“กองทุนเพื่อพัฒนาการศึกษา ” คืบ มอบเสมา 1 เฟ้นหารูปแบบ
วันนี้ (3 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (กนป.) ครั้งที่ 2/2553 ณ ห้องประชุมงบประมาณ ชั้น 3 อาคารัฐสภา ถนนอู่ทองใน กรุงเทพฯ โดยมีรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาเข้าร่วมประชุม เพื่อหารือเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งพิจารณาเรื่องการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการศึกษา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการจัดตั้งกองทุนของกระทรวงศึกษาธิการที่จะดำเนินการในลักษณะคล้ายกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ หรือ สสส. ว่า ได้มีการประชุมแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง ซึ่งคาดว่าจะได้รูปแบบที่สามารถนำมาเสนอได้ และได้มอบให้นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ดำเนินการ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า กองทุนฯ นี้มีความมุ่งหมาย คือ เพื่อเป็นองค์กรที่เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนสามารถทำงานเชิงนโยบายด้านการศึกษาได้ ส่วนงบประมาณขององค์กรจะนำไปใช้ในภาคประชาชน, เพื่อสร้างรายได้ที่แน่นอนตามสมควรในงานด้านการศึกษา และเพื่อสร้างรูปแบบการบริหารจัดการที่ไม่เป็นแบบราชการ ซึ่งจะทำให้เกิดความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
สำหรับการจัดประชุมสมัชชาขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง(พ.ศ.2551-2561) นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้รับทราบการจัดงานแล้ว โดยงานนี้จัดขึ้นในวันที่ 6-7 มี.ค. ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้แนวคิด “คนไทยได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ” ทั้งนี้เพื่อเปิดตัวและขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาฯ พร้อมการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ได้แก่ คณะรัฐมนตรี นักการเมือง ข้าราชการ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ประชาชน และสื่อมวลชน เพื่อนำสู่การปฏิบัติให้บรรลุผลตามเป้าหมายการปฏิรูปการศึกษา และเพื่อเร่งขับเคลื่อนให้สู่รูปธรรมโดยเร็วที่สุด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กิจกรรมในวันเสาร์ที่ 6 มี.ค.จะมีปาฐกถาพิเศษเรื่อง “แนวทางการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง” นอกจากนี้ยังมีการเสวนาเชิงวิชาการ นิทรรศการที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในทุกมิติการศึกษา ซึ่งถือว่าเป็นการจัดงานปฏิรูปการศึกษาที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
“ รัฐบาลหวังว่าหลังจากที่มีการปฏิรูปการศึกษาแล้วนั้น อยากเห็นคุณภาพของคนในสังคมไทยดีขึ้น โดยการใช้วิธีวัดความสำเร็จจากเรื่องต่าง ๆ เช่น ความรู้ความเท่าทันสถานการณ์ มาตรฐานคุณธรรม จริยธรรม ความสามารถในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม การดำรงรักษาความเป็นไทย และความเป็นสากลในโลกปัจจุบัน เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีมาตรฐานที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนต่อไป”
สำหรับการประชุมวันนี้ ได้มีการหารือเกี่ยวกับการกำหนดตัวบ่งชี้และเป้าหมายการปฏิรูปการศึกษาฯ ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสการศึกษาและเรียนรู้ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ซึ่งจะนำตัวบ่งชี้ต่างๆ ไปปรับปรุงการเฝ้าสังเกตของคณะกรรมการและจะนำมาเสนอที่ประชุมกนป. ใหม่ เพื่อเจาะลึกในรายละเอียดของแต่ละด้านอีกครั้ง โดยเป้าหมายหลักในการปฏิรูปฯ คือ
1.ผู้เรียนต้องได้เรียนรู้เต็มตามศักยภาพ คิดเป็น ทำเป็น มีความรู้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานในระดับที่กำหนด มีทักษะทางวิชาการและวิชาชีพ มีจริยธรรมและมีความสุขกับชีวิตสอดคล้องความต้องการของประเทศ โดยที่ประชุมเห็นชอบให้นำตัวเลขเกี่ยวกับปรากฏการณ์ในสังคมมาประเมินด้วย เช่น พิจารณาเรื่องปัญหาของเด็กและเยาวชนที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม หรือการทำผิดกฎหมายอื่นๆ ประกอบกัน 2.กำหนดเป้าหมายของครูทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ คือ ต้องทำให้เกิดครูเพื่อศิษย์ที่มีคุณภาพและยั่งยืนในวิชาชีพอย่างสง่างาม เป็นครูยุคใหม่อย่างแท้จริง รวมทั้งการกำหนดการทดแทนอัตราการเกษียณของครูใน 10 ปีข้างหน้า, การกำหนดเกณฑ์การใช้เวลาของครูที่จะต้องทุ่มเทในการเรียนการสอนในห้องเรียนและการผ่านกระบวนการกิจกรรม อีกทั้งเกณฑ์การพัฒนาครูอย่างต่อเนื่องด้วย
3. คนไทยต้องมีนิสัยใฝ่รู้ โดยต้องสร้างสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่เกื้อหนุนให้คนไทยได้เรียนรู้ตลอดชีวิตให้เกิดขึ้นในสังคม เช่น แหล่งเรียนรู้ต่างๆ การใช้ไอซีที การส่งเสริมการอ่าน เป็นต้น และ 4.ต้องสร้างการบริหารจัดการการศึกษา ด้วยการใช้เขตพื้นที่การศึกษาหรือเครือข่ายสถานศึกษาเป็นกลไกรับผิดชอบอย่างแท้จริงต่อความสำเร็จหรือล้มเหลวที่จะเกิดขึ้น ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมอย่างสำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องการบริหารจัดการด้านการศึกษา ที่มีตั้งแต่สัดส่วนระหว่างรัฐกับเอกชน ปัญหาของโรงเรียนขนาดเล็ก การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนของสังคม