logo isranews

logo small 2

เช็คพันใบ 9.6 หมื่นล.! มัดคดีข้าวจีทูจีรอบใหม่ส่อเก๊-ป.ป.ช.สาวลึกบิ๊กเอกชน

เขียนวันที่
วันพฤหัสบดี ที่ 15 ตุลาคม 2558 เวลา 15:52 น.
เขียนโดย
isranews

แคชเชียร์เช็ค 1,822 ใบ วงเงิน 9.5 หมื่นล้าน หลักฐานมัดคดีระบายข้าวจีทูจีรอบใหม่ส่อเก๊ ป.ป.ช. ยันมีการขนข้าวขายในประเทศ สาวลึกบิ๊กเอกชน

PIC prasartt 15 10 58 1

นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการไต่สวนกรณีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) รอบใหม่ กับบริษัทจีน 4 แห่ง โดยมิชอบ มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และนางปราณี ศิริพันธ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นผู้ถูกกล่าวหาว่า จากการไต่สวนเบื้องต้นทำให้เห็นข้อพิรุธ หรือมูลของการกระทำผิดนั้น ๆ เนื่องจากบริษัทจีน 4 แห่งดังกล่าว ไม่ใช่ตัวแทนจากรัฐบาลจีนจริง แต่เป็นการแอบอ้าง ซึ่งคล้ายมากกับกรณีระบายข้าวแบบจีทูจีที่ ป.ป.ช. เคยชี้มูลความผิดไปแล้ว

นายประสาท กล่าวอีกว่า ได้ขอเอกสารจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) ในส่วนของการทำสัญญาซื้อขายข้าวของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่ง ป.ป.ช. ได้รับ และมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อตรวจสอบรายละเอียดและความถูกต้องในการอนุมัติ การเจรจา สัญญาซื้อขายข้าวดังกล่าว ทั้งนี้พบเอกสารที่เกี่ยวกับการชำระหนี้ ที่ไม่ได้มีการขายข้าวส่งออกต่างประเทศจริง แต่กลับมีการซื้อขายข้าวภายในประเทศไทย โดยเป็นแคชเชียร์เช็ค 1,822 ใบ วงเงินกว่า 96,390 ล้านบาท ทำให้ต้องดำเนินการสอบพยานบุคคลผู้แทนปลัดกระทรวงพาณิชย์ และผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

“ที่ยากคือเราจะคัดแยกอย่างไร แคชเชียร์เช็ค 1,822 ใบที่ได้มา ที่ผู้ที่ประกอบอาชีพค้าข้าวได้ออกเช็คไว้ในนามของกรมการค้าต่างประเทศ เราจะแยกธนาคาร สาขา เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง เพื่อจะได้รู้ว่าใครเกี่ยวโยงกับแคชเชียร์เช็คอย่างไร มีที่มาที่ไปอย่างไร ต้องติดต่อธนาคารและผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความเกี่ยวข้องกับบริษัทจีนทั้ง 4 แห่ง ว่ามีการโยงใยกับกรณีระบายข้าวล็อตแรกหรือไม่ อย่างไร แต่เราทราบพอสมควรว่า มันมีความโยงใยกันพอสมควร ตรงนี้เป็นหัวใจสำคัญที่จะทราบได้ว่า เป็นขบวนการเดียวกันทั้งหมดจริงหรือไม่” นายประสาท กล่าว

นายประสาท กล่าวด้วยว่า ที่น่าสังเกตคือกระทรวงพาณิชย์ได้ประสานงานหารือมาว่า มีเงินค่าชำระข้าวในกรณีนี้อยู่ประมาณ 1.5 พันล้านบาท จะต้องทำอย่างไรกับเงินในส่วนนี้ เพราะมีการร้องขอมาว่า ให้คืนเงินกับบริษัทเอกชนไป หรือไม่ก็ต้องขายข้าวเขาไป ตรงนี้ถือเป็นการบ้านข้อใหญ่ที่เรากำลังตรวจสอบว่าแคชเชียร์เช็ค กับเงินจำนวน 1.5 พันล้านบาท เกี่ยวข้องหรือไม่กับบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง นี่คือที่สืบข้อมูลมาได้ระดับหนึ่ง ถ้าพบว่าเกี่ยวข้องจะได้ทำการยึดหรือายัดแคชเชียร์เช็คดังกล่าวต่อไป

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า กรณีนี้เกิดขึ้นภายหลังการไต่สวนคดีของนายบุญทรง กรณีระบายข้าวแบบจีทูจีโดยมิชอบ โดย ป.ป.ช. มีเหตุอันควรสงสัยว่าการเจรจาซื้อขายข้าวแบบจีทูจี ซึ่งมีนางปราณี ศิริพันธ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวเป็นผู้เสนอ และมีนายบุญทรง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ กับ 1.บริษัท Haikou Liangmao Cereals and Oils Trading Co.,Ltd. ปริมาณ 3 ล้านตัน 2.บริษัท Haikou Liangyunlai Cereals and Oils Trading Co.,Ltd. ปริมาณ 2 ล้านตัน 3.บริษัท Hainan Province Land Reclamation Industrial Development ปริมาณ 4 ล้านตัน และ 4.บริษัท Hainan Land Reclamation Commerce and Trade Group Co.,Ltd. ปริมาณ 5 ล้านตันนั้น

ทั้งนี้ บริษัทฯดังกล่าว มิได้เป็นหน่วยงานของรัฐที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจี แต่กระทำไปโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม อันเป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือทุจริตตามกฎหมายอื่น เห็นควรดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 โดยตั้งนายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนฯ และ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นอนุกรรมการไต่สวนฯ

อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ตั้งอนุฯลุยสอบเพิ่ม 4 บริษัทจีนส่อขายข้าวจีทูจีเก๊-“ปราณี”โดนด้วย

 

หมายเหตุ : ภาพประกอบนายประสาท จาก dailynews