logo isranews

logo small 2

ขุดหลักฐาน“มัด”ระบายข้าว"จีทูจี"รัฐบาลยิ่งลักษณ์-รับ"ป.ป.ช."สรุปผลไต่สวน

เขียนวันที่
วันพุธ ที่ 15 มกราคม 2557 เวลา 20:00 น.
เขียนโดย
isranews

ขุดหลักฐาน “มัด”ระบายข้าว"จีทูจี" รัฐบาลยิ่งลักษณ์ รับป.ป.ช.สรุปผลไต่สวน 16 ม.ค.นี้ จับตา "บุญทรง" "คนสยามอินดิก้า ปาล์ม-รัฐนิธ โสจิระกุล” ผู้ช่วย ส.ส.เมียอริสมันต์" "โจว-นายนิมล รักดี” มือขวา“เสี่ยเปี๋ยง” "สมคิด เอื้อนสุภา ตัวละครเอก เผยหลักฐานเด็ดเช็คพันใบ!!

fffffeeeee

กรณีมีกระแสข่าวว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมสรุปผลการไต่สวนคดีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในช่วงกลางเดือนมกราคม 2557 นี้

ล่าสุดในช่วงเที่ยงวันที่ 15 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ช. ได้จัดส่งหมายแถลงข่าวเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว ไปตามสื่อมวลชนต่างๆ โดยระบุว่า ในช่วงเวลา 14.30 น. วันที่ 16 มกราคม 2557 นี้ สำนักงาน ป.ป.ช. จะจัดแถลงข่าวเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว ณ ห้องแถลงข่าว อาคาร 1 สำนักงาน ป.ป.ช. ถนนนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี โดยนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช. และประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีนี้ จะเป็นผู้แถลงข่าวด้วยตนเอง

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รวบรวมเอกสารหลักฐานสำคัญ แสดงความไม่โปร่งใส ในขั้นตอนการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาล ที่ได้รับจากโครงการรับจำนำข้าว โดยเฉพาะในส่วนการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ที่นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.พิษณุโลก นำมาใช้ประกอบในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี เรื่องโครงการรับจำนำข้าว เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่ชอบมาพากลในการปัญหาการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล ก่อนจะนำมาซึ่งการตรวจสอบข้อมูลในส่วนการระบายข้าวในประเทศ และข้าวถุง ที่มีการตรวจสอบพบปัญหาความไม่ชอบมาพากลเช่นกัน 

หลักฐานชิ้นที่ 1 

เป็นเอกสารแสดงการมอบอำนาจของบริษัท “GSSG IMP AND EXPORT CORP”  จากเมืองกวางเจา ประเทศจีน ให้ นายรัฐนิธ โสจิระกุล เข้ามาทำสัญญาซื้อข้าวกับกรมการค้าต่างประเทศ

ขณะที่ นายรัฐนิธ โสจิระกุล มอบอำนาจให้ นายนิมล รักดี ชาว อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ดำเนินการแทน 

หลักฐานชิ้นที่ 2   

 

มีการตรวจสอบพบข้อมูลว่า “รัฐนิธ  โสจิระกุล”  ชื่อเล่นว่า “ปาล์ม” (นายแพทย์ วรงค์ เรียก ไอ้ปาล์ม) อายุ 32 ปี เพิ่งผ่านการเรียนหลักสูตรวุฒิบัตรผู้ช่วยและผู้ปฏิบัติงานของสมาชิกรัฐสภารุ่นที่ 6 รวมทั้งเป็นนักศึกษาของสถาบันพระปกเกล้า และเป็นผู้ช่วยส.ส.ในลำดับที่ 3 ของนางรพิพรรณ พงศ์เรืองรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (ภรรยานายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง)  

ขณะที่ “นิมล” ถูกระบุว่ามีชื่อในวงการ “เสี่ยโจว” เป็นมือขวา“เสี่ยเปี๋ยง”  หรือ อภิชาติ จันทร์สกุลพร  เจ้าของบริษัทเพรสซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ผูกขาดการซื้อข้าวจากโครงการรับจำนำข้าว ในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

หลักฐานชิ้นที่ 3 

สภาพบ้านพัก “รัฐนิธ  โสจิระกุล”   มีเงินอยู่ในบัญชีเพียง 64.63 บาท ซึ่ง นายแพทย์ วรงค์  ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเรื่องผิดปกติสำหรับผู้มีอำนาจติดต่อซื้อขายข้าวกับรัฐบาลไทย 

หลักฐานชิ้นที่ 4 

 

 แคชเชียร์เช็คเงินค่าข้าว ซึ่งนายแพทย์วรงค์ ระบุว่า ผู้สั่งซื้อคือ นายสมคิด เอื้อนสุภา    

 หลักฐานชิ้นที่ 5  

สภาพบ้านนายสมคิด  โดยนายแพทย์วรงค์ ระบุว่า เมื่อตรวจสอบที่อยู่ของนายสมคิด ตามที่แจ้งที่อยู่เลขที่ 191 ซอยดำเนินกลาง   เขตพระนคร พบว่า ไม่มีสภาพเป็นบ้านของพ่อค้าข้าวรายใหญ่ และจากการสอบถามประชาชนบ้านใกล้เคียงทราบว่า นายสมคิด ได้ย้ายไปอยู่บ้านของภรรยา ที่เขตบางแค

ตรวจสอบพบว่าเป็นเพียงบ้านไม้ 2 ชั้น ตั้งอยู่ริมคลอง

หลักฐานชั้นที่ 6  

หนังสือมอบอำนาจ   “เสี่ยเปี๋ยง” นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ให้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท สยามอินดิก้า เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2547  

นี่คือ หลักฐานบางส่วนที่นำมาใช้ประกอบการตรวจสอบการระบายข้าวจีทูจี ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2557 สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org  ตรวจสอบข้อมูลงบดุล บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ที่นำส่งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า รับทราบ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา มีการระบุว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้า เป็นจำนวน 10,458,063,762.65 บาท มีรายได้อื่นอีกจำนวน 7,851,033.41 บาท

รวมรายได้ทั้งหมด 10,534,940,779.35 บาท

ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าการระบายข้าวจีทูจีเกิดขึ้นช่วงกลางปี 2555

ขณะที่ข้อสมมุติฐานฝ่ายค้าน ระบุว่า การระบายข้าวจีทูจีที่อ้างขึ้นมา น่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงการประมูลด้วยวิธีปกติ เพราะไม่มีการระบายข้าวจริง เป็นการตั้งบริษัทผีมารับข้าว เพื่อนำข้าวไปเร่ขายให้กับโรงสี ทำกำไรต่ออีกครั้ง 

โดยมีบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด อยู่เบื้องหลัง?

เบื้องต้น ก่อนหนา้นี้ นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีนี้ ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันสื่อมวลชนว่า การเจรจาที่อ้างว่าเป็นการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ หรือ G to G ระหว่างรัฐบาลไทย กับผู้แทนหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีน 2 หน่วยงาน พยานหลักฐานยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นได้ว่าเป็นการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ ทั้งนี้ ยังพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลอื่นมีส่วนร่วมในการกระทำผิดในโครงการดังกล่าว ซึ่ง คณะกรรมการป.ป.ช. จึงมีมติจะขยายการไต่สวนเพิ่มเติม กับบุคคล ที่เกี่ยวข้อง นอกเหนือจากนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ดังต่อไปนี้ 

1.ผู้แทนเจรจาฝ่ายไทย ได้แก่ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ

2.นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าว

3.นายอัครพงษ์ ทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ

4.นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว

5.ผู้แทนเจรจาฝ่ายสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ บริษัท Guangdong stationery & sporting goods imp.& exp.Corp. และHainan grain & oil industrial trading company และตัวแทนของหน่วยงานทั้งสอง

6.กลุ่มบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากผู้แทนฝ่ายจีน ได้แก่ นายรัฐนิธ โสจิระกุล นายสมคิด เอื้อนสุภา และนายลิตร พอใจ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทสยามอินดิก้า

7.บริษัทสยามอินดิก้า เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงจากการไต่ส่วนเกี่ยวกับสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง พบว่าเงินที่ชำระค่าซื้อขายข้าวกับหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีน ส่วนใหญ่เกี่ยวพันกับบริษัทสยามอินดิก้า รวมทั้งบริษัทนี้เคยเป็นนายจ้างของนายสมคิด เอื้อนสุภา และนายลิตร พอใจ

" การที่รัฐกำหนดการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐนั้น เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคา ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายจากการขายในราคาต่ำกว่าราคาตลาด นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 – มิถุนายน 2556 อีกทั้งปริมาณการส่งมอบข้าวไปยังจีนส่งไปเพียง 375,000 ตันเศษ จากปริมาณที่ต้องส่งมอบตามสัญญา จำนวน 4.8 ล้านตัน ซึ่งกรมศุลกากรยืนยันว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีข้าวส่งออกโดยผ่านพิธีการศุลกากรแต่อย่างใด" นายวิชา ระบุ  

รวมถึงหลักฐานเด็ดเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน โดยมีแคชเชียร์จำนวน 1,474 ฉบับ จากธนาคารหลายแห่ง ที่จะมีการนำมาใช้ประกอบการพิจารณาด้วย!

(อ่านประกอบ: รวมมิตร "หลักฐาน"เชิงประจักษ์ "มัด"ระบายข้าวรับจำนำรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์")