logo isranews

logo small 2

บุกพิสูจน์!บ.ประมูลสนามฟุตซอล 117 ล.อยู่ในบ้านพัก-เหมาสถานศึกษา 7 แห่ง

เขียนวันที่
วันเสาร์ ที่ 13 ตุลาคม 2555 เวลา 20:00 น.
เขียนโดย
Pisan

บุกพิสูจน์ บ.คู่เทียบร่วมประมูลสนามฟุตซอล 117 ล้านเครือข่ายอดีตที่ปรึกษา รมต.ตั้งอยู่ในบ้านพัก ไม่ติดป้ายชื่อ พบเปลี่ยนชื่อกว่า 5 ครั้ง เหมาติดตั้งให้สถานศึกษา 7 แห่ง 12.9 ล้าน

       จากกรณีสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า นายชาติชาย จิตติยากูล กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท  อินแทรค แอนด์ โค จำกัด เป็นผู้ยื่นซองเสนอราคางานจัดซื้อ สนามฟุตซอลพร้อมอุปกรณ์ จำนวน 59 สนาม ของกรมพลศึกษา  กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจผู้ชนะประมูลคือบริษัท  ออคตากอน มาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส จำกัด  ในวงเงิน 117,249,000 บาท ซึ่งนายชาติชาย เป็นกรรมการบริษัท พี.ที.(พานทอง) อินเตอร์เทรด จำกัด  ของคนตระกูล เบ็ญจศิริวรรณ  ซึ่งมีนายอดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมถือหุ้นอยู่ด้วย 

      ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2555 ได้เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลบริษัท อินแทรค แอนด์ โค จำกัด ตามที่อยู่ที่แจ้งจดทะเบียนไว้กับ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า  คือ เลขที่ 3/1916 หมู่ที่ 6 ซอยแยกจากหมู่ที่ 6 เดิม แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร พบว่า เป็นบ้านพักอาศัย 3 หลัง  ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าไม่ปรากฏ ป้ายชื่อ บริษัท อินแทรค แอนด์ โค จำกัด ติดไว้แต่อย่างใด  

      

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อผู้พักอาศัยภายในบ้านดังกล่าว เป็นเวลานาน แต่ไม่มีใครออกมา 

      จากการสอบถามชาวบ้านที่พักอาศัยบริเวณใกล้เคียง ได้รับแจ้งว่า ไม่มีใครทราบว่า ผู้พักอาศัยที่อยู่ในบ้านหลังนี้ คือใคร และประกอบธุรกิจอะไร

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท อินแทรค แอนด์ โค จำกัด  พบว่า ที่อยู่เลขที่ 3/1916 หมู่ที่ 6 ซอยแยกจากหมู่ที่ 6 เดิม แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ถูกระบุเป็นที่พักส่วนตัว นายกร วงศ์ใหญ่ หนึ่งในกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัทแห่งนี้  (บริษัท อินแทรดแอนด์ โค จำกัด มีกรรมการและผู้ถือหุ้น 3 ราย คือ นายกร วงศ์ใหญ่ นายชาติชาย จิตติยากูล นายไพรัช พรหมอินทร์ โดยนายชาติชาย ถืออยู่ 40% คิดเป็นเงิน 400,000 บาท  นายไพรัช พรหมอินทร์ 40%  เป็นเงิน 400,000 บาท  และ นายกร วงศ์ใหญ่ 20%  คิดเป็นเงิน 200,000 บาท)  

      ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า  เดิมในช่วงการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท  เมื่อปี 2530  บริษัท  อินแทรค แอนด์ โค จำกัด  มีชื่อเดิมว่า บริษัท โคเมท เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด  ปรากฏชื่อ นายกุลวัฒน์ ธนสารดิลก เป็นกรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยถืออยู่ 1994 หุ้นๆ หุ้นละ 100 บาท  แจ้งที่ตั้งเลขที่  48/22ซอยมีสุวรรณ 3  ถนนสุขุมวิท 71แขวงพระโขนง เขตพระโขนง กรุงเทพ  (ที่อยู่อาศัย นายกุลวัฒน์ ธนสารดิลก)

      ต่อมาวันที่ 26 กันยายน 2532 บริษัทได้แจ้งเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ เป็นเลขที่  48/336 หมู่ที่ 2 ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงคลองกุ่ม เขตบึ่งกุ่ม กทม.  

     จากนั้นวันที่ 27 มีนาคม 2533 บริษัทแจ้งเปลี่ยนตัวกรรมการ โดยปรากฏรายชื่อ นายเสกสรรค์  อรุณพูลทรัพย์ เข้ามาเป็นกรรมการใหม่ 

      จากนั้นวันที่ 6 สิงหาคม 2533 บริษัทแจ้งเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น บริษัท  โคเมท แอนด์โค จำกัด

      ก่อนจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นครั้งที่สาม คือ  บริษัท ธนาเทรด จำกัด เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2533

      จากนั้น วันที่ 18 ธันวาคม 2540 บริษัทแจ้งเปลี่ยนที่อยู่ใหม่เป็นเลขที่  48/336 หมู่ที่ 2 ถนนเสรีไทย แขวงคลองกุ่มเขตบึงกุ่ม กทม. พร้อมแจ้งเปลี่ยนตัวกรรมการ โดยมีนายมนตรี จิตมานะ เข้ามาเป็นกรรมการใหม่  ก่อนนายมนตรี จะลาออกจากกรรมการในวันที่  22มิถุนายน  2541 

      จากนั้นวันที่ 27 กันยายน 43 บริษัทแจ้งเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นครั้งที่ 4 โดยใช้ชื่อ บริษัท ธนาไอที คอนซัลติ้ง จำกัด

      ก่อนที่จะแจ้งเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็นครั้งที่ 5 คือ บริษัท อินแทรค แอนด์ โค จำกัด เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2544

      ขณะที่ นายกุลวัฒน์  กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แจ้งเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น นายเอกวัฒน์  เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2552

      ต่อมาวันที่ 16 พฤศจิกายน 2552  บริษัทแจ้งเปลี่ยนตัวกรรมการอีกครั้ง โดยนายเอกวัฒน์ แจ้งขอลาออก โดยมีนายกร วงศํใหญ่ เข้ามาเป็นกรรมการแทน  พร้อมแจ้งย้ายที่ตั้งบริษัทไปเป็นเลขที่   3/1916 ซอยแยกจากหมู่ที่6เดิม แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม. (ที่อยู่ปัจจุบัน) 

      ก่อนที่บริษัทจะมีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ ในช่วงเดือนเมษายน 2553  โดยนายกร วงศ์ใหญ่ กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด จำนวน 1,990 หุ้น ๆละ 100 บาท (ทุนจดทะเบียน 200,000 บาท) นายเอกวัฒน์ ธนสารดิลก ถืออยู่จำนวน 5 หุ้น และนางนฤมล ธนสารดิลก ถืออยู่ 5 หุ้น 

      จากนั้น เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 บริษัท ได้แจ้งเปลี่ยนตัวกรรมการอีกครั้ง โดยปรากฏชื่อ นายไพรัช พรหมอินทร์ และ นายชาติชาย จิตติยากูล  เข้ามาเป็นกรรมการร่วมกับ นายกร วงศ์ใหญ่ พร้อมกับการปรับโครงสร้างหุ้นบริษัทใหม่ โดยนายไพรัช พรหมอินทร์ และนายชาติชาย จิตติยากูล กลายเป็นผู้ถือใหญ่ คนละ 4,000 หุ้น หรือคิดเป็นเงิน 400,000 บาท หลังจากที่บริษัทมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1 ล้านบาท ขณะที่นายกร วงศ์ใหญ่ ถือหุ้นอยู่ 2,000 หุ้น หรือคิดเป็นวงเงิน 200,000 บาท (เท่ากับทุนบริษัทเดิม) 

     

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่า บริษัท อินแทรค แอนด์ โค จำกัด  เป็นผู้รับเหมติดตั้งสนามฟุตซอล ของวิทยาลัยในสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ในช่วงปี 2554-2555 จำนวน 4 แห่ง  ติดตั้งสนามฟุตซอลโรงเรียนในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจำนวน 2 แห่ง  และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 1 แห่ง รวมวงเงิน 12.9 ล้านบาท (ดูตาราง) 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ ผู้บริหารบริษัท อินแทรค แอนด์ โค จำกัด เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงแต่ไม่สามารถติดต่อได้ 

       เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2555 นายประพัน ไพรอังกูร ผู้อำนวยการกองกลาง กรมพลศึกษา ให้สัมภาษณ์ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงกรณีนายชาติชาย จิตติยากูล หนึ่งในกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท  อินแทรค แอนด์ โค จำกัด ที่ยื่นซองเสนอราคางานจัดซื้อ สนามฟุตซอลพร้อมอุปกรณ์ จำนวน 59 สนาม ของกรมพลศึกษา  ปรากฏชื่อ เป็นกรรมการบริษัท พี.ที.(พานทอง) อินเตอร์เทรด จำกัด มีที่ตั้งเลขที่ 582 ซอยอ่อนนุช 17 ถนนสุขุมวิท 77 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร  ซึ่งเป็นที่ตั้งเดียวกับบริษัท ออคตากอนฯ ว่า จะรีบเข้าไปตรวจสอบข้อมูลเรื่องนี้ ว่ามีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร 

       นายประพัน กล่าวว่า  อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนการประมูลงาน คณะกรรมการตรวจรับซองจะพิจารณาเพียงแค่เอกสาร ที่ทางบริษัทยื่นเข้ามาให้เท่านั้น เมื่อพิจารณาเอกสารแล้ว ไม่พบความผิดปกติ ก็ดำเนินการตามขั้นตอนประกอบราคาต่อไป และงานก็ดำเนินการเรียบร้อย มีการจ่ายเงินให้บริษัทที่ชนะการประมูลไปแล้ว 

       เมื่อถามว่า ข้อมูลที่ถูกตรวจพบครั้งนี้ จะมีผลต่อการประมูลงานครั้งนี้หรือไม่  นายประพัน ตอบว่า “ยังตอบไม่ได้ เพราะต้องดูว่า เรื่องนี้เข้าข่ายการมีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่ ผมขอเวลาไปตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งก่อน”