ศธ.ประกาศปฏิญญาปฏิรูปการศึกษารอบ2
เมื่อวันที่ 7 มี.ค. นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานปิดงานประชุมสมัชชาขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง พร้อมประกาศปฏิญญาข้อตกลงปฏิรูปการศึกษาร่วมกับ 5 ผู้นำองค์กรหลักสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.),สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.),สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.),สำนักงานคณะกรรมการการอุดม ศึกษา (สกอ.)และสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
นายชินวรณ์ กล่าวว่า การปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สองนี้จากความร่วมมือของทุกคน ทุกฝ่าย ภาคการเมือง ภาคราชการ ภาคประชาสังคม ท้องถิ่น องค์กรศาสนา และภาคธุรกิจเอกชน เห็นพ้องร่วมกันว่าจะให้การ สนับสนุนการปฏิรูปการศึกษารอบที่สอง ที่ต้องทำให้คนไทยทุกคนได้เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ต้องทำให้คนไทยสามารถแข่งขัน เท่าทัน และยืนหยัดอยู่ภายใต้สถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของโลกทุกขณะได้อย่างสง่างาม อีกทั้งเพื่อตอบสนองการพัฒนาชาติที่ยั่งยืนในอนาคตและเพื่ออนาคตลูกหลานไทย ในปี 2561 ต้องมีการศึกษาทั้งในและนอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยที่มีคุณภาพ คนไทยทุกคนมีโอกาสการศึกษาที่เท่าเทียมและทั่วถึง ทุกภาคส่วนมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อนำไปสู่คุณภาพคนไทยยุคใหม่ ครูยุคใหม่ สถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้ยุคใหม่ และการบริหารจัดการยุคใหม่
"การปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้เป็น ภารกิจศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความอยู่รอดของเมืองไทยและลูกหลานไทย การทำงานเรื่องนี้จึงต้องไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง และไม่ท้อถอยแม้มีอุปสรรคระหว่างหนทาง เราจะร่วมสร้างคนไทยที่มีคุณภาพด้วยสมอง สองมือ และด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นของพวกเราทุกคน "
สำหรับเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องทำใน การปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สองนั้น นายชินวรณ์ กล่าวว่า มี 3 เรื่อง คือ กำหนดเป้าหมายตัวชี้วัดผลการปฏิรูปให้ชัดเจน เพื่อประเมินผลการทำงาน, สร้าง ขวัญกำลังใจให้ครูและบุคลากร จะเกิดแผนกำลังคนด้านการศึกษาระดับชาติ โดยขณะนี้ได้เสนอเรื่องปรับเพิ่มค่าตอบแทนครูแล้วซึ่งกำลังดำเนินการ และต้องทำแผนพัฒนาขับเคลื่อน เช่น เกิดแผน 6 เดือน แผน 1 ปี 3 ปี หรือ 5 ปี เพื่อให้เห็นชัดว่าจะเกิดอะไรในช่วงใดบ้าง ถือเป็น โดยสำคัญของการปฏิรูปการศึกษารอบนี้
ส่วนการผลิตครูยุคใหม่เพื่อศิษย์นั้นใน การปฏิรูปการศึกษารอบนี้ นายชินวรณ์ กล่าวว่า จะให้มีครูที่มีใบประกอบวิชาชีพครูเพิ่มขึ้น มีการกำหนดตัวชี้วัดในการเลื่อนวิทยฐานะให้ชัดเจนขึ้น ครูต้องได้อบรมเชิงสมรรถนะอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ในเรื่องเครื่องมืออุปกรณ์เทคโนโลยีการ ช่วยสอนขณะที่ สถานศึกษาต้องมีปัจจัยนำเข้าที่ดี ต้องมีตัวชี้วัดในการผ่านประเมินจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ การศึกษา (สมศ.) จะมีอินเตอร์ความเร็วสูง มีโทรทัศน์เพื่อการศึกษา เช่น ติวเตอร์แชแนล ทีชเชอร์ทีวี เป็นต้น และจะเกิดโรงเรียนดีประจำตำบลในพื้นที่ด้อยโอกาสต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ด้านผลสัมฤทธิทางการศึกษาและโอกาสของโรงเรียนขนาดเล็กทั่ว ประเทศโดยต้องสนองตอบยุทธศาสตร์การกระจายอำนาจ สนองตอบผู้ด้อยโอกาสและคนพิการ ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานคณะ กรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)เตรียมการเสนอเรื่องนี้ และทางกระทรวงศึกษาธิการเตรียมงบประมาณส่วนนี้ไว้ 1,900 ล้านบาท
“ นอกจากจะเกิดสสส.ทางการศึกษาเช่นเดียวกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้าง เสริม สุขภาพ (สสส.)ของกระทรวงสาธารณสุข แล้ว ก็จะมีกองทุนวิชาชีพครู จะเกิดสมัชชาเพื่อพัฒนาชีวิตครูในช่วงเดือนเม.ย.นี้ และ จะมีสัดส่วนที่ชัดเจนระหว่างการศึกษาสายสามัญกับสายอาชีพ โดยจะมีการเชื่อมต่อการศึกษาขั้นพื้นฐาน อาชีวะศึกษา และอุดมศึกษาในการพัฒนา ที่เน้นการเรียนต่ออุดมศึกษาต่อไปนี้ต้องเรียนเพื่อส่งเสริมความสามารถการ แข่งขันของประเทศ ส่วนอาชีวะศึกษาต้องมีกระบวนการรวมกลุ่มเพื่อสนองความต้องการของพื้นที่ เช่น กลุ่มอันดามันต้องตอบสนองเรื่องการท่องเที่ยว เป็นต้น”
ทั้งนี้ รศ.ดร.ธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กล่าวสรุปงานประชุมสมัชชาขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้มี 26 ประเด็นในการอภิปรายระดมความคิดเห็น โดยจะมีการรวบรวมทุกความคิดเห็นและทุกข้อเสนอจากประชุม นำไปขับเคลื่อนเป็นยุทธศาตร์ต่อไป