- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- กต.vs สกอ.ว่าด้วย 2 มาตรฐาน รับรองหลักสูตรป.โทสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา?
กต.vs สกอ.ว่าด้วย 2 มาตรฐาน รับรองหลักสูตรป.โทสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา?
"..วันนี้หลายสถาบันที่เขาทำถูกต้องตามเกณฑ์ สกอ. แต่ไม่ผ่านเกณฑ์ใหม่ที่ไม่เคยประกาศเป็นทางการของ กต. เกิดความเสียหายด้านชื่อเสียงโดยไม่เป็นธรรม.."
กลายเป็นประเด็นร้อนทางสังคมขึ้นมาทันที!
เมื่อประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 57 มีมติเห็นสมควรให้เพิกถอนการรับรองหลักสูตรปริญญาโททางกฎหมาย ในการสมัครสอบผู้ช่วยผู้พิพากษาของมหาวิทยาลัยลัยตาปี มหาวิทยาลัยปทุมธานี และมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย และไม่รับรองหลักสูตรปริญญาโททางกฎหมายในการสมัครสอบผู้ช่วยผู้พิพากษาของมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น มหาวิทยาลัยสยาม มหาวิทยาลัยบูรพา และมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต
โดยมาสาเหตุสำคัญมาจากการที่คณะกรรมการตุลาการ เห็นว่า ในระบบการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยเหล่านี้ มีอาจารย์ประจำไม่ครบ คุณวุฒิไม่ได้มาตรฐาน
( อ่านประกอบ : สั่งเพิกถอนหลักสูตร ป.โท สอบผช.ผู้พิพากษา 3 ม.ดัง-ไม่รับรองอีก 4 แห่ง )
ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ยังไม่ได้ออกมาแสดงท่าทีที่ชัดเจนมากนัก ตัวอย่างเช่น นายวัลลภ สุวรรณดี อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ระบุว่า ยังไม่เห็นรายงานการประชุมมติคณะกรรมการตุลาการ ที่ออกมาอย่างเป็นทางการ
แต่ยืนยันว่า หลักสูตรของมหาวิทยาลัยผ่านการรับร้องจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)
ทั้งนี้ เพื่อให้สาธารณชนมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ มากขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ตรวจสอบข้อมูลที่มาที่ไปเกี่ยวกับหลักสูตรปริญญาโททางกฎหมาย ในการสมัครสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา ในระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมว่าด้วยการสมัครและการทดสอบความรู้ เพื่อบรรจุเป็นข้าราชการตุลาการในตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา พ.ศ. 2545
พบว่ามีการกำหนดความหมายคำว่า “ผู้สมัคร” คือ ผู้สมัครทดสอบความรู้ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543
ซึ่งมีการกำหนดคุณวุฒิและได้ประกอบวิชาชีพดังต่อไปนี้
(๑) สอบไล่ได้ตามหลักสูตรของสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา และ
(๒) มีคุณวุฒิอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
(ก) สอบไล่ได้ปริญญาหรือประกาศนียบัตรทางกฎหมายจากต่างประเทศ โดยมีหลักสูตรเดียวไม่น้อยกว่าสามปี ซึ่ง ก.ต. เทียบไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือสอบไล่ได้ปริญญาเอกทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ซึ่ง ก.ต. รับรอง
(ข) สอบไล่ได้ปริญญาหรือประกาศนียบัตรทางกฎหมายจากต่างประเทศ โดยมีหลักสูตรเดียวไม่น้อยกว่าสองปีหรือหลายหลักสูตรรวมกันไม่น้อยกว่าสองปี ซึ่ง ก.ต. เทียบไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี และได้ประกอบวิชาชีพตามที่ระบุไว้ในมาตรา ๒๗ (๓) เป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
(ค) สอบไล่ได้ปริญญาโททางกฎหมายจากมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ซึ่ง ก.ต. รับรอง และได้ประกอบวิชาชีพตามที่ระบุไว้ในมาตรา ๒๗ (๓) เป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี
(ง) เป็นนิติศาสตรบัณฑิตชั้นเกียรตินิยมและได้ประกอบวิชาชีพเป็นอาจารย์ในคณะนิติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยของรัฐเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี
(จ) เป็นนิติศาสตรบัณฑิตและเป็นข้าราชการศาลยุติธรรมที่ได้ประกอบวิชาชีพทางกฎหมายในตำแหน่งตามที่ ก.ต. กำหนดเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหกปี และเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมรับรองว่ามีความซื่อสัตย์สุจริต มีความรู้ความสามารถดีและมีความประพฤติดีเป็นที่ไว้วางใจว่าจะปฏิบัติหน้าที่ข้าราชการตุลาการได้
(ฉ) สอบไล่ได้ปริญญาโทหรือปริญญาเอกในสาขาวิชาที่ ก.ต. กำหนด และเป็นนิติศาสตรบัณฑิต และได้ประกอบวิชาชีพตามที่ระบุไว้ในมาตรา ๒๗ (๓) หรือได้ประกอบวิชาชีพตามที่ ก.ต. กำหนดเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามปี หรือ
(ช) สอบไล่ได้ปริญญาตรีหรือที่ ก.ต. เทียบไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีในสาขาวิชาที่ ก.ต. กำหนด และได้ประกอบวิชาชีพตามที่ ก.ต. กำหนดเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบปี จนมีความรู้ความเชี่ยวชาญในวิชาชีพนั้นและเป็นนิติศาสตรบัณฑิต
ให้ ก.ต. มีอำนาจออกระเบียบกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพตาม (๒) (จ) (ฉ) และ (ช) ด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสมัครทดสอบความรู้ให้เป็นไปตามระเบียบที่ ก.ต. กำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ขณะที่ ในระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมว่าด้วยการสมัครและการทดสอบความรู้ เพื่อบรรจุเป็นข้าราชการตุลาการในตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา พ.ศ. 2545
กำหนดไว้ชัดเจน ใน หมวด 2 เรื่องคุณวุฒิและเงื่อนไขในการประกอบวิชาชีพ หลายข้อ อาทิ
- ผู้สมัครตามความในมาตรา ๒๘ (๒) (ก) (ข) หรือ (ค) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๔๓ ต้องได้ศึกษาและสอบไล่ได้ในวิชากฎหมาย ต่อไปนี้จากต่างประเทศหรือในการศึกษาปริญญาโททางกฎหมายในประเทศไทย แล้วแต่กรณีด้วย คือ
(๑) กฎหมายอาญา
(๒) กฎหมายแพ่ง ซึ่งพอเทียบได้กับลักษณะใดลักษณะหนึ่งในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ รวม ๔ วิชา หรือกฎหมายแพ่ง ซึ่งพอเทียบได้กับลักษณะใดลักษณะหนึ่งในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎหมายพิเศษตามที่ระบุท้ายระเบียบนี้ รวมกันแล้วไม่น้อยกว่า ๔ วิชา และ
(๓) กฎหมายลักษณะพยานหลักฐาน หรือกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หรือกฎหมายล้มละลายผู้สมัครที่ได้ศึกษาและสอบไล่ได้ตามหลักสูตรการศึกษากฎหมายดังต่อไปนี้ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องศึกษาวิชากฎหมายตามวรรคหนึ่ง
ทั้งนี้ หากพิจารณาในข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง จะพบว่า อำนาจการรับรองหลักสูตรการเรียนการสอน หลักสูตรปริญญาโททางกฎหมาย ในการสมัครสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา จะต้องผ่านการรับรองจาก กต. เป็นผู้ชี้เป็นชี้ตาย
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่มติ กต.เรื่องนี้ ถูกเผยแพร่ออกไป
มีการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวในมหาวิทยาลัย ที่เปิดสอนหลักสูตรนี้ ว่า แม้ในการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยจะมีปัญหาจริง แต่บางมหาวิทยาลัย ถูกวินิจฉัยโดยการตั้งเกณฑ์ที่ไม่เคยมีการกำหนดมาก่อน และอ้างว่า กต. มีอำนาจอิสระในการใช้ "ดุลพินิจ" และบอกว่าเกณฑ์มาตรฐาน สกอ. คือเกณฑ์มาตราฐานขั้นต่ำ เป็นผลให้บางสถาบันแม้ทำตามกฎระเบียบ สกอ (รวมถึงเกณฑ์อื่นๆ ที่ กต. เคยประกาศเป็นทางการไว้) และได้รับการรับรองหลักสูตร จาก สกอ และ กพ.
แล้ว ต้องถูกพิจารณาไม่รับรองด้วยเรื่องทำนองนี้ ในการพิจารณาครั้งนี้
ดังนั้นต่อไปอาจกลายเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่าง 2 องค์กรที่มีอำนาจดูแลสถาบันการศึกษา คล้ายกับ conflict ระหว่าง สกอ กับ สภาวิชาชีพ ที่เคยเกิดขึ้น
"วันนี้หลายสถาบันที่เขาทำถูกต้องตามเกณฑ์ สกอ. แต่ไม่ผ่านเกณฑ์ใหม่ที่ไม่เคยประกาศเป็นทางการของ กต. เกิดความเสียหายด้านชื่อเสียงโดยไม่เป็นธรรม"
แหล่งข่าวรายนี้ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า กรณีตามที่กล่าวอ้างไปเป็นผลให้ต้องพิจารณาว่า แท้จริงแล้วมาตราฐาน ศักดิ์และสิทธิของปริญญายังคงมีอยู่ โดยเฉพาะสถาบันที่ไม่ผิดตามเกณฑ์ สกอ. (แม้ไม่ได้สิทธิให้บัณฑิตมีสิทธิเข้าสอบผู้ช่วยฯ ในสนามเล็กก็ตาม)
เพราะเรื่องนี้ กำลังจะกลายเป็นการดำเนินการ 2 มาตรฐาน ระหว่าง กต.และ สกอ.
ขณะที่มาตรฐานของ สกอ. กลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำที่ กต. ไม่รับรอง ??