"แอมเนสตี้"จี้รัฐแก้ปมละเมิดสิทธิชายแดนใต้ แม่ร้องลูกชายตายปริศนาคาศูนย์บำบัดผู้เสพยา
องค์กรนิรโทษกรรมสากลเปิดรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนประจำปี 2555 เผยไทยยังถูกจับตาปัญหาชายแดนใต้ โดยเฉพาะการละเลยให้ผู้กระทำผิดลอยนวล ทั้งกรณีตากใบ-อิหม่ามยะผา พร้อมจี้เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ส่วนที่สงขลา แม่ร้องลูกชายตายปริศนาคาศูนย์บำบัดผู้เสพยาใน อ.จะนะ สงสัยถูกซ้อม ผลผ่าชันสูตรศพพบเลือดคั่งในปอด ด้านญาติ "พลทหารวิเชียร เผือกสม" ยื่นฟ้องแพ่งเรียก 14 ล้านหลังเจอครูฝึกทรมานจนเสียชีวิต
องค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือองค์กรนิรโทษกรรมสากล ประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรที่คอยจับตาตรวจสอบปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ได้แถลงรายงานสรุปภาพรวมสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2555 เมื่อเร็วๆ นี้ โดยแบ่งประเด็นที่เฝ้าจับตาออกเป็น 5 ประเด็น และมี 2 ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวคือ
1.สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังมีการสู้รบด้วยอาวุธ มีการพุ่งเป้าทำลายพลเรือนโดยไม่แยกแยะ
2.การลอยนวลพ้นผิด สืบเนื่องจากปัญหาภาคใต้ที่ยังไม่มีการลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหลายๆ เหตุการณ์ เช่น การเสียชีวิตของชาวมุสลิม 85 คนที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส (เหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ และการเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุม เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547) ยังไม่มีการลงโทษผู้ที่ซ้อมทรมานอิหม่ามยะผา กาเซ็ง จนเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวเมื่อเดือน มี.ค.2551 ที่ ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เป็นต้น
ทั้งนี้ องค์กรนิรโทษกรรมสากลฯ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยปฏิรูปกลไกด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการยกเลิกกฎหมายที่ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548) ที่ไม่สอดคล้องต่อพันธกรณีของประเทศไทยตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกฎหมายที่จำกัดสิทธิที่จะมีเสรีภาพปลอดพ้นจากการควบคุมตัวโดยพลการ เสรีภาพในการแสดงความเห็น การรวมตัวและการชุมนุมโดยสงบ เสรีภาพในการเดินทาง รวมถึงการยุติการจับกุมและควบคุมตัวโดยพลการ และประกันว่าผู้ถูกควบคุมทุกคนจะได้รับการนำตัวเข้าสู่การไต่สวนของคณะตุลาการอย่างเป็นอิสระโดยทันที โดยเป็นองค์คณะที่มีคุณสมบัติชอบด้วยกฎหมายของการควบคุมตัวบุคคล
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ยกเลิกการทรมานและปฏิบัติการอื่นๆ ที่โหดร้าย รวมทั้งดำเนินการสอบสวนอย่างมีประสิทธิภาพต่อปัญหาการขัดแย้งกันด้วยอาวุธในจังหวัดชายแดนภาคใต้
แม่ร้องลูกชายตายปริศนาคาศูนย์บำบัดผู้เสพยาจะนะ
ที่ จ.สงขลา มีคดีต้องสงสัยละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 1 ปี แต่ไม่มีความคืบหน้า โดย นางแล้ม ทิมทอง มารดาของ นายนพรุจ ขุนกาญ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73/2 หมู่ 2 ต.คลองทราย อ.นาทวี จ.สงขลา ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.จะนะ จ.สงขลา เอาไว้ ระบุว่านายนพรุจ ลูกชาย เสียชีวิตที่ศูนย์บำบัดยาเสพติดจินดาภรณ์ ต.ท่าหมอไทร อ.จะนะ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2554 ภายหลังเข้ารับการบำบัดที่ศูนย์แห่งนี้เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ปีเดียวกัน
นางแล้ม ให้การกับตำรวจว่า เมื่อเดินทางไปรับศพนายนพรุจ ก็พบว่าศพบุตรชายมีบาดแผและร่องรอยคล้ายถูกจี้ด้วยไฟหรือวัตถุที่มีความร้อนสูงหลายแห่ง จึงสงสัยว่าบุตรชายอาจจะถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายและทรมานจนเสียชีวิต
ต่อมา พนักงานสอบสวน สภ.จะนะ ได้ส่งศพนายนพรุจไปชันสูตรที่หน่วยนิติเวชศาสตร์และพิษวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผลการชันสูตรพบบาดแผลจากการถูกความร้อนตามแขนขาและหน้าอกจริง ทั้งยังระบุสาเหตุการตายว่า เกิดจากเลือดคั่งในปอดและบวมน้ำ
อย่างไรก็ดี คดีดังกล่าวไม่มีความคืบหน้า ทำให้นางแล้มเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย รวมถึงประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แต่ก็ไม่ปรากฏความคืบหน้าใดๆ ซ้ำเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมายังมีบุคคลอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากที่ว่าการอำเภอจะนะ เดินทางไปพบนางแล้ม และเจรจาขอให้หยุดร้องเรียน โดยจะจ่ายเงินให้นางแล้มจำนวนหนึ่งด้วย แต่นางแล้มไม่ยินยอม
แฉ จนท.มีอิทธิพล – ผู้ว่าฯสงขลารับสอบแล้ว
ขณะเดียวกัน นางแล้มได้เข้าร้องเรียนต่อนางอังคณา นีละไพจิตร ประธานมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ โดยจากการสอบถาม ได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากนางแล้มว่า หลังจากบุตรชายเข้ารับการบำบัด เคยแอบโทรศัพท์กลับมาบอกนางว่าถูกเจ้าหน้าที่ในศูนย์บำบัดฯทำร้ายร่างกาย ให้รีบไปรับตัวกลับ แต่นางไม่เชื่อ จึงไม่ได้ไปเยี่ยม สุดท้ายลูกชายก็เสียชีวิต
นอกจากนั้น ผู้เสียหายยังให้ข้อมูลว่ามีเจ้าหน้าที่ในศูนย์บำบัดจินดาภรณ์บางคนเป็นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น และมีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งที่ผ่านมายังเคยถูกบุคคลลึกลับพยายามข่มขู่ให้ยุติการร้องเรียนทางคดีด้วย ทำให้นางแล้มผู้เสียหาย เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ล่าสุด นางอังคณาในฐานะประธานมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ได้ทำหนังสือลงวันที่ 20 พ.ค.2555 ขอความเป็นธรรมถึง นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ซึ่งผู้ว่าฯกฤษฎา ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว
ญาติพลทหารถูกซ้อมตายฟ้องกลาโหมเรียก 14 ล้าน
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 พ.ค.2555 ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ญาติของ พลทหารวิเชียร เผือกสม ได้ยื่นฟ้องกระทรวงกลาโหม กองทัพบก และสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1-3 ให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 14 ล้านบาทเศษ กรณีครูฝึกทหารกระทำการลงโทษพลทหารวิเชียรด้วยการทรมาน เป็นเหตุให้พลทหารวิเชียรเสียชีวิต และขอให้ศาลมีคำสั่งไต่สวนเพื่อยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลด้วย เนื่องจากโจทก์ (ญาติของพลทหารวิเชียร) มีฐานะยากจน
ต่อมา ศาลแพ่งได้มีคำสั่งไต่สวนคำร้องของโจทก์ในการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล และมำคำสั่งว่า ในทางไต่สวนเชื่อได้ว่าโจทก์ไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาล และหากไม่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล โจทก์จะได้รับความเดือดร้อนเกินสมควร จึงมีคำสั่งให้โจทก์ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลได้ และศาลรับฟ้องของโจทก์และนัดชี้สองสถานในวันที่ 6 ส.ค.2555 เวลา 13.00 น.
อนึ่ง กรณีของพลทหารวิเชียร เผือกสม แม้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ไฟใต้ แต่เกิดขึ้นที่ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส โดยถูกครูฝึกและทหารราว 10 นาย ทำร้ายร่างกายจนตายเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2554
เหตุการณ์นี้กลายเป็นข่าวครึกโครมทางสื่อแขนงต่างๆ เนื่องจากพลทหารวิเชียรเคยอุปสมบทและศึกษาจนจบชั้นปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต คณะพุทธศาสตร์ สาขาวิชาศาสนา มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ผลการเรียนเกียรตินิยมอันดับ 1 และยังสำเร็จปริญญาโทจากคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีผลการเรียนดีเยี่ยมด้วย ทำให้ประชาคมธรรมศาสตร์ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพลทหารวิเชียร
ภายหลังเกิดเหตุ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ปรากฏว่ามีทหารราว 10 นายร่วมกันทำร้ายร่างกายพลทหารวิเชียรด้วยข้ออ้างหลบหนีการฝึก กระทั่งไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เบื้องต้นแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ดำเนินการลงโทษทางวินัย และให้ความช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นแก่ครอบครัวของพลทหารวิเชียรแล้ว พร้อมทั้งได้แจ้งความดำเนินคดีอาญาเอาไว้ แต่การดำเนินการนำตัวคนผิดมาลงโทษค่อนข้างล่าช้า เพราะผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องเข้ากระบวนการของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ทำให้ญาติของพลทหารวิเชียรยื่นฟ้องแพ่งต่อหน่วยงานของรัฐด้วยตนเอง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : สัญลักษณ์ขององค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล
ขอบคุณ : ภาพจาก http://voicefromthais.wordpress.com/