- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- “เพื่อไทย”รุกสงครามออนไลน์ เชิด “โอ๊ค-พานทองแท้”นำทัพ
“เพื่อไทย”รุกสงครามออนไลน์ เชิด “โอ๊ค-พานทองแท้”นำทัพ
สปอตไลท์สาดลำแสงพุ่งตรงไปยัง โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร ปรากฏเงาตะคุ่มทะมึนอยู่รายรอบ
พลันที่พรรคเพื่อไทยระดมสรรพกำลัง ประกาศตัวเข้าสู่สงคราม “ออนไลน์” เต็มรูปแบบ เงาขมุกขมัวเหล่านั้นชัดแจ้งตามลำดับช่วยสำทับการมีตัวตนอยู่จริง
ก่อนหน้านี้ บทบาททางการเมืองของ “โอ๊ค-พานทองแท้” เรียกได้ว่ากระจัดกระจายไร้ทิศทาง ที่ผ่านมาท่าทีของ “โอ๊ค” เป็นที่รับรู้ของสังคมด้วยมีสถานะทายาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เท่านั้น
แต่นาทีเปลี่ยนไป ... ชื่อของ “โอ๊ค-พานทองแท้” ได้ก้าวเข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว บทวิพากษ์ต่ออุบัติการณ์มีความแหลมคมทันเกม จังหวะรุก-รับ-ตอบโต้ เสมือนหนึ่งมืออาชีพผู้คร่ำหวอดฝังตัวอยู่ในวงการการเมืองเป็นเวลานาน
"ผมลองทานแล้วอร่อยมาก และราคาเพียง 30 บาท ที่น่าสนใจและอาจเป็นประเด็นการเมืองเล็กน้อยคือ ร้านนี้อยู่หน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็เหลือเชื่อ ของดีราคาถูกอยู่ใกล้ๆ กลับไม่มีใครพูดถึง พูดกันแต่แพงๆ"
“ผ่านมาจนถึงวันนี้ 80 ปีแล้ว ที่คณะราษฎร์ ได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ แต่ประเทศไทยของเรา ยังใช้รัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นผลพวงของเผด็จการอยู่เลย”
“คนที่ผมพูดถึงนี่เป็นถึงผู้ใหญ่ในพรรคฯ นะครับ อุตส่าห์ไปทำบุญวันเกิดที่วัดกันใหญ่โต แทนที่จะเริ่มต้นชีวิตดี ๆ พูดถึงแต่สิ่งดี ๆ ด้วยการระลึกถึงพระคุณบิดามารดา พระสยามเทวาธิราช พระแม่ธรณีบีบมวยผม อะไรก็ว่าไป เผื่อท่านจะได้ช่วยให้ชนะเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาลนอกค่ายทหารกับเขามั่ง กลายเป็นว่า แว้งกลับมาด่าคุณพ่อผม แถมพาลมาข่มขู่ ถึงลูก ถึงหลาน”
ทุกข้อความทาง “ทวิตเตอร์” ของ @oak_ptt กลายเป็นข่าว
ทุกถ้อยแถลงผ่าน “เฟซบุ๊ค” ของ "Oak Panthongtae Shinawatra" ถูกนำไปขยายผลทางการเมือง
เกิดเป็นข้อเคลือบแคลง ... “โอ๊ค–พานทองแท้” ตกผลึกทางความคิดและสะท้อนตัวตนตามเจตจำนงค์ของตัวเอง หรือเขาผู้นั้นเป็นเพียง “หุ่นเชิด” ที่กำลังถูกชักใย
มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งคำถามว่า ตัวตนในเฟซบุ๊คของ “โอ๊ค” มีนักข่าวแก่ตกงานอยู่เบื้องหลังเป็นผู้ร่างบทให้ใช่หรือไม่ สำหรับเหตุผลที่ทำให้ “มัลลิกา” เชื่อเช่นนั้น เนื่องจากสามารถจับโกหกผ่านการใช้ภาษา คำเชื่อม คำส่อเสียด ซึ่งล้วนแต่เป็นสำนวนคนในวงข่าวการเมืองแทบทั้งสิ้น
ด้าน รท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ยอมรับกับ “สำนักข่าวอิศรา” ว่า มีทีมงานมืออาชีพคอยเป็นที่ปรึกษาให้ “โอ๊ค” ต่อการกำหนดประเด็นสื่อสารผ่านเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์จริง
“ต้องยอมรับว่าสังคมและสื่อมวลชนให้ความสำคัญกับคุณพานทองแท้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีทีมงานคอยกลั่นกรองข้อมูล นั่นเพราะคุณพานทองแท้จะต้องรับผิดชอบกับทุกตัวอักษร เขาไม่ใช่เด็ก เขาเป็นถึงผู้บริหารขององค์กรใหญ่ ถามว่าแปลกหรือที่จะมีทีมที่ปรึกษาเฉพาะด้านที่เป็นมืออาชีพ มันสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจจริงมากกว่า”
ผู้หมวดรายนี้ ให้ข้อมูลอีกว่า สำหรับข้อมูลที่ “โอ๊ค” ใช้สื่อสารออกไปได้รับจากบุคคลระดับสูงที่ยังรักและเคารพ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการผิดพลาดของพรรคประชาธิปัตย์ ที่สำคัญ “โอ๊ค” ได้เลือกแล้วที่จะออกมายืนในจุดนี้ แม้ว่าจะต้องเจอกับแรงเสียดทานแต่ท้ายที่สุดก็จะผ่านพ้นไปได้
ความข้างต้น สะท้อนภาพอย่างชัดเจน 1.จากนี้ “โอ๊ค” จะเปิดหน้าชกเต็มตัว 2.ข้อมูลที่ได้รับการเผยแพร่จาก “โอ๊ค” จะมีมิติตรวจสอบมากกว่าเพียงตอบโต้ทางการเมือง 3.ทุกข้อความที่จะนำมาถ่ายทอดผ่านการพิจารณาจากทีมยุทธศาสตร์แล้ว
สอดรับอย่างถูกเหลี่ยมกับยุทธศาสตร์ใหม่ของพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ ภูมิธรรม เวชยชัย ผู้อำนวยการพรรค ที่เห็นความสำคัญในการเปิดแนวรบใหม่ไปยังกลุ่มเป้าหมายทางการเมืองใหม่
“สื่อออนไลน์มีบทบาทสำคัญทางการเมือง สิ่งที่เกิดในโลกไซเบอร์ส่งผลกระทบและสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงต้องให้ความสำคัญอย่างสูงกับกลุ่มคนที่เป็นแนวร่วมกับพรรค ต้องให้ความผูกพันธ์มากกว่าการเป็นเพียงสมาชิกพรรค ท้ายที่สุดคนเหล่านี้จะช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับพรรคเพื่อไทย” คือแนวคิดหลักของผู้อำนวยการพรรค ก่อนนำไปสู่การจัดตั้งกองทัพ “นักรบไซเบอร์” ในที่สุด
แน่นอนว่า “โอ๊ค” ก็เป็นหนึ่งใน “นักรบไซเบอร์” ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกกว่า 100 คน
สำหรับ “นักรบไซเบอร์” ทั้งหมดเป็นกลุ่มคนที่มีชื่อเสียงมีพื้นที่และมีอุดมการณ์สนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่ในโลกไซเบอร์อยู่แล้ว ทีมงานพรรคเพื่อไทยจึงได้ติดต่อเข้าไปทางเว็บไซต์ เว็บบอร์ด เพื่อเชิญให้มาร่วมงาน โดยคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่แตกต่างไปจากมวลชนหลักของพรรคเพื่อไทย
“นักรบไซเบอร์เป็นแนวร่วม ไม่ใช่ลูกน้องหรือผู้ที่ต้องมารับคำสั่งจากพรรคเพื่อไทย คนกลุ่มนี้มาด้วยความสมัครใจและมีอุดมการณ์เดียวกับพรรค ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการสื่อสารหรือกระจายประเด็นออกไปทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์” หมวดเจี๊ยบอธิบายหลักการ
เธอ บอกอีกว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยเคยพูดถึงการเปิดแนวรบด้านนี้มาอย่างยาวนาน แต่ด้วยสถานการณ์ที่เหมาะสมคือถูกรุกไล่จากซีกของพรรคฝ่ายค้านด้วยการใส่ความ-บิดเบือนข้อมูลอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้ “ทีมโฆษก” ซึ่งมีหน้าที่ชี้แจง-ตอบโต้ ไม่สามารถแบกรับภาระได้ทั้งหมด นักรบไซเบอร์จึงเป็นรูปธรรมแรกที่เกิดขึ้น
“นอกเหนือจากกลุ่มคนภายนอกแล้ว ล่าสุดทราบว่าผู้อำนวยการพรรคเตรียมนำประเด็นการปรับตัวของส.ส.ในโลกออนไลน์เข้าที่ประชุม และขณะนี้มีส.ส.ระดับแกนนำพรรคเตรียมที่จะเปิดตัวเว็บไซต์ของตัวเองอีกหลายเว็บด้วย” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุ และยอมรับว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะให้ส.ส.ทุกคนมาใช้ช่องทางการสื่อสารทางออนไลน์ เพราะธรรมชาติของคนต่างกัน แต่พรรคพร้อมที่จะสนับสนุนเทคโนโลยีและความรู้ให้ตามความต้องการ
ขณะที่แนวร่วมคนสำคัญอย่าง สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด วิเคราะห์การทำสงครามออนไลน์ของพรรคเพื่อไทยไว้อย่างน่ารับฟัง
“ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าในอนาคตอันใกล้การสื่อสารทางตรงระหว่างนักการเมืองกับประชาชนจะกลายมาเป็นช่องทางหลัก แต่ที่ผ่านมาน่าแปลกใจมากที่พรรคเพื่อไทยไม่มียุทธศาสตร์ด้านโซเชียลมีเดียร์เลย ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์มีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วรุนแรงตรงเป้าหมาย โดยเฉพาะบุคคลระดับแกนนำพรรคที่ลงมาสื่อสารทางตรงกับประชาชนด้วยตัวเอง เช่น คุณอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ) คุณกรณ์ (จาติกวณิช) รวมไปถึงทีมโฆษกอย่างคุณเทพไท (เสนพงศ์) และคุณมัลลิกา”
เรื่องนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาอย่างยาวนานในโลกไซเบอร์ นั่นเพราะแนวร่วมกลุ่มหนึ่งเห็นว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เขาเหล่านั้นกลับต้องมาช่วยปกป้องพรรค กลายเป็นพรรครอให้แต่มวลชนมาปกป้อง ทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทยหรือรัฐบาลควรที่จะเปิดช่องทางชี้แจงด้วยตัวเอง
“อย่างไรก็ตาม เมื่อพรรคเพื่อไทยเริ่มแนวคิดที่จะสร้างวัฒนธรรมการสื่อสารใหม่ขึ้น ผมก็มีโอกาสได้เข้าไปร่วมด้วย คือได้ไปล็อบบี้ให้ส.ส.ในสายที่สนิทกันให้เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือเป็นสมาร์ทโฟนเพื่อพร้อมทำการสื่อสารทั้งหมด นั่นทำให้รู้ปัญหาว่าพรรคเพื่อไทยมีบุคคลหลายรุ่นอายุ จึงยังเมาหมัดเรื่องเทคโนโลยีอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครหนีพ้นที่จะต้องใช้มัน ท้ายที่สุดก็ต้องเรียนรู้”
บ.ก.ลายจุด กล่าวต่อไปว่า การสร้างวัฒนธรรมการสื่อสารใหม่ต้องมียุทธศาสตร์ 3 ข้อ เริ่มตั้งแต่ 1.ส.ส.ทุกคนรวมไปถึงผู้ช่วยส.ส.ทุกคนจะต้องมีอุปกรณ์คือโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ต้องมีความรู้เรื่องการสื่อสารผ่านแอปพิเคชั่น ต้องรู้จักการใช้ 2 ช่องทางหลักคือเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ จากนั้น 2.พรรคเพื่อไทยต้องสร้างทีมงานขึ้นมาสำหร้บจัดทำข้อมูลให้เป็นระบบ ให้ง่ายต่อการสืบค้นเพื่อนำไปเผยแพร่หรือใช้อ้างอิง 3.หาช่องทางเชื่อมโยงกับเครือข่ายที่มีอยู่ภายนอกซึ่งจะช่วยขยายผลให้เกิดผลกระทบมากที่สุด
“แนวร่วมแต่ละคนมีพื้นที่และเป็นที่ยอมรับในโลกไซเบอร์ว่ามีตัวตนอยู่แล้ว แต่ละคนก็ใส่ไม่ยั้ง ผมมีโอกาสได้คุยกับตัวเจ็บๆ ในโลกไซเบอร์ ส่วนใหญ่ก็ตรงกันหมดว่าที่ผ่านมามีแต่การวิเคราะห์สถานการณ์ แต่ไม่เคยพูดกันในเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยต้องจัดทำ”
เขา เสนอว่า พรรคเพื่อไทยควรเริ่มจากการจัด ส.ส.หรือแกนนำพรรคสัก 8-10 คน เป็นแนวหน้า จากนั้นก็ให้เชิญเครือข่ายทั้งหมดเข้าไปจิบกาแฟพูดคุยกันอย่างสม่ำเสมอ จากนั้นเครือข่ายที่มีพื้นที่อยู่แล้วเหล่านี้จะนำสารเหล่านั้นไปเผยแพร่ต่อ หัวใจคือความสม่ำเสมอ
สำหรับบทบาทของ “โอ๊ค-พานทองแท้” สมบัติ ย้อนให้ฟังว่า ในงานเสวนาที่พรรคเพื่อไทยจัดขึ้นและจัดตั้งนักรบไซเบอร์นั้น ไม่มีใครทราบเลยว่า “โอ๊ค” จะมาร่วมด้วย แต่เมื่อการประชุมดำเนินไปสักครึ่งทาง “โอ๊ค” ก็เดินเข้ามาเซอร์ไพร้ ทุกคนตกใจและปรบมือต้อนรับ วันดังกล่าว “โอ๊ค” ได้แบ่งปันประสบการณ์และสิ่งที่ประสบภายหลังที่ได้สื่อสารออกไป “โอ๊ค” ยอมรับว่าจุดเริ่มต้นจริงๆ คือการโพสต์เรื่องข้าวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จากนั้นก็ถูกลากไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้
“ส่วนตัวผมมองว่าคุณโอ๊คเล่นเป็น รู้จักวางตัว รู้ว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะ ผมว่าเขาเข้าใจธรรมชาติของสื่อออนไลน์ ข้อดีที่คนตัวใหญ่ลงมาเล่นเองคือสร้างพลังได้มากแต่สิ่งสำคัญคือพลาดไม่ได้” สมบัติ เห็นเช่นนั้น
เขา ย้ำว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าใจธรรมชาติของสื่อออนไลน์ ปล่อยให้เป็นธรรมชาติ ไม่ควรจัดตั้งให้เป็นทางการเพราะจะแข็ง ไม่ควรมีการรวมศูนย์ข้อมูลไว้ที่ใครคนหนึ่งแล้วให้เครือข่ายมีหน้าที่เพียงแค่กระจายสาร เพราะจะทำให้ไม่เกิดประสิทธิภาพ
“สำนักข่าวอิศรา” ตรวจสอบเชิงลึกถึงยุทธศาสตร์ที่แท้จริงของพรรคเพื่อไทย ทำให้ทราบว่าแนวคิดดังกล่าวเริ่มต้นจาก พ.ต.ท.ทักษิณ มีแนวคิดให้จัดตั้งวอร์รูมเพื่อตอบโต้ทางการเมืองขึ้น 5 วอร์รูม โดยหนึ่งในนั้นคือวอร์รูมด้าน “ออนไลน์” และให้ “ภูมิธรรม” เป็นคนดูแล
ทีมยุทธศาสตร์ประเมินแล้วว่า “อภิสิทธิ์” สามารถสร้างการรับรู้และผลกระทบทางการเมืองได้ด้วยการ “ทวิต” ข้อความเพียงสั้นๆ ทีมยุทธศาสตร์จึงเลือก “โอ๊ค” มารับบทบาทศูนย์กลาง เนื่องด้วยเป็นตัวแทนโดยตรงของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยได้กำหนดบุคลิกให้ “โอ๊ค” ใช้วาทศิลป์ที่แข็งกร้าว-ดุดัน-ตรงประเด็น
ขณะเดียวกัน มีการประเมินต่อไปว่า “โอ๊ค” คนเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการสื่อสาร จึงได้รวบรวมเครือข่ายแล้วจัดตั้งเป็น “นักรบไซเบอร์” ขึ้นมา สำหรับวิธีการสื่อสารจะมีการประชุมวอร์รูมเพื่อประเมินสถานการณ์เป็นรายวัน จากนั้นจะกำหนดประเด็นที่ต้องสื่อสาร
ทันทีที่ “โอ๊ค” ทวิตเตอร์ออกมาไม่ว่าประเด็นใดก็ตาม “นักรบไซเบอร์” จะช่วยกันขยายผลด้วยการรีทวิต หรือกระจายสารไปยังเว็บไซต์-เว็บบอร์ดชั้นนำ อาทิ พันธุ์ทิพย์ โกซิก หรือไทยซีนิวส์ พร้อมกันนี้หากพรรคประชาธิปัตย์โจมตีในประเด็นใด ก็จะมีการกำหนดประเด็นตอบโต้ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด
เรียกได้ว่า “เพื่อไทย” ได้เข้าสู่สงครามไซเบอร์อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
