เกิดความรู้สึกเย็น ซ่า ในโพรงจมูก รู้สึกสดชื่น ตื่นตัวได้บ้าง

แต่การสูดดมสารเหล่านี้บ่อยๆ อาจทำให้เยื่อเมือกบุทางเดินจมูก ที่สัมผัสกับกลิ่นที่เข้มข้น เกิดการระคายเคืองได้

 เมนทอลหรือเกล็ดสะระแหน่ มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว มีกลิ่นหอมเย็น มีอยู่ในนํ้ามันหอมระเหยที่ได้จากใบมิ้นต์ หรือที่เรียกว่าใบสะระแหน่ฝรั่ง มีประโยชน์ในการขับลม มักใช้แต่งกลิ่นและรสยา เช่น ยาเคลือบกระเพาะอาหาร มีฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่อย่างอ่อนๆ ลดการบวมของหลอดเลือดที่จมูก และลดอาการปวด สารนี้เมื่อสัมผัสกับผิวหนังทำให้รู้สึกเย็น

แต่ในความเข้มข้นสูงและใช้ติดต่อกัน สารนี้อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณทางเดินหายใจ เมื่อสูดดม และอาจทำให้เกิดปอดอักเสบ

 การบูร มีลักษณะเป็นเกล็ดมันวาว สีขาว มีกลิ่นหอมเย็นฉุน เดิมสกัดจากต้นการบูร แต่ปัจจุบันเป็นสารสังเคราะห์ เนื่องจากทำได้ง่าย ราคาถูกกว่าสกัดจากพืช การบูรถูกดูดซึมทางผิวหนังได้ดี และรู้สึกเย็นเมื่อสัมผัสกับผิวหนังเช่นเดียวกับ

เมนทอล มีฤทธิ์เป็นยาชาและต้านจุลินทรีย์อย่างอ่อนๆ ใช้ทาเฉพาะที่แก้เคล็ดบวม ขัดยอก แพลง แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย และโรคผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง อาจเกิดอันตรายจากการสูดดม เนื่องจากระคายเคืองทางเดินหายใจ

เคยมีรายงานการชักในเด็กทารกเมื่อกินโดยบังเอิญ มีการนำการบูรมาใส่ในรถยนต์ เพื่อปรับอากาศ ทำให้หอมสดชื่น พบว่าการบูรเป็นสารระเหิดได้ เมื่อใส่ในรถยนต์ที่เปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา การบูรจะระเหิดไปเกาะที่ช่องแอร์ และหากจอดรถยนต์ทิ้งไว้ในที่อากาศร้อน อัตราการระเหิดก็จะเร็วยิ่งขึ้น ทำให้รู้สึกว่าการบูรลดจำนวนลง หากมีการใส่การบูรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ได้เปิดประตู หรือหน้าต่างทิ้งไว้ให้ระเหิดออกมาด้านนอก ความเข้มข้นของกลิ่นการบูรเพิ่มขึ้น และทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะปอดและตับได้

 พิมเสน มีลักษณะเป็นเกล็ดเล็กๆ แบนๆ สีขาวขุ่นหรือแดงเรื่อๆ กลิ่นหอมเย็น พิมเสนบริสุทธิ์รูปร่างเป็นหกเหลี่ยม ได้จากการนำการบูรมาหุงกับยาอื่นๆ แต่ปัจจุบัน ได้จากสารสังเคราะห์ซึ่งจะมีรสเผ็ดกัดลิ้นถ้าเป็นของแท้จากธรรมชาติจะไม่กัดลิ้นแต่จะทำให้เย็นปากคอ ประโยชน์ทางยา ใช้สูดดมแก้ลมวิงเวียน ทาภายนอกแก้เคล็ดขัดยอก

แต่อาจเป็นอันตรายหากสูดดม เนื่องจากสารนี้ทำให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณทางเดินหายใจ นอกจากนี้สารนี้ยังมีฤทธิ์กระตุ้นและสงบระบบประสาทส่วนกลาง

 ยาดมที่ประกอบด้วยสารหลัก 3 ตัวนี้ เมื่อสูดดมจะทำให้โล่งจมูก และทำให้เกิดความรู้สึกเย็น ซ่า สดชื่น ตื่นตัว มีประโยชน์ในขณะที่เป็นลมวิงเวียน หรือคัดจมูก

แต่การใช้ยาดมที่ถูกต้อง ควรสูดดมใกล้ๆ แต่ไม่สัมผัสโดยตรง ไม่ควรให้หลอดยาเข้าไปค้างไว้ในจมูก เพราะสารทุกตัวอาจทำให้ระคายเคืองเมื่อสัมผัส ควรหลีกเลี่ยงการใช้หลอดยาดมที่สัมผัสจมูกผู้อื่นแล้ว เพราะอาจทำให้ติดเชื้อได้ อนึ่งยาดมมีฤทธิ์เพียงลดอาการเพียงชั่วคราว ถ้าเป็นมากควรไปพบแพทย์ ยาดมที่เป็นลักษณะยาน้ำ หรือ ยาขี้ผึ้ง ให้ป้ายสำลีหรือผ้าเช็ดหน้า หรือทาบางๆ ที่หน้าอก แล้วสูดไอระเหย หรืออาจทาด้านนอกของจมูกแต่ต้องใช้ยาปริมาณน้อยๆ และหากมีโรคของโพรงจมูกอยู่เช่น โพรงจมูกอักเสบจากการแพ้ ติดเชื้อในโพรงจมูกหรือไซนัสอักเสบควรหลีกเลี่ยงการใช้

เนื่องจากอาการแพ้ซึ่งอาจมีเยื่อบุโพรงจมูกเสียหายอยู่แล้ว หากสูดยาดมที่มีเข้มข้นมากๆ อาจระคายเคืองมากขึ้น อนึ่ง ยาสูดดมนี้อาจเกิดอันตรายกับเด็ก ดังนั้นควรเก็บรักษาไว้ให้ห่างมือเด็ก

  รศ.ยุวดี วงษ์กระจ่าง ยังระบุด้วยว่า ยาดมยังอาจทำให้เกิดการเสพติดได้ เนื่องจากสารเคมีที่ใช้ผลิตบางชนิด เช่น เมนทอล และการบูร ซึ่งเป็นสารมีผลต่อระบบประสาทจึงอาจทำให้เกิดการเสพติดได้

แต่การ ”ติดยาดม” นั้นจะเป็นรูปแบบที่ใช้จนติดเป็นนิสัย คล้ายคลึงกับการที่เราชอบหมุนปากกา ต้องกอดหมอนข้างในเวลานอน โดยสังเกตว่าหากวันไหนที่เราลืมเอายาดมออกจากบ้าน ไม่ได้ดมยาดมตลอดวัน อย่างมากเราอาจรู้สึกอยากสูดยาดมบ้าง แต่เมื่อทำงานหรือเรียนในระหว่างวันเราก็ละเลยความคิดนั้นไปได้

 “จะเห็นได้ว่า ยาดมเป็นยาสามัญประจำบ้านที่มีประโยชน์ หากรู้จักใช้อย่างถูกวิธี ระมัดระวัง และไม่สูดดมต่อกันเป็นเวลานาน เมื่อมีอาการผิดปกติควรเลิกใช้ทันทีและรีบปรึกษาแพทย์ การมีไว้สำหรับคนที่จำเป็นใช้ ก็เป็นการป้องกันโรคบางอย่างได้ ทำให้สุขภาพดี โดยไม่ต้องพึ่งยา” รศ.ยุวดี ระบุ

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ผู้บริหาร บริษัท โกลด์ มิ้นท์ โปรดักส์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ยาดมตรา โป๊ยเซียน” เกี่ยวกับกลยุทธ์ทางการตลาด ที่ทำให้ยอดรายได้จากการขายสินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้นทุกปี รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัยในตัวสินค้า แต่ไม่ได้รับการเปิดเผยข้อมูล 

 โดยเจ้าหน้าที่รายหนึ่ง แจ้งว่า "บริษัทฯ มีนโยบายไม่เปิดเผยข้อมูลทางธุรกิจของบริษัทให้กับบุคคลภายนอกได้รับรู้"