logo isranews

logo small 2

ทบ.แจงยังไม่ทำสัญญาขายซาก ฮ.ชีนุก อยู่ในขั้นประกวดราคา

เขียนวันที่
วันอังคาร ที่ 24 พฤษภาคม 2559 เวลา 17:52 น.
เขียนโดย
แนวหน้าออนไลน์
หมวดหมู่

24 พ.ค. 59 พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก กองทัพบก(ทบ.)กล่าวถึงกรณีที่มีสื่อมวลชนบางสำนักได้เสนอข่าวการขายซากเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ 47(ฮ.ล.47) ของ ทบ. จำนวน 6 ลำ โดยระบุว่ามีตัวแทนบริษัทของสหรัฐอเมริกา ยื่นร้องเรียนต่อ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้ตรวจสอบและขอความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าวนั้นว่า ทาง ทบ.ขอชี้แจงในเรื่องดังกล่าว3 ประเด็น คือ 1. การดำเนินการของ ทบ.ต่อการขายซาก ฮ.ล.47 ทบ.มีความประสงค์ที่จะขายซากฮ.ล.47 จำนวน 6 ลำ พร้อมชิ้นส่วนเครื่องมือซ่อมบำรุงและบริภัณฑ์ภาคพื้น โดยมอบให้กรมการขนส่งทหารบก(ขส.ทบ.)ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของทางราชการ โดย ขส.ทบ. ได้ดำเนินการตามขั้นตอน ด้วยการแต่ตั้งคณะกรรมการกำหนดราคากลางและคณะกรรมการประกวดราคา

โดยคณะกรรมการได้กำหนดราคากลางการประมูลขายครั้งที่ 1 ไว้ที่วงเงิน 600 ล้านบาท โดยใช้ราคาสูงสุดที่เป็นราคาสืบจากผู้ประกอบการทั่วไป แต่ผลการประมูลในครั้งแรก เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 59 มีผู้เสนอราคารายเดียวในวงเงิน 420 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลางตามที่คณะกรรมการกำหนดไว้ ทางกรมการขนส่งทหารบกจึงพิจารณาให้ยกเลิกการประกวดราคาขาย และแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดราคากลาง และคณะกรรมการประกวดราคาชุดที่ 2 โดยเชิญผู้สังเกตการณ์จากหลายหน่วยงาน อาทิ สำนักงบประมาณ กองทัพอากาศ และหน่วยงานในกองทัพบก ร่วมสังเกตการณ์การจัดทำราคากลาง และการประกวดราคา โดยได้กำหนดราคากลางการประมูลขายในครั้งที่ 2 ไว้ที่วงเงิน 420ล้านบาท ซึ่งเป็นราคากลางจากแหล่งข้อมูลที่อ้างอิงได้ และเป็นราคาจากผลการประมูลครั้งแรก แต่การประมูลในครั้งที่ 2 เมื่อ 12พ.ค.59 มีผู้มายื่นซองประมูลเพียงรายเดียว และไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ทางราชการกกำหนดไว้ได้ คณะกรรมการจึงยกเลิกการประกวดราคาขาย ดังนั้นในขณะนี้ กองทัพบกจึงยังมิได้มีการตกลงหรือทำสัญญาขายซากเฮลิคอปเตอร์ให้กับผู้ประกอบการใดๆ ทั้งสิ้น โดยยังคงอยู่ในกระบวนการประกวดราคาขายตามระเบียบของทางราชการ

รองโฆษก ทบ. กล่าวอีกว่าประเด็นที่ 2. กองทัพบกดำเนินการขายซากเฮลิคอปเตอร์ ตามระเบียบของทางราชการ มิได้เป็นไปตามการกล่าวอ้างจากตัวแทนบริษัทของสหรัฐอเมริกา ว่าไม่ได้รับความสะดวกจากทางราชการในการเข้ารวมประกวดราคาขายจากการที่ตัวแทน บริษัท ไทย แอร์โรสแปซ อินดัสทรีส์ จำกัด (จ.ส.ต.พงษ์ศักดิ์ คงคามาศ ปัจจุบันไม่ได้รับราชการทหารแล้ว) ระบุว่าทางบริษัทฯ ได้เคยมีหนังสือแสดงเจตจำนงขอซื้อเฮลิคอปเตอร์ในราคา600ล้านบาท ก่อนที่ทางราชการจะจัดการประกวดราคา ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดข้อจำกัดกับทางบริษัททำให้ไม่สามารถเข้าร่วมการประกวดราคาในครั้งที่ 1 และ 2 ได้ เพราะเกรงจะผิดต่อกฎหมายการสมยอมราคากันนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า การที่บริษัทมายื่นหนังสือต่อทางราชการแสดงเจตจำนงขอซื้อโดยตรง โดยไม่ผ่านกระบวนการแข่งขันการขายทอดตลาด เป็นการปฏิบัติที่ผิดระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการพัสดุ ทางราชการไม่สามารถนำมาดำเนินการใดๆได้ เป็นเพียงหนังสือที่ทางราชการรับทราบว่ามีผู้สนใจซื้อเท่านั้น ซึ่งบริษัทจะต้องเข้าสู่กระบวนการประกวดราคาขายตามที่ทางราชการกำหนดขึ้น จึงจะเป็นการดำเนินการที่ถูกต้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่พัสดุได้ให้คำแนะนำแล้วว่า บริษัทสามารถเข้าร่วมประมูลได้ ดังนั้นการที่บริษัทไม่เข้าร่วมประมูลน่าจะเป็นเพราะความไม่พร้อมของผู้ประกอบการเอง ไม่เกี่ยวข้องกับทางราชการ

และประเด็นที่ 3 การที่ ขส.ทบ.ปลดกำลังพล ซึ่งกระทำผิดจากการขาดหนีราชการในเวลาประจำการนั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการขายซากเฮลิคอปเตอร์ตามที่ผู้แทนบริษัทกล่าวอ้าง จากการที่มีความพยายามที่จะเชื่อมโยงให้เข้าใจผิดว่า การที่บริษัท ไทย แอร์โรสแปซ อินดัสทรีส์ จำกัด ไม่เข้าร่วมในการประกวดราคา เป็นสาเหตุทำให้ จ.ส.อ.ธนลภย์ คงคามาศ สังกัด กรมการขนส่งทหารบก ซึ่งเป็นบุตรชายของผู้แทนบริษัทฯ ถูกปลดออกจากราชการ นั้น ขอเรียนว่ากรณีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์คนละเรื่องและไม่มีความเกี่ยวโยงกัน การพิจารณาปลดกำลังพล หน่วยทหารจะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ตั้งแต่เมื่อกำลังพลกระทำความผิด มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนและเสนอบทลงโทษตามระเบียบของทางราชการจนถึงขั้นตอนการเสนอปลดและถอดยศ

สำหรับกรณี จ.ส.อ.ธนลภย์ฯ หน่วยต้นสังกัดได้ดำเนินการตามขั้นตอนมาตั้งแต่ปี 2557 โดยกำลังพลดังกล่าวมีพฤติกรรมขาดหนีราชการหลายครั้งมาอย่างต่อเนื่อง และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา หน่วยได้พิจารณาลงโทษ ลงทัณฑ์ ขัง จำขัง ตามขั้นตอนของการพิจารณาโทษมาตามลำดับ โดยล่าสุด เมื่อ 1 มี.ค.59 กรมการขนส่งทหารบกจึงได้มีคำสั่งให้ปลดออกจากราชการฐานหนีราชการในเวลาประจำการ เป็นนายสิบกองหนุนไม่มีเบี้ยหวัด ตั้งแต่ 23 ต.ค. 58 และต่อมาได้มีการรายงานขอถอดยศทหารตามระเบียบของกระทรวงกลาโหม เมื่อ 1 เม.ย.59หากพิจารณาตามขั้นตอนที่ได้กล่าวมา จะเห็นได้ว่าหน่วยต้นสังกัดได้ดำเนินการตามระเบียบของทางราชการ อย่างครบถ้วน มิได้มีการกระทำใดๆ ที่เกินกว่าขอบเขตหรือกลั่นแกล้งให้เกิดความเสียหายต่อกำลังพล และเรื่องดังกล่าวก็ไม่ได้มีความเกี่ยวโยงกับการขายซากเฮลิคอปเตอร์แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ทบ.ขอยืนยันว่าการขายซาก ฮ.ล.47 ในครั้งนี้ เป็นการบริหารจัดการยุทโธปกรณ์ที่ปลดประจำการแล้วให้มีมูลค่าและก่อให้เกิดประโยชน์กับทางราชการ ในการจัดประมูลกองทัพบก ได้เปิดโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน ให้ผู้สนใจเข้าร่วม และดำเนินการอย่างยุติธรรม โปร่งใส เพื่อให้ได้ราคาประมูลที่เหมาะสมที่สุดกับสภาพยุทโธปกรณ์ โดยยึดประโยชน์ของทางราชการเป็นหลัก

 

ขอบคุณข่าวจาก

logo naewna