อีโอดีกางผัง "บึ้มโก-ลก" วางแผนดี-วิธีไม่ใหม่ เผยยอดตายขยับเป็น 5
เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเปิดแผน "บอมบ์โก-ลก" ของคนร้าย ชี้วางทั้งคาร์บอมบ์-มอเตอร์ไซค์บอมบ์ไว้ถึง 4 จุด ระเบิดจริง 3 จุดล้วนในย่านชุมชน แฉวางแผนมาดี คาดการณ์เส้นทางแห่หนีของประชาชนและการเข้าพื้นที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่แล้ววางระเบิดดักไว้ ทำให้เกิดความสูญเสียหนัก ด้าน "เพรียวพันธ์-อดุลย์-ทวี" ลงพื้นที่พร้อมหน้า จ่อหมายจับ 2 ใน 8 ผู้ต้องหา เป็นสมาชิกอาร์เคเคระดับปฏิบัติการ คาดถูกจ้างวานจากแก๊งค้ายาเสพติด ขณะที่ประธานชมรมโรงแรม เชื่อ บึ้มเมืองชายแดนกระทบท่องเที่ยวแน่ โดยเฉพาะมีชาวมาเลย์สังเวย แต่มั่นใจเหงาไม่นาน
แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) อธิบายถึงการลอบวางระเบิดครั้งใหญ่ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า วิธีการที่คนร้ายใช้คือวางระเบิดไว้หลายจุดในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้มาก โดยรูปแบบการวางระเบิดนั้น ต้องยอมรับว่าวางแผนมาอย่างดี โดยเฉพาะจุดที่เลือกวาง เป็นมอเตอร์ไซค์บอมบ์ 3 จุด ระเบิดไป 2 จุด และเจ้าหน้าที่ทำลายได้ 1 จุด กับอีกจุดหนึ่งเป็นคาร์บอมบ์
ทั้งนี้ คนร้ายได้เลือกเส้นทางในการก่อเหตุภายในซอยเจริญเขต (ซึ่งมีหลายซอย) เป็นย่านที่มีผู้คนและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยวางระเบิดจุดแรกไว้ที่บริเวณปากทางเข้าสมาคมแต้จิ๋ว เป็นมอเตอร์ไซค์บอมบ์ คนร้ายนำระเบิดบรรจุไว้ในกล่องเหล็ก ใส่ไว้ในตัวรถ แล้วจุดระเบิดขึ้น เสียงของระเบิดลูกแรกสามารถดึงผู้คนที่อยู่ภายในอาคารใกล้เคียงทั้งบริเวณปากซอยและท้ายซอยออกมาจากอาคารเพื่อมาดูเหตุการณ์ จากนั้นจึงจุดระเบิดลูกที่ 2 บริเวณหน้าร้าน 198 คาราโอเกะ ซึ่งเป็นระเบิดมอเตอร์ไซค์บอมบ์เช่นกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
ถัดจากนั้นพักใหญ่ คนร้ายจึงจุดระเบิดลูกที่ 3 ซึ่งเป็นคาร์บอมบ์ โดยคนร้ายนำรถยนต์ที่บรรทุกระเบิดซึ่งประกอบใส่ในถังแก๊สขนาด 15 กิโลกรัม จอดไว้บริเวณสี่แยกปากทางเข้าซอย แล้วจุดระเบิดด้วยวิทยุสื่อสารระบบ "ดีทีเอ็มเอฟ" ซึ่งจุดนี้เชื่อว่าเป้าหมายของคนร้ายนอกจากประชาชนแล้ว ยังพุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อาสารักษาดินแดน (อส.) และมูลนิธิกู้ภัย ซึ่งต้องใช้เส้นทางนี้ผ่านเข้าไปยังที่เกิดเหตุ 2 จุดแรก
ส่วนจุดที่ 4 คนร้ายนำรถจักรยานยนต์ติดตั้งระเบิดไปจอดไว้ใกล้เคียงกับจุดแรก แต่การจุดระเบิดลูกที่ 4 นั้น คนร้ายใช้การจุดระเบิดแบบ "ดึง-เลิกดึง" โดยหากเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายซุกระเบิดเอาไว้และเปิดเบาะรถขึ้น ระเบิดจะทำงานทันที แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่พบเห็นก่อน
วางแผนดีแต่วิธีประกอบระเบิดไม่ใหม่
"จากหลักฐานเศษซากระเบิดในที่เกิดเหตุ เชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดิมๆ ที่ลอบวางระเบิดอยู่ในพื้นที่ เพราะไม่ได้มีวงจร รูปแบบ หรือชนิดระเบิดที่ซับซ้อนแต่อย่างใด เพียงแต่มีการวางตำแหน่งในการจุดระเบิดที่คาดหวังเป้าหมายชัดเจนขึ้น ซึ่งเกิดจากคนร้ายเรียนรู้พฤติกรรมของผู้คนและเจ้าหน้าที่ ทำให้ครั้งนี้เกิดความสูญเสียมากกว่าหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา" แหล่งข่าวจากชุดอีโอดี ระบุ
ส่วนกลุ่มที่ก่อเหตุนั้น หน่วยงานด้านความมั่นคงวิเคราะห์ว่า มีความเชื่อมโยงกันหลายกลุ่ม ทั้งที่เป็นกลุ่มก่อความไม่สงบและกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ในพื้นที่ เช่น กลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติด ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก เพื่อล่อเจ้าหน้าที่เทกำลังไปยังจุดเกิดเหตุ เปิดทางให้กลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติดสามารถเคลื่อนไหวขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่ได้ตรงจุดที่กำลงเปิดโล่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่เคยจับกุมได้มาแล้ว
"เพรียวพันธ์-อดุลย์-ทวี" ลงพื้นที่พร้อมหน้า
พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า เรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยต้องปรับยุทธศาสตร์ให้เข้มงวดมากขึ้น เพื่อให้ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้รับการดูแลในระดับสูงสุด ส่วนการปราบปรามสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบที่เชื่อมโยงกับการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบนั้น หน่วยงานฝ่ายความมั่นคงทั้งสามฝ่ายพร้อมเดินหน้าดำเนินการอย่างถึงที่สุด เพราะเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนที่เป็นต้นเหตุของการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่
พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) กล่าวว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าทางคดีในระดับหนึ่ง เนื่องจากมีหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ และหลักฐานที่ขยายผลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ในละแวกที่เกิดระเบิด
มีรายงานว่า เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ย. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) ได้เดินทางลงพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร.ซึ่งเพิ่งถูกขอตัวไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีชื่อเป็นแคนดิเดตเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) คนใหม่ เพื่อตรวจพื้นที่เกิดเหตุระเบิดและรับฟังรายงานสรุปจากหน่วยในพื้นที่ โดยมี พล.ต.ท.ไพฑูรย์ และ พล.ต.ต.ชัยทัต อินทนูจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ให้การต้อนรับ
จ่อหมายจับ 2 ผู้ต้องหา-ยอดตายเพิ่มเป็น 5
มีรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด พบภาพบุคคลต้องสงสัยลอบวางระเบิดทั้ง 3 จุดรวม 8 คน มี 2 คนที่ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบ และเป็นสมาชิกระดับปฏิบัติการกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเค (กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ผ่านการฝึกรบแบบจรยุทธ์) ซึ่งเชื่อว่าได้รับการว่าจ้างจากกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่
สำหรับผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดเพิ่มเป็น 5 ราย คือ นายเสกสรร โรจน์พาศิริ อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยธารน้ำใจสุไหงโก-ลก, ด.ช.ว็องไคแซน อายุ 3 ขวบ ชาวมาเลเซีย, นายว็องฮองเย็พ อายุ 64 ปี ชาวมาเลเซีย, นายเชนยิวซัน ชาวมาเลเซีย และ นายยาน วิง ชาวจีนมาเลเซีย ซึ่งรายหลังสุดนี้ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา
ชี้กระทบการท่องเที่ยวแน่ แต่เหงาไม่นาน
ด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจ นายแสงทอง ปรีชาวุฒิเดช ประธานชมรมโรงแรม อ.สุไหงโก-ลก กล่าวว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของ อ.สุไหงโก-ลก อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในช่วงหลังเกิดเหตุใหม่ๆ ที่สำคัญครั้งนี้มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเสียชีวิตด้วย อาจทำให้นักท่องเที่ยวหายไปบ้าง แต่คาดว่า ไม่เกิน 2 สัปดาห์ทุกอย่างจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ
“อย่างเมื่อ 2 ปีก่อน (21 ส.ค.2551 คาร์บอมบ์หน้าโรงพักสุไหงโก-ลก) ที่เคยเกิดระเบิดขึ้นนั้น ช่วงแรกๆ หลังเกิดเหตุการณ์ใหม่ๆ นักท่องเที่ยวก็น้อยลงเป็นธรรมดา แต่เพียงแค่ 2 สัปดาห์ทุกอย่างก็เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ต้องเข้าใจก่อนว่านักท่องเที่ยวเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ที่เข้ามาเป็นชาวมาเลเซียที่อยู่ชายแดน บางคนก็มีญาติพี่น้องอยู่ในสุไหงโก-ลก หรือในอำเภออื่นๆ ของ จ.นราธิวาส ฉะนั้นแม้เกิดเหตุการณ์ขึ้นก็ยังจำเป็นที่จะต้องเดินทางกลับเข้ามา ไม่เหมือนพื้นที่อื่นที่พอเกิดระเบิดขึ้น 1 ครั้ง เงียบเหงาไปครึ่งปี"
ส่วนเรื่องความเสียหายของโรงแรมต่างๆ จากเหตุระเบิดนั้น นายแสงทอง กล่าวว่า ได้สำรวจแล้วพบว่ามีน้อยมาก มีเพียงโรงแรมเมอร์ลินที่กระจกเสียหายแต่ก็ไม่มาก เนื่องจากประสบการณ์จากระเบิดครั้งก่อน ทำให้เปลี่ยนมาใช้กระจกนิรภัย และมีแนวป้องกันรอบๆ บริเวณโรงแรม ส่วนการให้ความช่วยเหลือจากภาครัฐก็คงเหมือนกับที่ผ่านๆ มา คือชดเชยความเสียหายให้กับภาคธุรกิจและห้างร้านที่ได้รับความเสียหาย สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมาก็ทำได้ในระดับดี แต่เมืองท่องเที่ยวอย่างสุไหงโก-ลก จะเข้มงวดมากถึงขั้นตรวจรถละเอียดทุกคันก็คงยาก จึงขึ้นกับภาคประชาชนที่จะต้องช่วยกันสอดส่องดูแลด้วย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพประกอบเหตุระเบิดที่ อ.สุไหงโก-ลก จากศูนย์ภาพเนชั่น