สช.เผย 57 โครงการมาบตาพุดแห่ทำเอชไอเอคึกคัก
อุตสาหกรรมพื้นที่อื่นขยับตาม หมออำพล ย้ำใช้เวลาบ้างแต่ลดความขัดแย้งได้ เล็งเสนออรัฐบาลพิจารณาผังเมืองมาบตาพุดเพิ่มแนวเขตกันชน
จากการที่ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ได้ประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการทำรายงานผลกระทบด้านสุขภาพ หรือ เอชไอเอ. (HIA : Health Impact Assessment) ตาม พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติพ.ศ.2550 ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2552 ซึ่งต่อมาคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้นำส่วนหนึ่งของหลักเกณฑ์ดังกล่าวไปประกาศให้เป็นกระบวนการทำเอชไอเอในการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ เพื่อให้เอกชนดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฯพ.ศ.2550 มาตรา 67 วรรค 2 นั้น
จากข้อมูลจนถึงวันที่ 3 มีนาคม 2553 ขณะนี้ภาคเอกชนได้แจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ตามระเบียบ โดยกำลังเร่งเปิดเวทีรับฟังความเห็นประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวน 67โครงการ เป็นโครงการในพื้นที่จังหวัดระยอง 57 โครงการ
นายแพทย์อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการสช. กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลเร่งดำเนินการเพื่อพยายามผ่าทางตันการดำเนินการตามมาตรา มาตรา 67 วรรค 2 ในส่วนของโครงการที่เคยทำอีไอเอ.ไปแล้ว แต่ศาลปกครองได้พิพากษาให้ระงับโครงการไว้ก่อน เพราะยังไม่ได้ทำเอชไอเอ.และยังไม่ได้จัดให้มีการรับฟังความเห็นจากองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสุขภาพ จนถึงขณะนี้มีเอกชนจัดกระบวนการทำเอชไอเอในขั้นการรับฟังความเห็นของประชาชนเพื่อกำหนดขอบเขตการทำเอชไอเอ.(public scoping)จำนวน 64 โครงการ เป็นโครงการที่อยู่ในจังหวัดระยองจำนวน 57 โครงการ ในจำนวนนี้อยู่ในพื้นที่มาบตาพุตเป็นส่วนใหญ่
“นอกนั้นอยู่ในอำเภอเมืองและอำเภออื่นๆ ที่อยู่ในจังหวัดอื่น ได้แก่ โครงการปรับปรุงโรงงานปูนซิเมนต์และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในหลายพื้นที่ อาทิ จ.สระบุรี , จ.นครศรีธรรมราช , จ.ลำปาง, โครงการเหมืองแร่เกลือหิน จ.นครราชสีมา ,โครงการท่าเทียบเรือน้ำมันและก๊าซ จ.สงขลา ,โครงการก่อสร้างถนนรอบเกาะช้าง ช่วงบ้านบางเบ้า-บ้านสลักเพชร อ.เกาะช้าง จ.ตราด รวมทั้งโครงการจัดทำแผนแม่บทการใช้ประโยชน์พื้นที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย บริเวณท่าเรือกรุงเทพฯ ด้วย”
นายแพทย์อำพล กล่าวอีกว่า การเปิดเวทีรับฟังความเห็นประชาชนเป็นกระบวนการใหม่ ในการทำอีไอเอที่ผ่านๆมาไม่เคยมี กระบวนการนี้เป็นการเปิดให้ประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากโครงการได้มีโอกาสซักถามข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการ แสดงข้อห่วงกังวลต่อผลกระทบด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นเมื่อทำโครงการ ซึ่งฝ่ายเจ้าของโครงการที่มีนักวิชาการหรือบริษัทที่ปรึกษาจัดทำเอชไอเอ.ให้ จะต้องนำข้อห่วงใยของประชาชนไปปรับปรุงกรอบการประเมินให้เหมาะสมยิ่งขึ้น แล้วจึงทำการเก็บข้อมูล ศึกษาวิเคราะห์และประมวลผลทั้งหมด แล้วต้องกลับมานำเสนอผลให้ประชาชนที่เกี่ยวข้องรับทราบเพื่อซักถามอีกครั้งหนึ่ง ขั้นตอนนี้เรียกว่า public review
“เพื่อเปิดโอกาสให้กระบวนการทำ เอชไอเอ.มีความโปร่งใสและประชาชนมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิด ที่สำคัญคือจะทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันอย่างใกล้ชิด แม้ว่าอาจจะดูว่าใช้เวลามากหน่อย แต่ก็จะทำให้โครงการได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายก่อนที่จะลงมือดำเนินการ ไม่ต้องมาขัดแย้งกันภายหลัง จากการที่ได้ไปสังเกตการณ์การเปิดเวทีรับฟังความเห็นมาบ้างแล้วพบว่าเป็นกระบวนการที่ทุกฝ่ายเกี่ยวข้องได้หันหน้าเข้ามาคุยกันอย่างสร้างสรรค์ แต่เมื่อการดำเนินการผ่านไปแล้วระยะหนึ่งคงต้องมีการประเมินผลเพื่อพัฒนาหลักเกณฑ์และวิธีการทำเอชไอเอ.ให้ดียิ่งขึ้นต่อไปด้วย” เลขาธิการ สช.กล่าว
นายแพทย์อำพล กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ การประชุมคณะกรรมการศึกษา สนับสนุน และติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาผลกระทบต่อสุขภาพ : กรณีผลกระทบจากอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุดและจังหวัดระยอง ซึ่งคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้แต่งตั้งขึ้นตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ปี 2551ได้ติดตามปัญหาในพื้นที่มาตลอด และล่าสุดในการประชุมมีมติว่าจะผลักดันแนวทางการแก้ไขผังเมืองให้มีแนวเขตกันชน หรือ Buffer zone โดยเตรียมเสนอเข้า คสช.และส่งให้รัฐบาลพิจารณาต่อไป