2 ทศวรรษปากมูน สาทิตย์หยอดคำหวานกพ.54 เสนอครม.เปิดเขื่อนถาวร
รมต.ประจำสำนักนายกฯ ยืนยัน การตัดสินใจจะคำนึงถึงผลกระทบของทุกฝ่าย พร้อมโชว์กรณีตัวอย่าง 4 เรื่องที่รัฐบาลรับฟังเสียงปชช. ทั้งโฉนดชุมชน ธ.ที่ดิน กม.ภาษีที่ดิน และการแก้ปัญหาที่ดินที่ชาวบ้านขัดแย้งกับรัฐ
วันที่ 24 ธันวาคม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี และคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พร้อมด้วยศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้งแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสถาบันวิชาการ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรประชาสังคม รวมทั้งองค์กรภาคประชาชน จัดเวทีสาธารณะ 2 ทศวรรษปากมูน บนเส้นทางการต่อสู้ของคนหาปลา สู่การปลดปล่อยอิสรภาพให้แม่น้ำมูน ระหว่างวันที่ 24-25 ธันวาคม ณ ห้องประชุมไพรพะยอม มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี และที่แก่งสะพือ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เพื่อระดมแนวทางการพัฒนาแม่น้ำมูน อย่างบูรณาการ และแก้ไขปัญหาที่เกิดจากเขื่อนปากมูนในอนาคต โดยมีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธาน
ในฐานะประธานกรรมการแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล นายสาทิตย์ กล่าวถึงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนว่า รัฐบาลไม่อาจหลีกเลี่ยงการแก้ไขปัญหาของประชาชนได้ โดยเฉพาะปัญหาเขื่อนปากมูล ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของการต่อสู้กับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ที่ส่งผลสะเทือนในระดับประเทศ
"เขื่อนปากมูล แยกไม่ออกจากเรื่องการจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืนของประเทศ หรือปัญหาความยากจน เป็นเวลา 20 ปีที่รัฐบาลเวลานั้นตัดสินใจสร้างเขื่อนปากมูล ท่ามกลางกระแสการพัฒนาประเทศให้มั่งคั่ง ซึ่งเอกสารของคณะรัฐมนตรี มีมติที่เกี่ยวข้องกับเขื่อนปากมูลกว่า 60 มติ เอกสารเป็นพันๆ หน้า"
นายสาทิตย์ กล่าวถึงการต่อสู้ของชาวบ้านเขื่อนปากมูล ท่ามกลางการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้ชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงข้อหนึ่งว่า การพัฒนาประเทศเวลานี้ต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว ในอดีตเวลาจะสร้างโครงการขนาดใหญ่ของรัฐแทบไม่เคยมีกระบวนการการมีส่วนร่วมให้ประชาชนร่วมตัดสินใจเลย กลายเป็นการตัดสินใจของผู้มีอำนาจ ฝ่ายนโยบาย และตัดสินใจโดยการจ้างที่ปรึกษาเข้ามาศึกษาโครงการแต่ละโครงการ โดยไม่ได้ศึกษาผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน หลายโครงการในอดีตเดินตามแนวทางนี้ทั้งสิ้น ตั้งแต่แผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ.2504
"สมัยนั้นมีความเชื่อว่า การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ อำนาจเป็นของรัฐ แต่หลังจากนั้นผลกจากที่รัฐบาลยุคอดีตทำตัวเป็นคุณพ่อรู้ดี ไม่ถามประชาชนได้เกิดผลกระทบลบมากกว่าทางบวก ทั้งการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ แหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ ป่าไม้ ทะเล เกาะแก่ง วิถีชีวิตประชาชนที่ประเมินค่าไม่ได้"
นายสาทิตย์ กล่าวถึงการตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาเรื่องเขื่อนปากมูล 2 ชุดว่า ชุดหนึ่งไปรับฟังความคิดเห็นและอีกชุดไปศึกษางานวิจัยเรื่องเขื่อนปากมูนที่ทำมาในอดีต ซึ่งมีข้อสรุปอยู่ 2 ข้อ 1.คณะอนุกรรมการในงานวิจัยมีความเห็นว่า การสร้างเขื่อนปากมูลส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน ในเรื่องของพลังงานไฟฟ้านั้นมีทางเลือกทางอื่นได้ และเชื่อว่า มีความคุ้มค่าหากมีการเปิดเขื่อน ส่วนคณะอนุกรรมการที่ไปรับฟังความคิดเห็น มีข้อสรุปโดยคนส่วนใหญ่เห็นว่า ควรเปิดเขื่อนถาวร แม้มีส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยก็ตาม
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า หลังจากคณะอนุกรรมการฯ 2 ชุดนี้สรุปมาแล้ว จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีก 2 ชุดดูเรื่องการเปิดเขื่อนและการจ่ายเงินชดเชย ซึ่งจะให้ศึกษาออกมาให้ชัดเปิดเขื่อนปากมูลแล้ว ผลประโยชน์ตกกับใครและผลเสียเกิดกับใครบ้าง ทั้งนี้ ยืนยันว่า ในฐานะประธานฯ จะนำเสนอการเปิดเขื่อนปากมูลถาวรเข้าสู่คณะรัฐมนตรีพิจารณา ประมาณกุมภาพันธ์ 2554 โดยการตัดสินใจจะคำนึงถึงผลกระทบจากทุกฝ่าย ขณะที่ใครมีผลวิจัยขัดแย้งกับคณะอนุกรรมการฯ รัฐบาลก็ยินดีรับฟัง
สำหรับการต่อสู้เรียกร้องของภาคประชาชนนั้น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะภาคประชาชนมีการสะสมองค์ความรู้ ใช้เหตุผลหักล้างเหตุผลของรัฐ องค์กรฝ่ายวิชาการได้ ซึ่งการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้ได้ยึดหลักการบริหารประเทศแบบมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะตัดสินใดๆ ประชาชนต้องมีส่วนร่วมเสมอ
"มีตัวอย่างการที่รัฐบาลรับฟังเสียงประชาชน เช่น การแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน รัฐบาลรับไปดำเนินการจนเป็นรูปธรรมแล้ว อย่างน้อย 4 เรื่อง 1.โฉนดชุมชน เดินหน้าอนุมัติไปแล้ว 35 แปลง จาก 120 แปลง จากที่เสนอเข้ามา รวมที่จ.อุบลฯ ด้วย ซึ่งการทำงานไม่ได้ง่าย เพราะต้องไปเปลี่ยนทัศนคติของข้าราชการบางส่วน จากแนวคิดการจัดการทรัพยากรไม่ใช่เรื่องของประชาชน มาสู่การจัดการทรัพยากรเป็นเรื่องที่ต้องทำร่วมกัน 2.การจัดตั้งองค์การมหาชน ตั้งธนาคารที่ดิน เพื่อมาแก้ไขเรื่องที่ดินทำกินให้คนยากจนและไร้ที่ดินทำกิน 3.รับแนวทางกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การเก็บภาษีอัตราก้าวหน้า กับคนมีที่ดินแต่ไม่ใช้ประโยชน์ เพื่อนำผลต่างมาช่วยคนยากจน และ4.การแก้ไขปัญหาที่ดินที่ขัดแย้งกับรัฐทั้งรัฐประกาศที่ดินทับที่ชาวบ้าน หรือชาวบ้านอยู่ในที่ดินของรัฐ "
ส่วนประเด็นความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับรัฐบาล ปัญหาคนจน บุกรุกที่ดินของรัฐนั้น นายสาทิตย์ กล่าาว่า คนจนไม่ควรติดคุก ดังนั้นต้องมีการแก้ไขปัญหา และได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งจะตั้งคณะกรรมการระดับชาติ ว่าด้วยแก้ไขปัญหาคดีคนจน มีนายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธาน หลังจากนี้เดือนมกราคม 2554 เมื่อประกาศแนวทางปฏิรูปประเทศไทยแล้ว ก็จะเดินหน้าคืนความเป็นธรรมและแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น