กอร์ปศักดิ์นั่งหัวโต๊ะประชุมร่วม 32 ชุมชนพื้นที่มาบตาพุด
เลขาธิการนายกฯ ร่วมประชุมกับผู้แทน 32 ชุมชนในพื้นที่มาบตาพุด-ติดตามความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหา 3 โครงการเร่งด่วน ก่อนนายกฯ ลงพื้นที่ 20 พ.ย.นี้
วันที่ 13 พฤศจิกายน นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามรายงานการแก้ไขปัญหาในพื้นที่มาบตาพุด พร้อมคณะอนุกรรมการติดตามรายงานผลการแก้ไขปัญหาในพื้นที่มาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง จังหวัดระยอง ร่วมประชุมกับผู้แทนชุมชนจำนวน 32 ชุมชนในพื้นที่มาบตาพุด เพื่อติดตามความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาในพื้นที่มาบตาพุด และบริเวณใกล้เคียง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง หัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนภาคเอกชน ผู้แทนชุมชนจำนวน 32 ชุมชน เข้าร่วมประชุมและรายงานความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหา
สำหรับการลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อติดตามความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาในพื้นที่มาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง จำนวน 3 โครงการเร่งด่วน ประกอบด้วย
1. โครงการก่อสร้างระบบประปาและรายละเอียดโครงการสำหรับชุมชนที่ตกสำรวจ ซึ่งการประปาส่วนภูมิภาคได้รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างขยายเขตจำหน่ายน้ำประปาอำเภอเมืองว่าดำเนินการไปแล้ว 22% เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ ส่วนโครงการก่อสร้างปรับปรุงท่อและขยายเขตจำหน่ายน้ำพื้นที่เมืองมาบตาพุด และเทศบาลบ้านฉาง ดำเนินการ ไปแล้ว 14% เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้เช่นกัน
ทั้งนี้ จากการสำรวจชุมชน และครัวเรือนที่ตกสำรวจในพื้นที่อำเภอเมือง เทศบาลเมืองมาบตาพุด และเทศบาลเมืองบ้านฉาง มีครัวเรือนที่ตกสำรวจมากกว่า 7,000 ครัวเรือน โดยการประปาส่วนภูมิภาคจะดำเนินการวางท่อประปาให้ครัวเรือนที่ตกสำรวจ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 140 ล้านบาทสำหรับการดำเนินการ
2. โครงการตรวจสุขภาพ และเฝ้าระวังโรคของประชาชน ในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานถึงปัญหาการตรวจสุขภาพของประชาชนว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่พึงพอใจต่อการแจ้งผลการตรวจ และไม่ค่อยให้ความสนใจกับการตรวจสุขภาพมากนัก โดยเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้ปรับเปลี่ยนการทำงานรูปแบบใหม่ ว่าให้มีการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าถึงวัน และสถานที่ที่จะทำการตรวจสุขภาพ โดยให้ส่งทีมงานเข้าพื้นที่ติดต่อกัน 2 ครั้งสำหรับการออกหน่วยเคลื่อนที่ตรวจสุขภาพประชาชนแต่ละครั้ง คือครั้งแรก ทีมที่เข้าไปตรวจสุขภาพ และครั้งที่สองทีมที่แจ้งผลการตรวจให้ทราบ รวมทั้งให้อธิบายผลการตรวจให้ประชาชนเข้าใจง่ายขึ้น ถ้าหากพบว่ามีความผิดปกติก็ให้นัดมาตรวจซ้ำและให้การรักษา พร้อมให้เพิ่มกลุ่มเป้าหมายในการตรวจสุขภาพใหม่ คือให้เพิ่มผู้ที่อาศัยอยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตร โดยให้มีการตรวจสุขภาพประจำปีทุกๆ ปี หรือ 2 ปี ครั้ง เพื่อที่จะดูแลและรักษาได้ทันที
3.โครงการพัฒนาศักยภาพการให้บริการของโรงพยาบาล ในพื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า ปัญหาหลักของการให้บริการของโรงพยาบาลคือ ขาดแคลนบุคลากรโดยปัจจุบันมีบุคลากรเพียง 91 ตำแหน่ง ซึ่งทางโรงพยาบาลต้องการบุคลากรจำนวน 329 ตำแหน่ง ถึงจะเพียงพอต่อการให้บริการประชาชน สำหรับปีนี้ได้รับการจัดสรรพนักงานราชการเพิ่มแล้วจำนวน 10 อัตรา โดยเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ฝากให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดหาบุคลากรให้เพียงพอต่อความต้องการของโรงพยาบาล
หลังจากนั้นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางลงพื้นที่ เพื่อติดตามมาตรการ EIA ณ บริษัทบริหาร และการพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำกัด (มหาชน) โดยทางบริษัทได้รายงานถึงมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม โครงการศูนย์กำจัดกากอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ว่าทางบริษัทได้ดำเนินการเก็บตัวอย่างของเสีย จากการทดลองบำบัดในขั้นตอน Pre – Acceptance โดยจะมีการสุ่มตัวอย่างเดือนละ 1 ครั้ง สำหรับกากของเสียที่ผ่านกระบวนการ stabilization แล้ว และดำเนินการเก็บตัวอย่างกากที่ผ่านการปรับเสถียรแล้วจากบ่อปรับเสถียร สัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยกระบวนการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ 6 (พ.ศ.2540)
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่มาบตาพุด และบริเวณใกล้เคียง จังหวัดระยอง ในวันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2553 เพื่อติดตามความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาในพื้นที่มาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง พร้อมเป็นประธานรับมอบรถตรวจสุขภาพเคลื่อนที่เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลใช้ในการบริการประชาชน และเป็นประธานในพิธีเปิดจุดการจ่ายน้ำประปาให้กับชุมชน และ เยี่ยม ชมพื้นที่ก่อสร้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ วิทยาเขตระยอง