“หมอประเวศ” วาดฝันไทยควรเป็นมหาอำนาจทางการพยาบาล
วันนี้ (10 ก.พ.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) เป็นประธานเปิดงานการประชุมวิชาการระดับชาติพยาบาลชุมชน ครั้งที่ 6 ประจำปี 2553 ระหว่างวันที่ 10-12 ก.พ. โรงแรมแอมบาสเดอร์ ถ.สุขุมวิท กรุงเทพฯ จัดโดยมูลนิธิพยาบาลชุมชแห่งประเทศไทย ชมรมพยาบาลชุมชนแห่งประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยเห็นว่า พยาบาลชุมชน ต้องปรับบทบาทในการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง อย่างน้อย 4 ด้าน คือ การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพ โดยเฉพาะการส่งเสริมสุขภาพเชิงรุก จะเป็นบทบาทใหม่ที่สำคัญสำหรับงานพยาบาลชุมชน
นายจุรินทร์ กล่าวถึงการส่งเสริมให้เป็นประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพในภูมิภาค ว่า จะกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนออกมาในอนาคตอันใกล้นี้ โดยจะต้องไม่กระทบต่อการให้บริการด้านสาธารณสุขของคนไทยทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ “ เราจะไม่เดินหน้าสู่เมดิคัลฮับก็ไม่ได้ เพราะเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องเดินหน้าต่อไป สุดท้ายต้องออกกฎหมายใหม่เพิ่มเติม เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ได้รับความเสียหายจากการบริการด้านสาธารณสุข ซึ่งจะช่วยให้มีคณะกรรมการไกล่เกลี่ยเพื่อให้ผู้ได้รับความเสียหายได้รับการเยียวยาอย่างทันท่วงที ขณะเดียวกันแพทย์และพยาบาลก็ไม่ต้องถูกฟ้องร้องโดยไม่จำเป็นเพราะการไกล่เกลี่ย เป็นต้น โดยพ.ร.บ.นี้กำลังเร่งดำเนินการ”
ด้านศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวถึงการขับเคลื่อนและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชนว่า วิกฤตระบบสุขภาพที่เกิดขึ้นทั่วโลก ประเทศไทยไม่สามารถหนีการปฏิรูประบบสุขภาพได้ พยาบาลจะเป็นจุดเปลี่ยน ที่ผ่านมาระบบสุขภาพของไทยเป็นแบบตั้งรับ รอให้เกิดการเจ็บป่วยจึงรักษาพยาบาล นอกจากมีราคาแพง คุณภาพไม่ได้แล้ว ยังไม่ทั่วถึง จึงต้องการจุดเปลี่ยนปฏิรูประบบสุขภาพ ใน 2 ระดับ ทั้งปฏิรูประบบบริการสุขภาพ และปฏิรูประบบสุขภาพ
ส่วนจุดเปลี่ยนของการปฏิรูประบบบริการสุขภาพนั้น ศ.นพ.ประเวศ กล่าวว่า จะเกิดขึ้นได้ต้องเริ่มจากเปลี่ยนยุทธศาสตร์จากการตั้งรับเป็นเชิงรุก รุกการสร้างสุขภาพดีให้มากที่สุดให้เต็มพื้นที่ทั้งประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยและตายโดยไม่จำเป็น จุดยุทธศาสตร์ตรงนี้ คือ ระบบสุขภาพชุมชน แต่วันนี้เรายังยึดติดกับเรื่องรักษาโรคไม่คำนึงถึงการสร้างสุขภาพ ซึ่งการสร้างระบบบริการสุขภาพที่ดี ต้องยึดหลัก EQE ทั่วถึง (Equity) มีคุณภาพ (Quality) และมีประสิทธิภาพ (Efficiency)
“ถ้าเราทำระบบสุขภาพชุมชนในพื้นที่ให้ดีนั้นจะสามารถลดปัญหาสุขภาพได้ เหลือปัญหาสุขภาพถึงโรงพยาบาลใหญ่ๆ ไม่มาก เฉพาะกรณีที่ยากจริงๆ ลดภาระโรงพยาบาลศูนย์ลงได้ การจะทำตรงนี้ให้เกิดพลังร่วมนั้นต้องสร้างเป้าหมายและวิสัยทัศน์ร่วมกันทุกฝ่ายในการดำเนินการ เรียกว่ายุทธการแสงเลเซอร์ มีการรวมพลังทะลุทะลวงได้”ศ.นพ.ประเวศ กล่าว
ศ.นพ.ประเวศ กล่าวอีกว่า การยึดเป้าหมายร่วมกัน 1.ทุกชุมชนต้องไม่ทอดทิ้งกัน 2.ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง 3.ต้องสามารถรักษาโรคที่พบบ่อยได้หมดในพื้นที่ เช่น หวัด ปวดท้อง ท้องเดิน โดยการเชื่อมโยงความร่วม 3 ระดับ จากตัวเอง ครอบครัว และชุมชนสุขภาพ 4.ต้องควบคุมโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงให้ได้ ให้สถานีอนามัยสามารถตรวจและรักษาทุกคนได้ 5.ผู้สูงอายุต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยไม่จำเป็นต้องมาโรงพยาบาล ควรมีการให้บริการโฮมแคร์จากอาสาสมัครสำหรับผู้สูงอายุในชุมชน และประเทศไทยควรเป็นมหาอำนาจทางการพยาบาล 6.ชุมชนต้องควบคุมโรคไข้เลือดออก ซาร์ส ไข้หวัดนก ให้ได้ และ7.ต้องมีการสร้างเสริมสุขภาพคนในชุมชน
ราษฎรอาวุโส กล่าวด้วยว่า อาชีพพยาบาลเกี่ยวข้องกับคนตั้งแต่ครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน เป็นบุคลากรที่มีรายได้ มีงานทำ มีประโยชน์ และมีเกียรติ ดังนั้นการทำอะไรอย่าเอาความรู้เป็นตัวตั้ง ควรเอาใจเป็นตัวตั้งเพื่อให้เป็นพยาบาลไทยหัวใจเพื่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของพยาบาลไทยที่ทั่วโลกต้องการ
ด้านนางจรรยาวัฒน์ ทับจันทร์ ประธานชมรมพยาบาลชุมชนแห่งประเทศไทย กล่าวถึงงานพยาบาลชุมชน ว่า เป็นจุดเปลี่ยนระบบสุขภาพไทยเป็นการสร้างเสริมสุขภาวะระดับชุมชนให้เข้มแข็ง ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างท้องถิ่นและงานพยาบาล ที่ผ่านมาจากการประชุมทั้ง 5 ครั้งได้พัฒนาวิธีคิดและปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของงานพยาบาลชุมชนโดยการใช้งานวิจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งมีตัวอย่างความสำเร็จของงานพยาบาลชุมชนแล้ว เช่น กรณีการกำหนดนโยบายสาธารณะเพื่อลดการบริโภคสุราของอ.เชียงกลาง จ.น่าน และอ.ปราสาท จ.สุรินทร์ การมีส่วนร่วมพัฒนาเด็กเล็ก อ.ควนโดน จ.สตูล และอ.นาดูน จ.มหาสารคาม เป็นต้น
ทั้งนี้ การประชุมวิชาการระดับชาติพยาบาลชุมชนครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันของนักวิชาชีพ ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อขยายเครือข่ายความร่วมมือในการทำงานพยาบาลชุมชน โดยมีโครงการวิจัยเชิงคุณภาพจำนวน 56 เรื่องถูกนำเสนอในเวที รวมทั้งมีการอมอบรางวัลพยาบาลดีเด่นประจำปีจำนวน 10 รางวัลด้วย