logo isranews

logo small 2

บีบีซีไทย ปกปิดแหล่งข่าวหรือเต้าข่าว?

เขียนวันที่
วันอังคาร ที่ 06 ตุลาคม 2558 เวลา 18:05 น.
เขียนโดย
Kittitouch Chaiprasith
หมวดหมู่
Tags

ล่าสุดหลังจากกระแสเรื่องการ‎เต้าข่าว‬ และการ‎เขียนพาดหัวข่าวดูถูกประเทศฟิจิ‬ จนนำมาสู่กระแสการประนามและร้องเรียน บรรณธิการของบีบีซีไทยต่อสำนักงานใหญ่ ทางบีบีซีไทยได้ออกมาแถลงการ "ตอบโต้" 

bbc th 00

แต่แทนที่จะพูดถึงการกระทำของตนใน 2 เรื่อง ที่โดนสังคมวิพากษ์ อันประกอบไปด้วย

1. กรณีที่บีบีซีไทยลงพาดหัวข่าว (วันที่ 29 กันยายน 2558 เวลา 7:48 pm) ไว้ว่า... "ประยุทธ์เน้นหารือทวีภาคี ประเทศไร้ชื่อเสียงขนาดเล็ก"

ซึ่งเป็นการพาดหัวข่าวในเชิงดูถูก และสบประมาท‬ประเทศฟิจิ‬อย่างรุนแรง เพื่อจงใจจะดิสเครดิตว่าผู้นำไทย "ไม่มีใครคบ" เลยต้องไปหารือกับผู้นำประเทศไร้ชื่อเสียงขนาดเล็ก

สองวันหลังจากนั้น (วันที่ 1 ตุลาคม 2558 เวลา 4:03 am.) บีบีซีไทยคงกลัวจะมีปัญหาตามมา จึงได้แก้หัวข่าวเสียใหม่เหลือเพียง..."ประยุทธ์เน้นหารือทวีภาคีประเทศขนาดเล็ก"

bbc th

(กรุณาดูรูปประกอบหรือจะเข้าไปกดดูที่ Edited ในข่าวนี้ของบีบีซีก็ได้ มันจะแสดงหลักฐานไว้ชัด ว่าตอนแรกบีบีซไทยเขียนหัวข่าวไว้ว่าอะไร)

2. การเขียนข่าวว่ามีการจัดฉาก‬ตกลงให้ผู้นำไทยจับมือกับโอบาม่าทั้งๆที่ผู้นำสหรัฐไม่ยินดีจะจับมือด้วย และแม้สุดท้ายจะให้ถ่ายรูปจับมือด้วย แต่ก็มีเงื่อนไขห้ามเผยแพร่ต่อสาธารณะ โดยบีบีซีไทยอ้างว่า เพราะสาเหตุนี้จึงทำให้มีรูปแต่จากเพียงกล้องมือถือ (https://www.facebook.com/BBCThai/posts/1701424233411943:0)

bbc

ซึ่งในความเป็นจริงปรากฎภาพในสื่อที่มีการถ่ายรูปอย่างเป็นทางการ‬ระหว่างผู้นำไทยกับผู้นำสหรัฐอเมริกาและภรรยา รวมทั้งการจับมือและพูดคุยกันในอีกหลายกรณี
(https://www.facebook.com/swangkarn.somchai/posts/10205012949579487)

ดังนั้นเท่ากับว่าสิ่งที่บีบีซีไทยรายงาน (ไม่สำคัญว่าจะเปิดเผยชื่อผู้เขียนหรือไม่) จึง "ไม่เป็นความจริง" แต่ประการใด

ในกรณีนี้แม้แต่มติชนที่อ้างบีบีซีไทยไป ยังลงข่าวขอโทษต่อสาธารณชนเรียบร้อยแล้ว
(http://www.matichon.co.th/news_detail.phpในขณะที่บีบีซีไทยซึ่งเป็นต้นเรื่องข่าวที่ไร้มูล ยังคงลอยหน้าลอยตา ไม่รับผิดชอบใดๆต่อเรื่องนี้

ซึ่งประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ คือ ไม่เพียงแต่บีบีซีไทยจะเขียนข่าว โดยไม่มีหลักฐานอ้างอิงอะไรประกอบสักอย่าง ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการเต้าข่าว มั่วซั่วขึ้นเอง และ‎ไม่ต้องรับผิดชอบ‬ ต่อสิ่งที่ตนเขียน

ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้คือสิ่งที่สังคมวิพากษ์จรรยาบรรณในการทำงานของกองบรรณาธิการบีบีซีไทย แต่แทนที่บีบีซีไทยจะตอบในกรณีนี้ บีบีซีไทยกลับ‎เบี่ยงเบนประเด็น‬ไปพูดถึงเรื่องการปกปิดแหล่งข่าวแทน

อีกทั้งกรณีที่บีบีซีไทยพยายามจะยกเรื่องการปกปิดแหล่งข่าว‬มาเป็นข้ออ้าง เพื่อ "เบี่ยงเบนประเด็น" (ให้ลืมสองเรื่องหลัก) ก็ถือว่าไม่มีความสมเหตุ-สมผลอยู่ดี

โดยบีบีซีไทยได้อ้างว่า การปกปิดชื่อแหล่งข่าวและผู้เขียนเป็น‎เรื่องปกติ‬ของการรายงานข่าว ซึ่งการอ้างเช่นนั้นของบีบีซีไทยเป็นการ‎พูดความจริงเพียงเสี้ยวเดียว‬เท่านั้น เพราะการไม่เปิดเผยชื่อแหล่งข่าว หรือผู้เขียน หรือการใช้นามแฝงผู้เขียน อาจจะเป็นเรื่องปกติที่ทำกันทั่วไปก็จริง แต่ถึงกระนั้นตามปกติวิสัยของสื่อทั่วไป สือหรือสำนักข่าวเหล่านั้นจะระบุชื่อ‎เจ้าของ‬ ‎บรรณาธิการ‬ หรือผู้รับผิดชอบในการลงข่าว คือแม้จะไม่เปิดเผยตัวตนของแหล่งข่าว แต่ก็ต้องเปิดเผยตัวตนของบรรณาธิการ เพื่อที่จะได้แสดงความรับผิดชอบ‬ (Accountability) ในกรณีที่สำนักข่าวนั้น มีการนำเสนอข่าวที่ผิดพลาดหรือ มีการจงใจบิดเบือนจากความจริง ซึ่งนั่นถือเป็นปกติวิสัยของสื่อที่ดีและมีจรรยาบรรณในการประกอบวิชาชีพ และเป็นปกติวิสัยที่ "สื่อที่ดี" ทั่วโลกพึงเป็น

และตามกฎหมาย‬ทั่วไปแล้ว ถ้าเกิดเนื้อหาข่าวที่ลงมีการหมิ่นประมาทหรือลงข้อความเท็จ แล้วมีการฟ้องร้องกัน กองบรรณาธิการจะต้องเป็นคนรับผิดชอบไม่ว่าจะโดนปรับเงิน หรือ ติดคุก!!

ซึ่งต่างกับที่บีบีซีไทยทำ เพราะไม่มีใครรู้ว่า "ใคร" คือ ผู้รับผิดชอบการลงข่าวของบีบีซีไทย? (จะปกปิดแหล่งข่าวก็ทำไป แต่บก.หรือเจ้าของสื่อนั่นต้องรับผิดชอบ!!!)

การที่บีบีซีไทยยกข้ออ้างเช่นนี้ ในลักษณะเดียวกัน เกิดมีใครรายงานข่าว เต้าข่าวขึ้นมาเอง หรือ จงใจตัดต่อใส่ร้ายว่าบีบีซีไทยลงบทความ "เหยียดหยามชาติพันธุ์" "เหยียดหยามสีผิว" หรือ "สนับสนุนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" หรือเต้าข่าวขึ้นมาว่าบีบีซีรับเงินใครมาเขียนข่าวเพื่อให้
"ทำลายประเทศไทย" และ "ล้มล้างสถาบันกษัตริย์" โดยเล่านิยายลวงโลกออกมาเป็นบทความเสียยืดยาว (แล้วก็อ้าง "แหล่งข่าววงใน" แบบที่บีบีซีไทย+มติชนทำ) แล้วก็กระจายให้สังคมเชื่อในข่าวและหลักฐานเท็จนั้น

สุดท้ายพอบีบีซีไทยจะมาเอาผิด สื่อที่ลงข่าวนั้นก็อ้างว่าเป็น‎ข่าววงใน‬ อ้างว่าไม่สามารถเปิดเผยแหล่งข่าวได้‬ อ้างว่าไม่สามารถเปิดเผยชื่อบรรณาธิการได้‬ และก็ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆเลย เช่นนั้นหรือ?

ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วสื่อแบบนั้น (แบบที่บีบีซีไทยทำ) จะต่างอะไรกับสื่อของกลุ่มก่อการร้าย‬ หรือ‎กองโจร‬ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดแล้วลงข่าวบิดเบือน ใส่ร้ายผู้อื่น โดยไม่ต้องรับต่อสิ่งที่ตนกระทำ? หรือมันจะต่างอะไรกับที่ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ใช้สื่อกระแสหลักอย่าง CNN และ FOX NEWS ให้รายงานว่าประเทศอิรักมีอาวุธชีวภาพร้ายแรง และซัมดัม อูสเซนสมคบคิดกับกลุ่มอัลเคด้า (ทั้งที่ในความเป็นจริงเป็นเรื่องตรงกันข้ามเลย) แต่ภายหลังเมื่อโดนจับได้ว่าเป็นเรื่องไม่จริง ก็เพียงออกมาบอกว่าเป็นการรายงานที่ผิดพลาด (http://www.telegraph.co.uk/…/Iraq-war-the-greatest-intelligโดยไม่รับผิดชอบต่อคนนับแสนนับล้านในอิรักที่ต้องตายในสงครามและลี้ภัยจากสงคราม!!!

ตกลงแล้ว ‪สื่อ‬ คืออะไร? คือคนที่มีอำนาจในการกระจายข้อมูล โดยไม่ต้องสนใจกฎหมายหรือจรรยาบรรณว่า การเขียนข่าวของตนนั้นจะเป็นความจริง หรือโกหกใส่ร้ายบิดเบือนยังไงก็ได้หรือ?

ตกลงแล้ว สื่อเป็น‎อภิสิทธิชน‬ หรือเปล่า? เพราะทำอะไรแล้วก็ไม่ต้องรับผิดชอบ แถมถ้ามีคนประนามการกระทำของสื่อก็จะมาอ้างเรื่อง‎เสรีภาพสื่อ‬อีก

สุดท้าย แทนที่บีบีซีไทยจะตอบคำถาม หรือขอโทษต่อพฤติกรรมของตนใน 2 กรณี

1. พาดหัว ดูถูกประเทศอื่น‬ เพื่อดิสเครดิตผู้นำไทย

2. อ้างว่ามี ข่าววงใน บอกมาว่ามีการจัดฉากจับมือ‬

บีบีซีไทยกลับเบี่ยงประเด็นให้คนไปสนใจเรื่องการไม่เปิดเผยชื่อผู้เขียนบทความ(เท็จ)แทน

กรณีนี้กองบรรณาธิการของบีบีซีไทย คงคิดว่าคนในสังคมไทยนั้น‎โง่เง่า‬ และสามารถถูกหลอกให้ ‎หลงประเด็น‬ได้ง่ายๆ แต่ขอโทษนะครับ คนไทยไม่ได้โง่อย่างที่คุณคิด สิ่งที่คุณทำมันมีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเจน จะแถลงการณ์เพื่อ "เบี่ยงประเด็น" สักเท่าไร มันก็ไม่ช่วยหรอกครับ ซึ่งถ้าพวกคุณไม่อยากให้มีการวิพากษ์การทำงานหรือร้องเรียนเช่นนี้ พวกคุณก็ไม่ควรจะทำพฤติกรรมเสื่อมทราม‬เหล่านั้น ตั้งแต่แต่แรกครับ!!!

 

อ่านประกอบ

บีบีซีไทยชี้แจงเหตุใดจึงไม่เปิดเผยชื่อผู้เขียนบทความ

- แหล่งข่าวที่ไม่ระบุชื่อของบีบีซีไทย

บทความและภาพประกอบข่าวจาก facebook.com/kittitouch.chaiprasith