เจาะพื้นที่ “สีเขียว” ในบอร์ดรัฐวิสาหกิจ
ในช่วงหลังการรัฐประหาร ปี 2549 คมช. พยายามจัดการ “ท่อน้ำเลี้ยง” ที่กระจัดกระจายอยู่ในกระทรวงต่างๆ และมีการจัดระเบียบผลประโยชน์ในหลายหน่วยงาน เลยไปถึง รัฐวิสาหกิจของกระทรวงสำคัญๆที่ถูกมองว่ามีการทุจริต – คอรัปชั่น และ เป็นถุงเงินให้กับนักการเมืองในช่วงก่อนหน้านั้น
โดยรัฐวิสาหกิจที่สำคัญ มีการส่งทหารเข้าเป็นบอร์ด ทว่า เมื่อทหารเข้ามาบริหารงานกลับ “ไปไม่รอด” ทั้งในการล้างผลประโยชน์ และ การนำพาองค์กรไปในทิศทางที่พัฒนาหรือมีความเป็นมืออาชีพ แต่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์เสียเอง เนื่องจาก “ไม่มีข้อมูล” และ “ไม่ยั้งใจ” เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับเรื่องเงินๆ ทองๆ มาก่อน
มี “บิ๊กทหาร”หลายคนที่เคยได้ชื่อว่า ใจซื่อ – มือสะอาด แต่ก็“เสียคน” เพราะเชื่อพวกนั่งวิ่งเต้นที่ “เข้าหา” โดยไม่รู้ว่า คนเหล่านั้นก็ไม่ต่างจากคนที่ตัวเองต้องการเข้าไปล้างบาง ต่างกันตรง “คนที่เข้ามา” มีผลประโยชน์คนละขั้ว
แม้ช่วงที่ พรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาบริหารประเทศ บอร์ดชุดต่างๆ เริ่มมีนักการเมือง กลับเข้ามาบริหารประโยชน์เอง และ แบ่งผลประโยชน์โดยการเรียกใช้ “ทหาร” ในฐานะ “ส่วนควบ”ที่แปลงร่างสร้างบริษัท เขามารับงานแบ่งผลประโยชน์ กระจายเงิน
ซึ่ง”ทหารกลุ่มนี้ จะทำทั้งหน้าที่เป็น ผู้ทีรอรับผลประโยชน์ และ กระจายเงินให้กับกลุ่มอื่นๆ โดยไม่ได้คำนึงว่า “พรรคการเมือง”ที่เข้ามาบริหารนั้นจะเป็นกลุ่มใด สายใดก็ตาม แต่วิธีการและ สถานะอยู่ในลักษณะ “สีเทา” ที่ใช้อิทธิพล และ เครื่องแบบ เป็นเครื่องมือในการ ควบคุม ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย
ถ้ารัฐวิสาหกิจใด มีผลประโยชน์มหาศาล มีพื้นที่ในการ “จัดเก็บ” นอกระบบได้” ทหารกลุ่มนี้ก็จะวิ่งเข้าไปหาผู้บริหาร โดยผ่านนักการเมือง หรือไม่ก็ “บิ๊กทหาร” ที่เข้าไปบริหารงานในบอร์ดนั้นๆ เพื่อเจรจา หรือ ขอร่วมเข้าทำประโยชน์ด้วย
ไม่เช่นนั้นคงไม่เกิดข่าว เมือปีก่อน เจ้าของสัมปทานสนามบินสุวรรณภูมิแจ้งความดำเนินคดี เสธ.ชื่อดัง กับพวกมาเฟียที่รุมสกรัม และ บุกยึดที่จอดรถในตอนนั้น เจ้าของสัมปทาน เล่าว่า ได้รับสัมปทานบริหารจัดการสถานที่จอดรถทั้งหมดของสนามบิน สุวรรณภูมิ เป็นเวลา 5 ปี โดยสัญญาเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.- 30 มี.ค.2558 แต่กลับถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ชุดดำบุกเข้ายึดสำนักงานและสถานที่จอดรถทั้งหมดไว้ อยู่เป็นเวลากว่า 90 วัน และหลังจากยึดที่จอดรถแล้วก็ยังเก็บเงินค่าที่จอดรถแทน
หากจำได้ เรื่องดังข่าวมีตัวละคร ที่ล้วนเป็นทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้ง เสธ.สีฟ้า และ เสธ.สีเขียว ที่แย่งชิงผลประโยชน์อยู่ตรงนั้น
การท่าอากาศยานฯ ถือเป็นรัฐวิสาหกิจ เกรด เอ ของกระทรวงคมนาคม ซึ่งเกี่ยวพันกับงบประมาณจำนวนมหาศาล และถือเป็นขุมทรัพย์ที่นักการเมือง กลุ่มมาเฟีย อยากเข้าไปเอี่ยวในโครงการระดับ “บิ๊กโปรเจ็คส์”ที่ผุดขึ้นในแต่ละปีจำนวนมาก แต่ก็ไม่คงที่
แตกต่างจาก บอรด์รัฐวิสาหกิจ ที่เป็นแหล่งผลประโยชน์ย่อส่วน ที่สามารถ “เก็บกิน” ได้และ จัดสรรผลประโยชน์ให้กลุ่มต่างๆ ได้ง่ายกว่า
เดิมที่ คณะกรรมการการบินไทย หรือ บอร์ดการบินไทยฯ รวมถึง คณะกรรมการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) หรือที่เราเรียกว่า บอร์ดการท่าฯ นั้น จะถูกยึดครองโดยทหารอากาศ มาตลอด โดยเฉพาะในยุคที่ทหารเรืองอำนาจ คณะบริหาร จะมีชือ ผบ.ทอ.และ 5 เสืออากาศ รวมถึง บิ๊กทหารที่สนิทใกล้ชิดกับผบ.ทอ.ในยุคนั้น เข้ามานั่งเรียงหน้ากระดาน เต็มพรึ่ดทั้งห้องประชุม
แค่เบี้ยประชุม และ สิทธิพิเศษ ต่างๆ ก็ถือเป็นเงินขวัญถุง ที่เหล่า “บิ๊กทหาร” ไว้ใช้เป็น”ค่าขนม” ในแต่ละเดือน
เมื่อสถานการณ์และ อำนาจ เปลี่ยนขั้ว ทหารที่มีอยู่ในตำแหน่งสำคัญ ยังคงพัวพันกับการเมือง แต่ขณะเดียวกัน กลับพยายามถอยห่างมาจาก แหล่งผลประโยชน์ หรือ แหล่งขุมทรัพย์เหล่านี้ มากขึ้น จะมีเพียงทหารบางกลุ่มที่ยึดเส้นทางหากินในบอร์ดรัฐวิสาหกิจเหล่านี้ และก็ยังคงทำต่อไป เพียงแต่อาจจะเปลี่ยนรูปแบบ โดยการตั้งบริษัท หรือ เข้ามาบริหารเอง หลังจากตัวเองเกษียณอายุราชการไป
ในรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ทักษิณ- พจมาน เลือกจัดคนในกระทรวงสำคัญทั้งหมดเช่น คลัง พลังงาน ต่างประเทศ คมนาคม กลาโหม ในส่วนของกระทรวงคมนาคม วางตัว ทหารนอกราชการ เช่น พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณฑัต อดีต ผช.ผบ.ทอ.เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ของ “ทักษิณ” ที่เคยเป็นถึง แคนดิเดทคนสำคัญ ในตำแหน่ง ผบ.ทอ. ได้เข้ามาคุมกระทรวงนี้ ในช่วงรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ 1”
โดยมี พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี อดีตผู้บัญชาการอากาศโยธิน และ ผู้บังคับการทหารอากาศดอนเมือง คุมกองกำลัง สห. และ อย. เพือนเตรียมทหารรุ่น 10 ของ “ทักษิณ” อีกคนที่ได้เข้าไปประธานบอร์ดการท่าฯ
แค่ช่วงต้นของแต่งตั้ง ข้อวิพากษ์วิจารณ์ก็พุ่งตรงไปที่จุดมุ่งหมายหลักทางการเมือง ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องตามเก็บ “บัญชีมืด” ยุค “เนวิน ชิดชอบ” ที่เข้ามากุมกระทรวงสำคัญแห่งนี้ เพราะแค่ชื่อประธานบอร์ดคนเก่า คือ “เสี่ยโป้ว” ธีรพล นพรัมภา มือประสานที่เข้าได้ทั่ว แม้กระทั่งกองทัพบกในยุคที พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผบ.ทบ. ก็น่าจะมีราคาพอให้ขุดคุ้ย
“ผมเข้ามาก็ไม่ได้มาตั้งใจตามล้างตามเช็ด เรื่องการทำงานเราถือว่าต่างคนต่างอยู่ ถ้าเขาอนุมัติถูกต้องก็ไม่ไปแตะ ผมข้ามาดูตรงนี้คือการนับหนึ่งใหม่ อันไหนไม่ดีก็ยกเลิก ผมก็กำลังให้เขาเอามาให้ดูทั้งหมด ดูทุกสัญญา ส่วนคดีฟ้องร้องที่ศาลประเด็นเรื่องที่จอดรถเมื่อปีก่อน ก็รอดูผลทางคดีไป “พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ระบุ
แม้ประธานบอร์ดคนล่าสุด จะปฏิเสธว่า การถูกวางตัวเข้ามาไม่ได้มาล้างบางประโยชน์ในสายนักการเมืองเดิม ทว่า ในวงในกลับได้รับสัญญาณที่ดี เมื่อทหารสายนี้เข้ามาบริหาร เพราะในสุวรรณภูมิ ก็มี เสธ.คนดัง ที่มีผู้กองเป็นมือขวา สนิทสนมกับทหารสายนี้ แถมยังดองเป็นทั้งญาติห่างๆ และเพื่อนกับ รมว.คมนนาคม
ยังไม่นับปฏิบัติการ “ปล้นบ้านปลัดคมนาคม” ที่มีชื่อ “นายไก่ “กางหราหน้าหนังสือพิมพ์ โดยข่าววันแรกจะระบุว่า เป็น “เสธ.ไก่” ลูกน้องของ ผู้กองชื่อดังก็ตาม
โดยผู้กองคนดัง ยังมีชื่อเข้าไปทำธุรกิจบริษัทรักษาความปลอดภัย ที่ได้รับสัมปทานจาก บอร์ดการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในการเข้ามาจัดระเบียบผู้ค้าย่านตลาดคลองเตย จนเกิดเหตุลอบยิงแกนนำพ่อค้า ที่ชุมุนุมกลางสี่แยกถนนพระราม 4 กลางเมืองอย่างไม่สนใจกฎหมายบ้านเมือง
แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้น ผู้กองชื่อดัง มีบัญชีเงินฝากที่ถูกอายัดไว้ช่วงศึกเสื้อแดง ถึงกว่าพันล้านบาท แถมยังเป็น 1 ใน 3 ที่หลุดจากบัญชีดำอย่างง่ายดาย
แม้ในปัจจุบันทหารที่มีตำแหน่งหลักทำหน้าที่บริหารในกองทัพ จะไม่นิยมเข้ามาบริหารและ จัดการผลประโยชน์เหล่านี้ เพราะต้องการดำรงสถานะ “ทหารอาชีพ” ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการทำธุรกิจ เพื่อหลบเลี่ยงที่จะถูกหางเลขในเรื่องการทุจริต – คอรัปชั่น
แต่กระนั้น ก็ยังมีทหารนอกราชการ ในฐานะ คนมีสี ผู้มีอิทธิพล และ มีกองกำลังส่วนตัว ที่พร้อมจะเข้ามาดูแล จัดการผลประโยชน์ให้การเมือง และ รับอานิสงค์จากการมอบอำนาจเหล่านั้นอีกทอด
ทั้งที่ในข้อเท็จจริงการบริหารงานขององค์กรรัฐวิสาหกิจ คือการยังประโยชน์กับ ผู้ใช้บริการ และพัฒนาองค์กรให้เป็นที่ยอมรับต่อสาธารณชน แต่ในปัจจุบันหลายรัฐวิสาหกิจ ไม่ได้บริหารงานโดยยึดหลักดังกล่าวนี้เลย
แถมยังต้องเรียกใช้บริการ”ทหาร”มาเป็นเครื่องมือหลักในการรักษาผลประโยชน์ฝ่ายตน ซึ่งไม่แตกต่างจาก ยุคที่ “ระบอบทหาร”เฟื่องฟู โดยรัฐวิสาหกิจยังคงเป็นขุมทรัพย์ และ ผลประโยชน์ ที่นักการเมือง และ ทหาร ต่างก็มุ่งหวังจะฮุบมาไว้ในมือตัวเองด้วยกันทั้งนั้น!!!