เร่งวุฒิสภาคลอดกม.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน เป็นของขวัญวันแรงงาน
เลขาธิการ สช. แจงความก้าวหน้ามติสมัชชาสุขภาพ คาดหวังแรงงานนอกระบบจะมีความมั่นคงทางสุขภาพอีกไม่นาน ขณะที่ผจก.มูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ จี้รัฐให้การคุ้มครองแรงงานนอกระบบอย่างทั่วถึง เท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ
เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา คณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คมส.) ซึ่งเป็นกลไกที่แต่งตั้งโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประธานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ จัดเวทีเสวนาเรื่อง "แรงงานนอกระบบกับความมั่นคงทางสุขภาพ" ที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ หลักสี่ กรุงเทพมหานคร ต้อนรับวันแรงงานแห่งชาติ โดยมีการนำเสนอสถานการณ์ความมั่นคงทางด้านสุขภาพของแรงงานไทยที่มีมากกว่า 38.4 ล้านคน และแรงงานนอกระบบกว่า 24.3 ล้านคน ทั้งนี้ ยังพบว่า 3 ใน 5 ของแรงงานนอกระบบประสบปัญหาสารเคมีที่เกิดจากความไม่ปลอดภัยในการทำงาน 2ใน 5 ของแรงงานนอกระบบต้องทำงานหนักจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพแรงงาน
นางศิรินา ปวโรฬารวิทยา รองประธาน คมส. กล่าวว่า กว่าร้อยละ 70 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ แรงงานนอกระบบเป็นกลุ่มที่มีส่วนในการสร้างความก้าวหน้าให้เศรษฐกิจ แต่กลับพบว่า แรงงานกลุ่มนี้ยังมีความไม่มั่นคงทั้งทางด้านอาชีพ เศรษฐกิจและสุขภาพ
“ปี 2551 เครือข่ายองค์กรด้านแรงงานนอกระบบ ได้จัดทำข้อเสนอ เสนอนโยบายและบรรจุเป็นระเบียบวาระหนึ่งในการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1 จนมีฉันทามติร่วมกันว่า จะสร้างหลักประกันสุขภาพที่มั่นคงให้กับแรงงานนอกระบบ ภายใต้ระเบียบวาระเรื่อง นโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาวะแรงงานนอกระบบ มีคมส.เป็นกลไกในการประสานการทำงานกับทุกภาคส่วน”
ด้านนพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวถึงการดำเนินการตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ที่ผ่านมา มีความก้าวหน้าหลายประการ เช่น มีการกำหนดนิยามคำว่า แรงงานนอกระบบ ให้ชัดเจน เพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการกำหนดนโยบายและปฏิบัติ อีกทั้งรัฐบาลปัจจุบันมีการผลักดันให้มีกฎหมายสำคัญ อาทิ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้านพ.ศ…. ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา โดยจะเป็นกฎหมายที่สร้างหลักประกันสุขภาพกับแรงงานนอกระบบที่รับงานไปทำที่บ้าน
“นอกจากนี้ยังมีการขยายสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนตามระบบประกันสังคมให้ครอบคลุมไปถึงคู่สมรส และบุตร อยู่ระหว่างการปรับปรุงกฎหมายอยู่ และมีความพยายามในการผลักดันให้มีกฎหมายว่าด้วยกองทุนการออมแห่งชาติ เป็นกฎหมายที่สร้างหลักประกันทางเศรษฐกิจให้แก่ประชาชนที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ รวมถึงแรงงานนอกระบบทั้งหมดอีกด้วย”
เลขาธิการ สช. กล่าวว่า คาดหวังแรงงานนอกระบบจะมีความมั่นคงทางสุขภาพอีกไม่นาน ซึ่งการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เป็นการขับเคลื่อนแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่พลิกแบบฝ่ามือ ค่อยๆเห็นชัดเจนและคืบหน้าไป ดังนั้นวันแรงงานแห่งชาติปีนี้ ขอส่งสัญญาณไปถึงวุฒิสภารีบออกพ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้านพ.ศ….เป็นของขวัญที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้ประโยชน์ตกไปถึงผู้รับงานไปทำที่บ้านจำนวนกว่า 10 ล้านคน
ขณะที่นายสำเร็จ มุระคา อาชีพขับแท็กซี่มา 14 ปี หนึ่งในแรงงานนอกระบบภาคบริการ กล่าวว่า แรงงานนอกระบบเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ได้รับความสนใจจากรัฐน้อยมาก อยากให้รัฐบาลหันมาสนใจแรงงานกลุ่มนี้มากขึ้น โดยเฉพาะความมั่นคงด้านสุขภาพ ขณะนี้ได้เพียงสิทธิบัตรทองเท่านั้น เพราะเมื่อเกิดการเจ็บป่วยแรงงานนอกระบบประสบปัญหาความยากลำบาก ต้องไปกู้เงินนอกระบบ
ส่วนนายเสนอ อินทะรังษี สมาชิกอาสาสมัครแท็กซี่ของ สวพ.91 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการลงไปช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุบนทางด่วน กล่าวว่า ตนช่วยเหลือสังคม จนประสบอุบัติเหตุเดินไม่ได้ ขณะนี้สิ่งที่ได้รับ ไม่มีรายได้ และต้องส่งประกันสังคมเอง ดีที่มีอาสาแท็กซี่ช่วยดูแล ซึ่งหลักประกันด้านสุขภาพ ของคนขับรถแท็กซี่ และแรงงานนอกระบบ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน พ่อค้าแม่ค้า มอเตอร์ไซต์รับจ้าง ขณะนี้ยังไม่มี จึงอยากขอให้รัฐบาลช่วยสิทธิส่วนนี้ด้วย
ทั้งนี้ นางพูนทรัพย์ ตุลาพันธุ์ ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ กล่าวถึงปัญหาเรื่องสุขภาพ ความไม่มั่นคงและปลอดภัย เป็นปัญหาสำคัญของแรงงานนอกระบบ โดยเป็นปัญหาที่สองรองจากเรื่องรายได้และเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางด้านอาชีพ
“แรงงานนอกระบบเป็นคนส่วนใหญ่ ซึ่งหากดูคำนิยาม จะรู้ว่า แรงงานนอกระบบเป็นคนที่ไม่ได้ระบการคุ้มครอง เพราะไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมาย ทำให้ไม่ได้รับการดูแล ฉะนั้นเรื่องนี้สำคัญทำอย่างไรให้สิทธิเสียงของคนส่วนใหญ่ได้ออกมาสู่สาธารณะ สมัชชาสุขภาพเป็นเวทีสำคัญให้ปัญหาของเราได้นำเสนอสู่สาธารณะ ขณะเดียวกันทำให้เราได้ช่วยคิดนโยบายด้วย เพราะที่ผ่านนโยบายส่วนใหญ่มาจากส่วนบน นักการเมืองไม่เคยนั่งแท็กซี่ หรือมอเตอร์ไซต์ทำให้การมารับรู้ปัญหาตรงจุดนี้ทำได้ลำบาก”นางพูนทรัพย์ กล่าว และว่า การใช้เวทีสมัชชาฯ ขับเคลื่อน ทำให้เห็นภาพแรงงานนอกระบบ โดยรวม เห็นความก้าวหน้า ได้เห็นจุดการเคลื่อนไหวร่วมกัน ไม่ใช่การไปยื่นข้อเรียกร้อง หรือการเมืองบนท้องถนน แต่เป็นการเมืองในห้อง ในมิติเชิงศักดิ์ศรีจะดีกว่ากัน
นางพูนทรัพย์ กล่าวด้วยว่า การคุ้มครองสิทธิรัฐบาลไม่ควรเลือกปฏิบัติ แรงงานนอกระบบเป็นกลไกในการร่วมผลักดันประเทศ รัฐควรจะต้องร่วมจ่ายสมทบให้กับแรงงานนอกระบบด้วย เพราะจะเกิดคำถาม ทำไมรัฐร่วมสมทบได้กับในแรงงานในระบบ ทำไมรัฐสมทบจ่ายไม่ได้กับแรงงานนอกระบบ ขณะนี้เรื่องนี้ไปอยู่ที่กฤษฎีกา แต่ไม่ค่อยได้รับความสนใจที่จะพิจารณาประเด็นนี้ ทั้งๆ ที่รัฐควรให้การคุ้มครองแรงงานอย่างทั่วถึง เท่าเทียม ไม่ใช่เลือกปฏิบัติ รวมทั้ง ประเด็นการเรียกร้องจากสำนักงานประกันสังคม สิ่งที่แรงงานควรได้ คือบำนาญ แต่ก็ยังให้แบบบำเหน็จ ใช้ฐานคิดแบบกองทุน แทนการคิดแบบการดูแลคนของภาครัฐ