โอไอซีจี้เลิก พ.ร.ก. ประณามผู้ก่อเหตุร้าย ไม่แทรกแซงไทย ไม่หนุนแยกดินแดน
ผู้แทนพิเศษโอไอซีเริ่มภารกิจในเมืองไทยแล้ว จับเข่าคุย "รมต.ต่างประเทศ-เลขาฯสมช." ถามความคืบหน้าเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากนั้นลงพื้นที่ชายแดนใต้ ถกเลขาฯ ศอ.บต. ผู้ว่าฯและผู้นำศาสนา 5 จังหวัด ยืนกรานไม่แทรกแซงไทย ไม่หนุนแยกดินแดน แต่แนะเร่งคดีความมั่นคง พร้อมใช้มิติทางวัฒนธรรมแก้ปัญหา ย้ำ "เยียวยา" ไม่ใช่กลไกสำคัญในการยุติความขัดแย้ง แต่ต้องใช้กระบวนการยุติธรรมแบบเสมอภาค ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังมีป่วนประปราย คนร้ายบุกโจมตีชุด รปภ.ชุมชนไทยพุทธที่รือเสาะ ปะทะเดือดวิสามัญฯอีก 2 ศพ
การเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้วันแรกของ นายซาเยด คาสเซม เอล-มาสรี (H.E.Mr.Sayed Kassem El-Masry) ที่ปรึกษาและผู้แทนพิเศษของเลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) พร้อมคณะ เมื่อวันพุธที่ 9 พ.ค.2555 ได้มีการพบปะหารือกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และบุคคลสำคัญอีกหลายราย รวมทั้งร่วมกิจกรรมหลากหลายในพื้นที่
ที่ห้องประชุม ศอ.บต. คณะของ นายซาเยด คาสเซม ได้ประชุมร่วมกับ พ.ต.อ.ทวี สมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สปต.) ประธานคณะกรรมการอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัด ผู้แทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน ภาค 4 สน.) และผู้แทนจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่และทิศทางการแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ ก่อนเข้าประชุม นายซาเยด คาสเซม ยังได้พบและพูดคุยกับบัณฑิตอาสาประมาณ 200 คนที่มารอต้อนรับด้วย
นายซาเยด คาสเซม กล่าวตอนหนึ่งว่า การเดินทางเยือนประเทศไทยครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว แต่เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นครั้งที่ 2 ได้มีโอกาสเข้าพบบุคคลระดับสูงในรัฐบาล ทำให้มีความประทับใจในการพัฒนาการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เป็นไปในทางบวก รู้สึกประทับใจที่รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องการศึกษา เริ่มให้ความสำคัญกับภาษาถิ่น (มลายู) ในสถาบันการศึกษาของรัฐ รวมทั้งเป็นสิ่งที่ดีที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในเรื่องการพูดคุยกับทุกฝ่าย ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู้ความเข้าใจในอนาคต
"ปัญหาภาคใต้ไม่ได้เป็นปัญหาทางศาสนา ปัญหาที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องปกติในประเทศที่มีชนกลุ่มน้อยทั่วๆ ไปในโลกนี้ เพราะฉะนั้นแนวทางการแก้ปัญหาคือการใช้แนวทางสันติวิธีสร้างความเข้าใจและให้เกียรติ ยอมรับซึ่งกันและกัน ถือเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่สันติภาพที่แท้จริงได้ ทราบว่าในอนาคตรัฐบาลจะยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) และจะกลับมาใช้กฎหมายปกติ ก็รู้สึกดีใจ เพราะทราบดีว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีส่วนที่ทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางโอไอซีเป็นห่วง"
ไม่แทรกแซงไทย-ไม่หนุนแยกดินแดน-ประณามพวกก่อเหตุร้าย
นายซาเยด คาสเซม กล่าวอีกว่า เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นนั้น โอไอซีได้ให้ความสนใจเพื่อศึกษาและแสวงหาแนวทางสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับโอไอซ กระทั่งปี 2550 เลขาธิการโอไอซี (นายเอกเมเลดดิน อิซาโนกลู ; Ekmeleddin Ihsanoglu) กับรัฐบาลไทย ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมกัน ซึ่งถือว่าเป็นการร่วมมือบนพื้นฐานของการให้เกียรติ เพราะโอไอซีไม่ได้เข้าแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย แต่ให้ความสนใจกับปัญหาของประเทศไทยอย่างมาก ไม่เฉพาะแต่คนมุสลิมเท่านั้น แต่ให้ความสำคัญทั้งหมดกับคนทุกศาสนา
จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ โอไอซีขอประณามผู้ที่ก่อเหตุรุนแรงทุกระดับ การฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือไทยพุทธ คัมภีร์อัลกรุอานบอกไว้ว่า การฆ่าหนึ่งชีวิตเหมือนกับฆ่าคนทั้งโลก อยากให้ทางรัฐบาลใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหานี้ และโอไอซีไม่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนออกจากประเทศไทย
เผยโอไอซีห่วงปมสิทธิมนุษยชน-คดีความมั่นคง
ภายหลังการประชุม พ.ต.อ.ทวี พร้อมด้วย นายนิสิต ระเบียบธรรม อธิบดีอัยการภาค 9 ได้ร่วมกันแถลงข่าวว่า นายซาเยด คาสเซม และคณะ ได้รับทราบแนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาลไทยต่อกรณีปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมองว่าประเด็นความขัดแย้งในพื้นที่ส่วนหนึ่งเกิดจากเรื่องอัตลักษณ์และ ชาติพันธุ์ โดยได้มีการให้ข้อเสนอแนะเรื่องการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาในพื้นที่ ให้มีการใช้วัฒนธรรมมลายูท้องถิ่น ใช้ภาษามลายูกลางมาผสมผสาน รวมทั้งการปฏิบัติของหน่วยงานรัฐต้องยึดหลักสิทธิมนุษยชน
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า สิ่งที่ต้องคิดต่อไปคือเรื่องการส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ ทำอย่างไรที่จะให้โอไอซีเป็นหน่วยงานกลางในการเชื่อมเศรษฐกิจกับกลุ่มประเทศมุสลิม ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว
"คณะผู้แทนโอไอซีได้ชื่นชมยุทธศาสตร์การทำงานของรัฐบาลทุกรัฐบาลในด้านการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนงานด้านกระบวนการยุติธรรมและคดีความมั่นคงที่อยู่ในชั้นศาลนั้น มีจำนวนคดีที่รอการพิจารณาน้อยอยู่ และมีขั้นตอนในการพิจารณาที่ล่าช้าเกินไป" พ.ต.อ.ทวี กล่าวถึงข้อสังเกตของคณะผู้แทนจากโอไอซี
นายนิสิต ระเบียบธรรม อธิบดีอัยการภาค 9 กล่าวว่า การจัดการคดีความมั่นคงให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายนั้น จะต้องปรับกระบวนพิจารณาใหม่เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและเป็นธรรม โดยทางสำนักงานอัยการภาค 9 ได้ชี้แจงต่อที่ประชุม เกี่ยวกับการจัดตั้งรูปแบบการพิจารณาเฉพาะทางเกี่ยวกับคดีความมั่นคง เพื่อให้กระบวนพิจารณาคดีรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยยังคงความเป็นธรรมไว้เช่นเดิม และเป็นการดำเนินการภายใต้รัฐธรรมนูญ
เครือข่ายนักศึกษาร้องตั้งคณะกรรมการผลักดันสันติภาพ
ด้านผู้แทนจากเครือข่ายเยาวชนนักศึกษาและประชาสังคมเพื่อสันติภาพปาตานี พร้อมด้วยเครือข่ายนักศึกษาจังหวัดชายภาคใต้ และสมาพันธ์นิสิตนักศึกษาจังหวัดยะลา จำนวนประมาณ 20 คน ได้ไปยื่นจดหมายเปิดผนึกให้กับคณะผู้แทนโอไอซี ที่บริเวณหน้าอาคารอเนกประสงค์ ศอ.บต.
นายกริยา มูซอ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนนักศึกษาและประชาสังคมเพื่อสันติภาพปาตานี กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้โอไอซีตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจผลักดันสันติภาพปาตานีอย่างเป็นทางการ เพราะตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา มีประชาชนเสียชีวิตไปเกือบ 5,000 คนแล้ว ตลอดมาประชาชนต่างเฝ้ารอคอยการแก้ปัญหาด้วยความหวัง และคิดว่าโอไอซีจะมีส่วนผลักดันสันติภาพให้เกิดขึ้น
นอกจากนั้นยังอยากเรียกร้องให้โอไอซีรับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน โดยเปิดโอกาสให้องค์กรเยาวชน องค์กรนักศึกษา และองค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่ได้ร่วมกันเสนอข้อมูลและความเห็นต่างๆ ในเวทีแลกเปลี่ยนที่จัดขึ้นอย่างเป็นทางการ
"หากมีคณะกรรมการเฉพาะกิจผลักดันให้เกิดสันติภาพขึ้น น่าจะเป็นมิติใหม่ และน่าลองทำดู เพราะที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบยังหากุญแจที่จะแก้ปัญหาไม่พบ หากมีคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาก็คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคนในพื้นที่มากกว่า โดยโอไอซีต้องเป็นฝ่ายตั้งเอง เนื่องจากคณะกรรมการหรือองค์กรที่ตั้งขึ้นโดยรัฐไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้" นายกริยา ระบุ
"เยียวยา"ไม่ใช่กลไกสำคัญในการแก้ปัญหา
หลังเสร็จภารกิจที่ จ.ยะลา นายซาเยด คาสเซม พร้อมคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมมัสยิดตะโละมาเนาะ หรือมัสยิดวาดีลอัลฮูเซ็น ตั้งอยู่เชิงเขาบูโด หมู่ 1 ต.ลูโบะสาวอ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส หรือที่รู้จักกันในนาม "มัสยิด 300 ปี" พร้อมพูดคุยกับผู้นำศาสนาและประชาชนที่มารอต้อนรับ
จากนั้น คณะของที่ปรึกษาและผู้แทนพิเศษเลขาธิการโอไอซี ได้เดินทางต่อไปยัง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อพบปะกับกลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ โดย นายซาเยด คาสเซม กล่าวตอนหนึ่งว่า การเยียวยาแม้จะเป็นเรื่องดี แต่ไม่ใช่กลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหา สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้ชุมชนเข้มแข็ง และทำให้ทุกคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยที่รัฐต้องไม่แสดงท่าทีปกป้องกรณีที่ความรุนแรงนั้นเกิดจากฝ่ายรัฐเอง
ป่วนปัตตานี-ยะลา "โปรยตะปูเรือใบ-บึ้มทหาร"
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้ตลอดวันที่ 9 พ.ค. มีเหตุรุนแรงและความไม่สงบเกิดขึ้นบ้างประปราย โดยเมื่ออเวลา 11.30 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนโปรยตะปูเรือใบบนถนนสายบ้านสุเหร่า–บ้านคอกกระบือ ท้องที่บ้านโต๊ะชา หมู่ 4 ต.ท่าน้ำ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี และทิ้งใบปลิวมีเนื้อหาสั่งฆ่าผู้บริสุทธิ์จำนวน 15 แผ่น
ต่อจากนั้น เวลา 17.25 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา 16 ขณะเดินทางกลับจากร่วมสัมมนาที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมีรถกระบะ 2 คันเป็นพาหนะ โดยคนร้ายได้ใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิดน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัมที่ประกอบใส่ไว้ในถังแก๊ส วางไว้ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 (ยะลา–เบตง) ที่บ้านบูโล๊ะสะนิแย หมู่ ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา โชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เวลา 19.00 น.คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายณัฐกานต์ สาและ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/1 หมู่ 5 ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขณะนายณัฐกานต์ขี่รถจักรยานยนต์อยู่ในท้องที่บ้านนาประดู่ หมู่ 1 ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ เพื่อไปตลาดนาประดู่ เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
ปะทะเดือดที่รือเสาะ ทหารเจ็บ 1 ผู้ต้องสงสัยดับ 2
เวลา 19.25 น.คนร้ายจำนวน 6-8 คนใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มชุดรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ชุมชนไทยพุทธ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 15124 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ทำให้ จ.ส.อ.สมัย งามศิริ อายุ 31 ปี ได้รับบาดเจ็บ และมีผู้ต้องสงสัยเสียชีวิตจากการยิงตอบโต้ของเจ้าหน้าที่ 2 ราย
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบและสอบสวนจนทราบว่า ชุด รปภ.ชุมชนไทยพุทธมีกำลังพล 8 นาย ก่อนเกิดเหตุกำลังทำหน้าที่อยู่ที่บ้านเปาะรามะ (บ้านย่อยบ้านปลายนา) หมู่ 2 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส จากนั้นมีคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงโจมตี ทำให้เจ้าหน้าที่ยิงตอบโต้ ก่อนที่คนร้ายจะอาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไป
หลังสิ้นเสียงปืน พบ จ.ส.อ.สมัย ได้รับบาดเจ็บ ถูกยิงบริเวณขาหนีบ จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา นอกจากนั้นยังพบผู้เสียชีวิต 2 ราย พร้อมอาวุธปืนอูซี่ ซึ่งเป็นปืนที่ถูกปล้นไปจากฐานพระองค์ดำ กองร้อยทหารราบที่ 15121, ซองกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 2 ซอง, ระเบิดขว้าง 1 ลูก รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น เวฟ สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นดรีม สีเขียว หมายเลขทะเบียน กวค 509 นราธิวาส โดยคาดว่าเป็นรถของผู้ต้องสงสัยที่เสียชีวิต ซึ่งจอดทิ้งไว้ใกล้กับร้านรับซื้อน้ำยางพารา
ต่อมาสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้เสียชีวิตได้ดังนี้
1.นายมูฮัมมัดนอร์ กามาสะ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 หมู่ 7 ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ลักษณะผมสั้นเกรียน สวมเสื้อคอกลมสีดำ กางเกงวอร์มสีดำ และสวมรองเท้ายาง โดยสะพายอาวุธปืนอูซี่เอาไว้ด้วย
2.นายมูบาเระ วาแดบือแง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 1 ต.สามัคคี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส แต่งกายคล้ายกับศพแรก ในตัวพบซองกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 2 ซอง
"โอไอซี"ถามความคืบหน้าเลิก พ.ร.ก.ใต้
สำหรับภารกิจเมื่อวันอังคารที่ 8 พ.ค.ของ นายซาเยด คาสเซม เอล มาสรี ที่ปรึกษาและผู้แทนพิเศษของเลขาธิการโอไอซี และคณะ ได้เข้าพบและหารือกับ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่กระทรวงการต่างประเทศ
โดย นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ได้เชิญคณะผู้แทนระดับสูงของโอไอซีเยือนประเทศไทยในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้คณะผู้แทนโอไอซีได้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีขึ้นของการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้ชี้แจงถึงนโยบายของรัฐบาลว่าได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหา โดยยึดแนวยุทธศาสตร์พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา"
ขณะเดียวกันรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณราว 70 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุต่างๆ ในภาคใต้ ขณะที่ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการโอไอซี ก็เข้าใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องศาสนา และประณามผู้ที่ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ด้วย โดยเฉพาะเหตุระเบิดเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา (คาร์บอมบ์ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และ อ.เมือง จ.ยะลา)
"การเยือนครั้งนี้เป็นการเยือนหลังจากที่ได้มาเยือนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งพัฒนาการด้านต่างๆ ก็ดีขึ้น จำนวนเหตุการณ์รุนแรงก็ลดน้อยลง คิดว่าการเยือนไทยของคณะโอไอซีน่าจะเป็นประโยชน์และพูดถึงประเทศไทยในเวทีการประชุมในทิศทางที่ดีขึ้น" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้แทนพิเศษโอไอซีให้ความสนใจเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เรื่องการยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งได้ชี้แจงไปว่าได้ทะยอยยกเลิกในบางพื้นที่แล้ว เพื่อกลับมาใช้กฎหมายความมั่นคงตามปกติ ส่วนจะยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งหมดได้เมื่อใดนั้น ต้องขึ้นกับสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลพยายามดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถามว่า ผู้แทนพิเศษโอไอซีสอบถามเรื่องการละเมิดสิทธิคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้พูดถึง แต่ได้ชี้แจงภาพรวมถึงสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการมาว่าทำอะไรบ้าง ขณะที่กรณีกรือเซะก็ไม่ได้สอบถามถึงเช่นกัน
ถกเลขาฯสมช.เห็นพ้องปมขัดแย้งไม่ใช่เรื่องศาสนา
วันเดียวกัน นายซาเยด คาสเซม เอล มาสรี ยังได้นำเจ้าหน้าที่ระดับสูงของโอไอซี เข้าพบและหารือกับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่อาคารสภาความมั่นคงแห่งชาติ ภายในทำเนียบรัฐบาลด้วย
ภายหลังการหารือ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า โอไอซีมีหน้าที่ติดตามดูแลความเป็นอยู่ของชาวมุสลิมทั่วโลก การเยือนไทยครั้งนี้ก็เพื่อติดตามดูความเป็นอยู่ของชาวมุสลิมในประเทศไทย โดยเฉพาะสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการหารือก็ได้ชี้แจงถึงนโยบายการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ปี 2555-2557 ว่าเป็นนโยบายที่ถูกต้อง ได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน มีการทำประชามติร่วมกับชาวมุสลิมของประเทศปากีสถานและมาเลเซียด้วย ที่สำคัญนโยบายนี้ได้ผ่าน สมช. ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี รวมทั้งรัฐสภา โดยคณะผู้แทนพิเศษโอไอซีได้ชื่นชมนโยบายฉบับนี้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนั้่น ยังได้ชี้แจงถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยจะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการในวันที่ 11 พ.ค.นี้ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมให้ข้อมูลถึงการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของนายกรัฐมนตรีด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการพูดคุยถึงสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่หรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ทางโอไอซีได้ทราบถึงสถานการณ์อยู่แล้ว ส่วนมากจะถามถึงเรื่องการดำเนินนโยบายในการแก้ปัญหา และอยากเห็นความสงบสุขเกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งโอไอซีเองก็พร้อมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
"การหารือในครั้งนี้เห็นตรงกันคือ ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ใช่เรื่องทางศาสนา แต่เป็นความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่แตกต่าง ซึ่งสะสมมานานโดยไม่ได้รับการแก้ไขในทางที่ถูกต้อง" เลขาฯสมช.กล่าว
บึ้มโรงเรียนบาเจาะ-ทหารเจ็บเล็กน้อย 3 นาย
เวลา 14.50 น.วันอังคารที่ 8 พ.ค.เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 32 (นาวิกโยธิน กองทัพเรือ) ชุดรักษาความปลอดภัยโรงเรียน (รปภ.โรงเรียน) โดยจุดที่เกิดระเบิดอยู่ใกล้กับป้ายโรงเรียนบ้านบือเระ หมู่ 7 ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารกำลังนั่งพักผ่อนบริเวณม้าหินอ่อน แรงระเบิดทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 3 นาย
เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายพยายามนำระเบิดเข้าไปก่อเหตุป่วนภายในงานกาชาดจังหวัดนราธิวาส แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่วางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา จึงเบนเป้าไปวางในพื้นที่รอบนอกแทน
โปรยเรือใบลวง จนท.ก่อนดักบึ้มซ้ำเจ็บ 2
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ ย้อนหลังกลับไปถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นประปราย โดยเมื่อเวลา 19.30 น. วันจันทร์ที่ 7 พ.ค.2555 คนร้ายไม่ทราบจำนวนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ได้โปรยตะปูเรือใบพร้อมจุดไฟเผายางรถจักรยานยนต์บนเส้นทางลัดสายยะลา-ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา
ต่อมา นายยงยศยิ่ง สีหะสุทธิ์ ปลัดป้องกัน อ.เมืองยะลา ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) เข้าไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ โดยใช้รถกระบะเป็นพาหนะ และได้ถูกคนร้ายอีกชุดหนึ่งดักจุดชนวนระเบิดที่ฝังไว้ใต้ผิวถนนจนเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดทำให้รถได้รับความเสียหาย และนายยงยศยิ่ง กับ อส.ศิริพงษ์ วุ่นหวาน ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณบ้านท่าวัง หมู่ 4 ต.พร่อน อ.เมือง จ.ยะลา เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ตระเวนพังกล้องวงจรปิดอีก 24 ตัวที่ยะรัง
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลาประมาณ 01.50 น. วันเสาร์ที่ 5 พ.ค. คนร้ายไม่ทราบจำนวนได้โจรกรรมและทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ที่ติดตั้งบนเสาไฟฟ้าและเสาไฟส่องสว่างริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ท้องที่บ้านประจัน หมู่ 2 ต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และบ้านพงสะตา หมู่ 5 ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ทำให้กล้องได้รับความเสียหายรวม 24 ตัว
ทั้งนี้ ขณะที่คนร้ายกำลังปฏิบัติการ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยะรัง และตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) กำลังออกตรวจพื้นที่พอดี และประสบเหตุ จึงติดตามจับกุมคนร้าย แต่คนร้ายได้อาศัยความชำนาญพื้นที่ แยกย้ายกันหลบหนีไปได้ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
อนึ่ง การเผาทำลายกล้องวงจรปิด หรือ ซีซีทีวี ในพื้นที่ จ.ปัตตานี นั้น เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว เริ่มจากเมื่อวันที่ 19 ส.ค.2554 คนร้ายออกตระเวนทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในพื้นที่ อ.สายบุรี ทำให้กล้องเสียหาย 29 ตัว จากนั้นวันที่ 5 ก.ย.คนร้ายไม่ทราบจำนวนออกปฏิบัติการก่อกวนทำลายกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบริเวณริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ท้องที่บ้านต้นมะขาม หมู่ 4 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง ทำให้กล้องได้รับความเสียหาย 48 ตัว
ต่อมาวันที่ 28 ก.ย.คนร้ายไม่ทราบจำนวนตระเวนลอบวางเพลิงกล้องโทรทัศน์วงจรปิดซึ่งติดตั้งอยู่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (ปัตตานี-นราธิวาส) ท้องที่บ้านปูโป๊ะ หมู่ 9 ต.ตะลุโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี ทำให้กล้องเสียหายอีก 29 ตัว วันพุธที่ 7 ธ.ค.คนร้ายลอบเผากล้องโทรทัศน์วงจรปิด 16 ตัว ในท้องที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
ข้ามมาปีนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 17 ก.พ.2555 คนร้ายกระจายกำลังกันเผาทำลายกล้องวงจรปิดอีก 16 ตัว ในพื้นที่ 3 ตำบลของ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี และล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ 5 พ.ค.ที่ อ.ยะรัง อีก 24 ตัว รวม 6 ครั้งมีกล้องถูกเผาทำลายไปแล้วรวม 162 ตัว
นอกจากนั้นที่ จ.ยะลา ก็เพิ่งถูกคนร้ายตระเวนเผากล้องโทรทัศน์วงจรปิดในท้องที่ อ.รามัน และ อ.เมือง รวม 25 จุด ทำให้กล้องได้รับความเสียหาย 42 ตัว เมื่อเช้ามืดวันจันทร์ที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมานี้เอง
ยิงรายวันดับ 1 เจ็บ 1
วันศุกร์ที่ 4 พ.ค.เวลา 11.30 น.คนร้าย 4 คนมีรถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 11มม.ประกบยิง นายมาหาหมัดกอเซ็ง ดือราแม อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/3 บ้านแลแวะ หมู่ 2 ต.ตะโละแมะนา อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี กระสุนถูกบริเวณแก้มขวา ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบนทางหลวงหมายเลข 4071 บ้านแลแวะ หมู่ 2 ต.ตะโละแมะนา ขณะที่นายมาหาหมัดกอเซ็ง กำลังขี่รถกลับบ้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการลอบยิง
ส่วนที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เวลา 19.50 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิง นายสุพียัน บินสะนิ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124 บ้านกาโสด หมู่ 5 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา เสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดขณะนายสุพียัน ขี่รถจักรยานยนต์อยู่ในท้องที่บ้านบือซู หมู่ 6 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา มุ่งหน้ากลับบ้าน เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : บรรยากาศการเดินทางลงพื้นที่ของคณะผู้แทนพิเศษเลขาธิการโอไอซี การร่วมประชุมกับเลขาธิการ ศอ.บต.และข้าราชการระดับสูง รวมทั้งการยื่นจดหมายเปิดผนึกของเครือข่ายนักศึกษา (ภาพโดย อับดุลเลาะ หวังหนิ และ อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
ขอบคุณ : ข่าวภารกิจเลขาธิการโอไอซีที่กรุงเทพฯ เอื้อเฟื้อโดยสำนักข่าวเนชั่น