logo isranews

logo small 2

ผู้ว่าฯโคราช ตั้งคณะทำงานสอบปมรั้ว บ.อสังหาฯ รุกเขาใหญ่ - เอกชนยันทำถูกต้อง

เขียนวันที่
วันเสาร์ ที่ 29 ตุลาคม 2559 เวลา 19:13 น.
เขียนโดย
isranews

ปมรั้วโครงการอสังหาฯ 'บ.ภูพบฟ้า' รุกเขาใหญ่ 'ผู้ว่าฯ โคราช' ตั้งคณะทำงานฯ สอบข้อเท็จจริง หลังเอกชนร้องขอความเป็นธรรมรองนายกฯ ประวิตร ถูกกรมอุทยานฯ แจ้งจับชง ‘บิ๊กป้อม’ ใน 10 พ.ย. ด้านที่ปรึกษา กม. ผู้ร้องยันไม่รุกล้ำ โฉนดออกโดยชอบ

291059 korat 0

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2559 ที่ผ่านมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงแนวเขตของ บริษัท ภูพบฟ้า จำกัด ว่ารุกล้ำเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่หรือไม่

เนื้อหาคำสั่งสรุปสาระสำคัญว่า

ด้วย บริษัท ภูพบฟ้า จำกัด ได้มีหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กรณีถูกกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แจ้งความดำเนินคดีแก่ผู้ร้อง กล่าวหาว่า โครงการ THE CRESTON HILLS สร้างรั้วโครงการรุกล้ำที่ดินของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราสีมา สาขาปากช่อง ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วยืนยันว่า โฉนดที่ดินของบริษัท ภูพบฟ้าฯ ได้ออกไปโดยชอบ เนื่องจาก ในการออกโฉนดที่ดินและการสอบเขตที่ดินดังกล่าว ผู้แทนของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รับรองแนวเขตที่ดินแล้วว่า ไม่มีการทับ หรือรุกล้ำอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่อย่างใด

แต่ผู้แทนของกรมอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ยืนยันว่า ได้จับค่าพิกัดตามรูปแบบแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พ.ศ.2505 แล้วปรากฎว่า มีการรุกล้ำ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อให้ข้อยุติว่าบริษัท ภูพบฟ้าฯ ได้มีการสร้างรั้วโครงการรุกล้ำแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่หรือไม่ จึงแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง 10 คน ประกอบด้วย

รองผู้ว่าฯ (นายธนพล จันทรนิมิ ) ประธานคณะทำงาน

คณะทำงาน ได้แก่ ผู้แทนกองทัพภาคที่ 2 ,ผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ,ผู้แทนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ,นายอำเภอปากช่อง ,หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ,ผู้แทนบริษัท ภูพบฟ้าฯ ,นายอุดมพร ศิริรักษ์ นายช่างสำรวจชำนาญงาน ส่วนรังวัดแนวเขตที่ดินป่าไม้ สำนักฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ ,เจ้าพนักงานที่ดิน จ.นครราชสีมา คณะทำงานและเลขานุการ และเจ้าพนักงานที่ดิน จ.นครราชสีมา สาขาปากช่อง คณะทำงานและผู้ช่วยเลขานุการ

291059 korat 01

มีรายงานข่าวว่า กรณีนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมาย พล.อ.วิทยา จินตนานุรัตน์ รองหัวหน้าสำนักงานรองนายกฯ เป็นประธานในการประชุมเจ้าหน้าที่ เพื่อพิจารณากรณีดังกล่าว โดยนัดประชุม เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2559 ที่ตึกบัญชาการ 2 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม คือ ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการ จ. นครราชสีมา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ อธิบดีกรมที่ดิน หัวหน้า อุทยานเขาใหญ่ เจ้าพนักงานที่ดิน จ นครราสสีมา ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครราชสีมา

โดยผลการประชุม ให้ จ.นครราชสีมา ไปแต่งตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วย ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง รวมถึง บริษัท ภูพบฟ้าฯ ด้วย ไปหาข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติให้ได้ คณะทำงานที่มีรองผู้ว่าฯ เป็นประธานได้นัดประชุมเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2559 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้สรุปนัดหมายลงตรวจสอบพื้นที่จริงในวันที่ 29 ต.ค.นี้ ที่ด่านทางขึ้นอุทยานฯ เขาใหญ่ ปากช่อง และต้องสรุปผลให้ รองนายกฯ ประวิตร ทราบก่อนวันที่ 10 พ.ย.นี้

บริษัท ภูพบฟ้า จำกัด จดทะเบียนวันที่ 6 สิงหาคม 2551 ทุน 5 ล้านบาท ต่อมา 7 กันยายน 2553 เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 180 ล้านบาท ประกอบธุรกิจค้าอสังหาริมทรัพย์ ที่ตั้งเลขที่ 41 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร ณ วันที่ 30 เมษายน 2559 น.ส.จิณิณ ตระการสืบกุล ถือหุ้นใหญ่และเป็นกรรมการ 

เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 28 ต.ค. 2559 สำนักข่าวอิศราติดต่อไปยังบริษัท ภูพบฟ้าฯ ตามหมายเลขที่แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขอติดต่อ น.ส.จิณิณ ตระการสืบกุล กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ ผู้รับสายสุภาพสตรีคนหนึ่ง แจ้งว่า น.ส.จิณิณ ไม่อยู่ และให้สอบถามกับที่ปรึกษากฎหมายของบริษัทฯ ชื่อ ‘ชยุต’ (ระบุว่าจำนามสกุลไม่ได้) และแจ้งหมายเลขโทรศัพท์ของทนายความ ‘ชยุต’

ต่อมา สำนักข่าวอิศราติดต่อไปยังที่ปรึกษากฎหมายชื่อ ‘ชยุต’ เปิดเผยเบื้องต้นว่า ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ถูกกรมอุทยานฯ แจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนในข้อหาบุกรุก บริษัทฯ เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.นครราชสีมา แม่ทัพภาคที่ 2 และรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร ซึ่งทางรองนายกฯ ได้มีคำสั่งให้ทางผู้ว่าฯ นครราชสีมา ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว

ทนายความของบริษัทฯ ยืนยันสรุปว่า 1.แนวรั้วตั้งอยู่บนพื้นที่โฉนดที่ดินของบริษัทฯ ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิที่ออกถูกต้องโดยชอบด้วยกฎหมาย และ 2.ไม่ได้รุกล้ำแนวเขตของอุทยานฯ แต่อย่างใด