“วสันต์ พานิช” หนุนแนวคิดฟื้นยุติธรรมชุมชน
อดีต กสม. แนะสร้าง “ยุติธรรมชุมชน” ด้วยแนวคิดผลักดันจากล่างขึ้นบน ชาวบ้านต้องสร้างกติกาผ่านรากเหง้าตนเอง ยันแม้หลายแห่งขาดความรู้ด้านกฏหมาย แต่เชื่อพร้อมตบเท้าเข้าร่วม
นายวสันต์ พานิช กรรมการฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย สภาทนายความ และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงกระแสการขับเคลื่อนเรื่องยุติธรรมชุมชนว่า ยุติธรรมชุมชนเดิมเป็นวัฒนธรรมที่อยู่คู่กับชุมชนมาช้านาน ในอดีตผู้ที่ตัดสินความยุติธรรมในชุมชนนั้น คือ ผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้อาวุโส อันเป็นที่นับถือของคนท้องถิ่น แต่สังคมที่เติบโตในปัจจุบัน กลับทำให้วัฒนธรรมเหล่านี้เลือนลางไป ซึ่งหากมีกลไกบางอย่างนำให้สิ่งเหล่านี้กลับคืนมา เชื่อว่าจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในชุมชน หรือกระบวนการสร้างกฏหมายใหม่ อันจะส่งผลให้สังคมเข้มแข็งขึ้นได้
นายวสันต์ กล่าวถึงแนวทางการขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรมชุมชน ว่า ต้องผลักดันด้วยแนวคิดจากล่างขึ้นบน ทำให้เกิดการสร้างกติการ่วมกันระหว่างชุมชน ผ่านกระบวนการประชาพิจารณ์ โดยมีภาครัฐให้การสนับสนุนดูแล ซึ่งชาวบ้านต้องกลับไปค้นหา 'รากเหง้า ประเพณี' ว่า ชุมชนของตนเองต้องการอะไร เช่น ลักเล็กขโมยน้อย อาจให้ทำงานชดใช้หรือทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ชุมชนแทนการจับกุม คุมขัง ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นบางครั้ง ไม่จำเป็นต้องส่งผู้กระทำผิดไปดำเนินคดีในชั้นศาลเพียงอย่างเดียว เพราะสามารถปรับปรุงแก้ไขกันเองได้ในชุมชน
“แนวคิดเหล่านี้จะทำให้เกิดความเข้มแข็งในระดับชุมชน พร้อมทั้งมีกลไกในการดูแลกันเอง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ชุมชนสามารถปกครองตนเองได้ อันถือเป็นแก่นแท้ของกฏหมายรัฐธรรมนูญไทย”
ด้านตัวอย่างกระบวนการยุติธรรมชุมชนนั้น อดีตกรรมการ กสม. กล่าวว่า ชุมชนตำบลแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มีกระบวนการจัดการตนเองด้วยวิธีการทำข้อตกลงร่วมกัน เช่น ห้ามระเบิด หรือวางยาเบื่อปลา หากพบผู้กระทำผิด ถูกปรับและนำรายได้คืนสู่ชุมชน ในขณะที่ชุมชนบริเวณแก่งเสือเต้น ที่มีข้อกำหนดว่า ห้ามตัดไม้และนำออกนอกบริเวณชุมชน โดยละเว้นให้ตัดเพื่อสร้างบ้านในพื้นที่ตนเอง ซึ่งที่ผ่านมาได้เกิดกรณีบุคคลบางกลุ่มพยายามลักลอบตัดไม้ และขนส่งออกนอกพื้นที่ ทำให้ชุมชนรวมตัวกันเข้าขัดขวาง จนเกิดข้อยุติร่วมกันระหว่างคนภายนอกกับคนในชุมชนว่า จะไม่นำไม้ออกนอกบริเวณ และให้ชาวบ้านซื้อไม้คืนชุมชนทั้งหมด
“นอกจาก 2 ชุมชนดังกล่าว ยังมีอีกหลายชุมชนที่ต้องการสร้างยุติธรรมชุมชนให้เกิดขึ้น เช่น ตำบลเมืองแหง จังหวัดเชียงใหม่, ตำบลวังอ่าง จังหวัดนครศรีธรรมราช, ตำบลทุ่งนาเลา และตำบลทุ่งพระ จังหวัดชัยภูมิ ฯลฯ แต่ปัญหาสำคัญ คือ ขาดที่ปรึกษา และคำแนะนำที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฏหมาย”
นายวสันต์ กล่าวด้วยว่า นอกจากการทำยุติธรรมชุมชน อันเป็นกระบวนการแก้ปัญหาในระดับท้องถิ่นเบื้องต้นแล้ว ในระดับประเทศควรเร่งแก้ไขปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมเช่นกัน โดยเริ่มที่ระบบการศึกษาด้านนิติศาสตร์ ต้องสนับสนุนให้นักศึกษาที่จบออกมา กลับมาใช้ความสามารถที่ท้องถิ่นของตนเอง เพื่อการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนถาวร