- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- สารพัดกำลังใจ! ปรากฏการณ์แห่โพสต์รูป“สมชัย-วันชัย”วันพ้นไทยพีบีเอส
สารพัดกำลังใจ! ปรากฏการณ์แห่โพสต์รูป“สมชัย-วันชัย”วันพ้นไทยพีบีเอส
สารพัดกำลังใจ ปรากฏการณ์ประชาชน-นักวิชาการ-นักกิจกรรม แห่โพสต์ภาพ “สมชัย สุวรรณบรรณ-วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์” หลังถูกปลดพ้นไทยพีบเอส
กลายเป็นที่ฮือฮากันชั่วข้ามคืน !
สำหรับคำสั่งของคณะกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอส มีมติเอกฉันท์ “ปลดฟ้าผ่า” นายสมชัย สุวรรณบรรณ ผอ.สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
โดยระบุเหตุผลหลัก ๆ ไว้ 3 ข้อ คือ 1.กระทำผิดสัญญาจ้างเรื่องการปฏิบัติงานตามแผนงานที่ได้รับความเห็นชอบให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนด และการจัดทำรายงานแสดงผลการปฏิบัติงานเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายฯทุกสามเดือน
2.ไม่ปฏิบัติตามระเบียบของ ส.ส.ท. และมติของคณะกรรมการนโยบายฯ และ 3.ไม่สามารถกำกับ ดูแล และติดตามให้ฝ่ายบริหารปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ขององค์การอย่างมีสัมฤทธิผล เพื่อพร้อมรับการแข่งขันและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการนโยบายฯ ได้แต่งตั้ง นางพวงรัตน์ สองเมือง ผู้อำนวยการสำนักรายการ ให้รักษาการ ผู้อำนวยการ ส.ส.ท. จนกว่าการดำเนินการสรรหา ผู้อำนวยการ ส.ส.ท. คนใหม่จะแล้วเสร็จอีกด้วย
นอกเหนือไปจากนายสมชัยแล้ว บรรดารองผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ที่พ้นตำแหน่งตามไปมี 3 ราย คือ นายมงคล ลีลาธรรม นายสุพจน์ จริงจิตร และนายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์
(อ่านประกอบ :ตั้ง“พวงรัตน์”รักษาการ ผอ.ไทยพีบีเอส-มติเอกฉันท์ปลด“สมชัย”พ้นเก้าอี้)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ภายหลังนายสมชัย และนายวันชัย ถูกมติคณะกรรมการนโยบายฯ ปลดให้พ้นตำแหน่งในสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสไปแล้ว ได้เกิดปรากฏการณ์บรรดาประชาชน-นักวิชาการ-นักกิจกรรม-นักศึกษา เข้ามาโพสต์ภาพพร้อมข้อความประกอบ “ให้กำลังใจ” ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายสมชัย และนายวันชัย เป็นจำนวนมาก (ดูภาพประกอบ)
เฟซบุ๊กนายสมชัย
เฟซบุ๊กนายวันชัย
(ดูภาพอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ทีเฟซบุ๊ก Somchai Suwanban และ Vanchai Tantivitayapitak)
นอกจากนี้ยังมีบรรดานักวิชาการสื่อ เช่น นายจักร์กฤษ เพิ่มพูล อดีตประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เขียนข้อความในเว็บไซต์เฟซบุ๊กส่วนตัวให้กำลังใจนายสมชัยตอนหนึ่งว่า นี่คงไม่ใช่เรื่องความผิดพลาดในแง่ตัวบุคคล แต่เป็นความผิดพลาดและความเลวร้ายของระบบ ซึ่งเอาคนที่ไม่เข้าใจงานสื่อมวลชน มาตัดสินวิชาชีพสื่อ ร้ายกว่านั้นก็คือไม่มีความกล้าหาญเพียงพอที่จะปกป้องความเป็นอิสระของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสไม่ว่าความไม่กล้าหาญนั้น จะมาจากการสยบยอมต่อผู้มีอำนาจที่พยายามแทรกแซงชี้นำงานของไทยพีบีเอสตลอดมาหรือไม่ก็ตาม อย่างไรก็ตามต้องฟังความทั้ง 2 ด้าน คณะกรรมการนโยบายฯอาจมีเหตุผลที่มีมติเอกฉันท์ในการเลิกจ้างนายสมชัย ในขณะที่นายสมชัยก็ต้องเลือกวิธีการพิสูจน์ความจริงที่ชัดเจนและสังคมยอมรับได้
“เรื่องของคุณสมชัยไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล แต่มันคือการยืนยันหลักการความเป็นอิสระของสื่อสาธารณะ อันเป็นหมุดหมายสำคัญของการปฏิรูปสื่อ สมาคมวิชาชีพสื่อที่เกี่ยวข้องไม่อาจนิ่งดูดายและปล่อยให้คุณสมชัยต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว หากสิ่งนั้นคือการต่อสู้เพื่อความเป็นอิสระของไทยพีบีเอสอย่างแท้จริง”
ขณะเดียวกัน นายสมเกียรติ อ่อนวิมล นักวิชาการด้านสื่อมวลชน ได้เขียนข้อความให้กำลังใจนายสมชัย ผ่านเฟซบุ๊กของตัวเองว่า "เหตุผลที่ผอ.ไทยพีบีเอส สมชัย สุวรรณบรรณ ถูกปลดขอชื่นชมในความเป็นมืออาชีพสื่อสารมวลชนของคุณสมชัยและเศร้าใจต่อความรุนแรงจากกรรมการนโยบาย ภายใต้การนำของผู้เป็นมืออาชีพเหมือนกันแต่เป็นอาชีพอื่น" อีกด้วย
สำหรับกรณีนี้ นายสมชัย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “เข้มข่าวค่ำ” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ PPTV ตอนหนึ่ง ระบุว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ผอ.ไทยพีบีเอส เกิดจากกรณีอนุมัติโครงการเน็ตเวิร์คดิจิตัล หรือ “มัค” ที่มีวงเงินเกิน 50 ล้านบาท ซึ่งไทยพีบีเอสทำกับ กสทช. ให้บริการพื้นที่ถ่ายทอดติดตั้งอุปกรณ์คลื่นสัญญาณโทรทัศน์ดิจิตัล และขั้นตอนการอำนวยความสะดวก ซึ่งกระบวนการนี้ยังไม่จบ ทำไมถึงเป็นประเด็นในการเลิกจ้าง นี่เป็นคำถาม เพราะยังไม่มีโอกาสได้ชี้แจง
ส่วนนายวันชัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “ชีวิตสี่ปีกว่ากับทีวีสาธารณะ ตื่นเต้น เร้าใจ. จนนาทีสุดท้าย รู้สึกโปร่งโล่งเบา ชีวิตก็เท่านี้แหละ”
(อ่านประกอบ :ฟังจากปาก! “สมชัย สุวรรณบรรณ”ไฉนถูกปลดพ้นเก้าอี้ ผอ.ไทยพีบีเอส)
อย่างไรก็ดีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับการยืนยันข้อมูลเป็นทางการจากคนในไทยพีบีเอส ถึงเหตุผลหลักจริง ๆ ที่ทำให้คณะกรรมการนโยบายฯ มีมติเอกฉันท์ให้เลิกสัญญาจ้างนายสมชัย คือ เรื่องที่ไม่ส่งรายงานผลการประเมินทุก 3 เดือน ต่อคณะกรรมการนโยบายฯ มาเป็นระยะเวลาปีกว่าแล้ว ทั้งที่อยู่ในเงื่อนไขสัญญาที่ต้องปฏิบัติ
ส่วนกรณีการอนุมัติโครงการที่มีวงเงินเกิน 50 ล้านบาท โดยไม่ได้รับอนุมัติจากกรรมการนโยบายถึง 4 ครั้ง เป็นเพียงประเด็นรองเท่านั้น
และผลดังกล่าวทำให้หลายคนถึงกับ “ช็อค” เพราะไม่นึกว่าจะออกมาในรูปการนี้ !
(อ่านประกอบ :เบื้องหลัง! คำสั่งปลดฟ้าผ่า "สมชัย สุวรรณบรรณ" ช็อคคนไทยพีบีเอส)
ท้ายสุด ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ต้องรอให้ไทยพีบีเอสออกมาชี้แจงรายละเอียดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง