ผู้สูงอายุไทยน่าห่วงเจอทั้งโรครุมเร้า ถูกทิ้งอยู่คนเดียวเกือบ5แสนคน
วันนี้ (15 ก.พ.) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์บรรลุ ศิริพานิช ประธานมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย นายแพทย์พงษ์พิสุทธิ์ จงอุดมสุข ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) รศ.นายแพทย์วิชัย เอกพลากร หัวหน้าโครงการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ร่วมแถลงผลสำรวจสุขภาพผู้สูงอายุไทยทั่วประเทศใน 21 จังหวัด โดยการสัมภาษณ์กับตรวจสุขภาพ ครั้งล่าสุดในปี 2551-2552 กลุ่มตัวอย่าง 30,000 คน โดยได้รับการสนับสนุนจาก สวรส. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
นางพรรณสิริ กล่าวถึงผลจากความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจ และความเจริญก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะสาขาการแพทย์และสาธารณสุข ทำให้ประชาชนมีอายุยืนยาวขึ้น ขณะที่อัตราการเกิดลดลง ทำให้สัดส่วนจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้นเป็นลำดับ โดยประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว เพราะมีจำนวนผู้สูงอายุเกินกว่าร้อยละ 10 ตั้งแต่ปี 2548 ขณะนี้ทั่วประเทศมีผู้สูงอายุกว่า 7 ล้าน 3 แสนคน และคาดว่าอีก 15 ปีคือปี 2568 สัดส่วนจำนวนผู้สูงอายุไทยอายุ 60 ปีขึ้นไปจะเพิ่มเป็นร้อยละ 20 กล่าวคือพบผู้สูงอายุได้ 1 คนในประชากรไทยทุก5 คน ซึ่งทุกฝ่ายต้องเร่งพัฒนาระบบบริการต่างๆ รองรับอย่างเหมาะสมกับสภาวะสังคมไทย ขณะเดียวกันต้องมีระบบเตรียมความพร้อมประชาชนให้เข้าสู่การเป็นผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ เนื่องจากผู้สูงอายุจะต้องเผชิญกับปัญหาความเสื่อมถอยของอวัยวะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข โดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ได้ทำการสำรวจสุขภาพคนไทยและผู้สูงอายุทุก 5 ปี เพื่อประเมินสถานการณ์สภาวะด้านสุขภาพและสิ่งที่เกี่ยวข้องที่เป็นสาเหตุ เพื่อนำข้อมูลมาวางแผนจัดบริการและการป้องกันที่เหมาะสม ผลการสำรวจสุขภาพผู้สูงอายุครั้งที่ 4 เมื่อพ.ศ. 2551-2552 ใช้วิธีสัมภาษณ์และตรวจสุขภาพโดยตรง ดำเนินการ 3 เรื่องหลัก คือกลุ่มโรคเรื้อรัง กลุ่มโรคที่เกิดจากความเสื่อมของอวัยวะ และโรคเกี่ยวกับด้านสุขภาพจิต พบว่าผู้สูงอายุมีปัญหาสุขภาพเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาวะอ้วน อ้วนลงพุง และไขมันคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย
ผลสำรวจในกลุ่มโรคเรื้อรัง พบผู้สูงอายุเกือบครึ่งมีความดันโลหิตสูงกว่าปกติ มีเพียงร้อยละ 3 ที่รู้ตัวว่าตัวเองป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ในจำนวนนี้ร้อยละ 55 ได้รับการดูแลรักษา ซึ่งดีขึ้นกว่าปี 2547 โดยสามารถควบคุมความดันเลือดได้ร้อยละ 28 ผู้หญิงจะควบคุมได้ดีกว่าผู้ชาย ส่วนเบาหวาน ตรวจพบผู้สูงอายุเป็นร้อยละ 16 แต่สัดส่วนการเข้ารับการรักษาสูงขึ้น แสดงว่าผู้สูงอายุตื่นตัวกับโรคนี้ สามารถเข้าถึงการบริการและการรักษาดีขึ้น ทั้งนี้ เห็นได้ว่า โรคความดันโลหิตสูงและเบาหวานมีแนวโน้มการดูแลและการให้บริการที่ดีขึ้น
ในกลุ่มโรคที่เกิดจากความเสื่อมของอวัยวะ 6 ปัญหา ได้แก่ ต้อกระจก การได้ยิน การบดเคี้ยว ข้อเสื่อม ภาวะสมองเสื่อมและการหกล้ม ตัวเลขที่น่าตกใจมากพบว่า ผู้สูงอายุไทยเป็นโรคข้อเสื่อมค่อนข้างสูงเฉลี่ยร้อยละ 19 คาดประมาณว่าขณะนี้ผู้สูงอายุไทย กำลังเชิญโรคข้อเสื่อม ประมาณ 1 ล้าน 4 แสนกว่าคน โรคดังกล่าวจะทำให้มีอาการปวดข้อ ข้อบวมอย่างเรื้อรัง พบในผู้ชายร้อยละ 24 และผู้หญิงร้อยละ 14 ส่วนภาวะสมองเสื่อม
พบผู้สูงอายุมีภาวะสมองเสื่อมร้อยละ 12 หรือประมาณ 880,000 คน พบในผู้หญิงร้อยละ 15 ผู้ชายร้อยละ 9 ส่วนใหญ่พบในเขตชนบทมากกว่าในเมือง ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุอยู่คนเดียว 69,000 คน ผู้สูงอายุเหล่านี้ร้อยละ 31 หรือจำนวน 265,000 คน ต้องการคนดูแล
ส่วนปัญหาสายตา พบเป็นต้อกระจกร้อยละ 21 ผู้สูงอายุหญิงเป็นมากกว่าชาย ส่วนใหญ่ผู้สูงอายุที่อยู่ในเขตเมืองเป็นมากกว่าผู้ที่อยู่ในชนบท ในด้านการบดเคี้ยว พบว่าผู้สูงอายุทั้งชายและหญิงร้อยละ 53 เหลือฟันในปากน้อยกว่า 20 ซี่ โดย 1 ใน 5 ใส่ฟันปลอมมากที่สุดคือผู้สูงอายุในกทม. ต่ำที่สุดคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นอกจากนี้ ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการหกล้มมาก ทำให้บาดเจ็บเกิดอันตรายต่อชีวิต ผลการสำรวจครั้งนี้พบว่า ผู้สูงอายุร้อยละ 18 เคยหกล้มใน 6 เดือนที่ผ่านมา เฉลี่ยผู้สูงอายุเคยหกล้มคนละ 2 ครั้ง โดยผู้สูงอายุชายส่วนใหญ่หกล้มนอกบ้าน ผู้สูงอายุหญิงหกล้มภายในบริเวณบ้านมากกว่า สาเหตุที่พบบ่อยเกิดจากพื้นลื่นร้อยละ 42 รองลงมาคือ สะดุดสิ่งกีดขวางร้อยละ 35 และพื้นต่างระดับร้อยละ 25 จากการถามลักษณะบ้านที่อาศัย พบว่า ผู้สูงอายุจำนวนมากยังอยู่ในบ้านที่ไม่ได้ดัดแปลงให้เหมาะ เช่น ต้องใช้บันไดในชีวิตประจำวันร้อยละ 58 ในห้องน้ำไม่มีราวจับร้อยละ 90 และไม่มีราวจับในห้องนอนร้อยละ 96 เป็นต้น
สำหรับโรคเกี่ยวกับด้านสุขภาพจิต พบผู้สูงอายุมีภาวะซึมเศร้าเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 5 พบผู้หญิงร้อยละ 7 ผู้ชายร้อยละ 3 และพบมากขึ้นตามอายุที่มากขึ้น สาเหตุหนึ่งเกิดจากการดูแลผู้สูงอายุ แนวโน้มผู้สูงอายุอยู่คนเดียวมากขึ้นทุกปี ข้อมูลจากสำมะโนประชากรตั้งแต่ปี 2513 ผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวมีร้อยละ 4 แต่ในปี 2547 พบว่าจำนวนผู้สูงอายุที่อยู่โดดเดี่ยวตามลำพังเพิ่มเป็นร้อยละ 7 หรือประมาณ เกือบ 5 แสนคน